ข้ามไปเนื้อหา

โลกธาตุ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

โลกธาตุ ในทางพระพุทธศาสนานั้น มีแสนโกฏิจักรวาล หรือ 1 ล้านล้านจักรวาล

จักรวาลในศาสนาพุทธแบ่งออกเป็น 3 ขนาด

  1. จักรวาลขนาดเล็ก ( น่าจะหมายถึงสุริยจักรวาล )
  2. จักรวาลขนาดกลาง ( น่าจะหมายถึงกาแล็คซี่ )
  3. จักรวาลขนาดใหญ่ ( น่าจะเป็นกลุ่มกาแล็คซีจำนวนมากที่หมุนวนอยู่ในรูปดาราจักร เช่นเดียวกับสุริยจักรวาลและกาแล็คซี่ )

ตามหลักอภิธรรมได้อธิบายไว้ว่า

  • หนึ่งพันจักรวาลขนาดเล็ก รวมกันเป็น หนึ่งจักรวาลขนาดกลาง
  • หนึ่งพันจักรวาลขนาดกลาง รวมกันเป็น หนึ่งจักรวาลขนาดใหญ่

และ

  • หนึ่งพันโลกธาตุขนาดเล็ก เป็น หนึ่งโลกธาตุขนาดกลาง
  • หนึ่งพันโลกธาตุขนาดกลาง เป็น หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่

หรือ

  • โลกธาตุขนาดเล็ก จะเท่ากับ จักรวาลขนาดกลาง
  • โลกธาตุขนาดกลาง จะเท่ากับ จักรวาลขนาดใหญ่

ดังนั้น

  • หนึ่งพันจักรวาลขนาดเล็ก เป็น หนึ่งโลกธาตุขนาดเล็ก
  • หนึ่งพันจักรวาลขนาดกลาง เป็น หนึ่งโลกธาตุขนาดกลาง
  • หนึ่งพันจักรวาลขนาดใหญ่ เป็น หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่
  • โลกธาตุขนาดใหญ่มีจำนวนหนึ่งพันโลกธาตุ


  • โลกธาตุขนาดเล็กชื่อว่าสหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ มีพันจักรวาล
  • โลกธาตุขนาดกลางชื่อว่าทวิสหัสสีมัชฌิมิกาโลกธาตุ มีล้านจักรวาล
  • โลกธาตุขนาดใหญ่ชื่อว่าติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ มีพันล้านจักรวาล

โลกธาตุขนาดใหญ่มีจำนวนหนึ่งพันโลกธาตุ เมื่อนับรวมจักรวาลขนาดเล็กทั้งสิ้น ก็จะได้หนึ่งล้านล้านจักรวาล หรือแสนโกฏิจักรวาล ( หนึ่งพัน หรือ สหัสส ในภาษาบาลี ไม่ใช่จำนวนจริง แต่เป็นจำนวนภาษา หรือจำนวนประมาณ ในความหมายว่ามีจำนวนมากมายเป็นพันหรือหลายพัน )


เวลาถือกำเนิดจนสิ้นสลายไปของจักรวาลรอบหนึ่งเรียกว่ากัป

  • จักรวาลขนาดเล็กแตกเรียกว่า 1 จุลกัป
  • จักรวาลขนาดเล็กแตก 7 ครั้งในครั้งที่ 8 จักรวาลขนาดกลางจะแตกเรียกมัชฌิมกัป ( ซึ่งจักรวาลขนาดเล็กในจักรวาลขนาดกลางย่อมแตกตามไปด้วย )
  • จักรวาลขนาดกลางแตก 7 ครั้งในครั้งที่ 8 จักรวาลขนาดใหญ่จะแตกเรียกมหากัป ( ซึ่งจักรวาลขนาดเล็กและจักรวาลขนาดกลางในจักรวาลขนาดใหญ่ย่อมแตกตามไปด้วย )

รวมเป็นแตกดับ 64 รอบในหนึ่งมหากัป

  • จักรวาลขนาดเล็กแตกด้วยธาตุไฟ
  • จักรวาลขนาดกลางแตกด้วยธาตุน้ำ
  • จักรวาลขนาดใหญ่แตกด้วยธาตุลม

ซึ่งจักรวาลขนาดใหญ่นั้น ต่างเกิดขึ้นและแตกดับไม่พร้อมกัน ดุจฟองพรายน้ำ

ในวันสิ้นโลกในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนากล่าวว่าดวงอาทิตย์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น 7 เท่า หรืออาจมี 7 ดวง ( ในคัมภีร์ สัตต แปลว่า 7 อาจ 7 เท่า หรือ 7 ดวงก็ได้ ) หมายถึงลักษณะการแตกสลายไปของจักรวาลขนาดเล็กเท่านั้น

พระพุทธองค์ตรัสแสดงบอกลักษณะของโลกนี้ ว่า มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ ( แผ่นดินและมหาสมุทร ) น้ำตั้งอยู่บนลม ( มหาสมุทรและชั้นบรรยากาศ ) ลมตั้งอยู่บนอากาศ ( ชั้นบรรยากาศและอวกาศ ) สมัยที่ลมใหญ่พัด เมื่อลมใหญ่พัดอยู่ย่อมยังน้ำให้ไหว น้ำไหวแล้ว ย่อมยังแผ่นดินให้ไหว

อ้างอิง

[แก้]

จูฬนีสูตร สุตตันตะปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม 1 ภาค 3 หน้า 431

สุริยสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 214

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพาน