ข้ามไปเนื้อหา

โบอิง EA-18G กราวเลอร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
EA-18G กราวเลอร์
EA-18G ทร.สหรัฐ ในมหาสมุทรแปซิฟิก
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทเครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์
ชาติกำเนิด สหรัฐ
บริษัทผู้ผลิตโบอิง
สถานะประจำการอยู่
ผู้ใช้งานหลักกองทัพเรือสหรัฐ
จำนวนที่ผลิต172 ลำ (2021)[1]
ประวัติ
สร้างเมื่อ2004–ปัจจุบัน
เริ่มใช้งาน22 กันยายน 2009[2]
เที่ยวบินแรก15 สิงหาคม 2006
พัฒนาจากF/A-18E/F ซูเปอร์ฮอร์เน็ท

โบอิง EA-18G กราวเลอร์ (Boeing EA-18G Growler) เป็นเครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของสหรัฐ ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ F/A-18E/F ซูเปอร์ฮอร์เน็ท แบบสองที่นั่ง ซึ่งเข้ามาแทนที่ EA-6B พราวเลอร์ ซึ่งปลดประจำการจากกองทัพเรือสหรัฐ ความสามารถด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของกราวเลอร์ได้รับการพัฒนาโดยนอร์ธรอปกรัมแมนเป็นหลัก EA-18G เริ่มการผลิตในปี 2007 และเข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2009 นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังได้จัดซื้อ EA-18G จำนวน 13 ลำ และเข้าประจำการในกองทัพอากาศออสเตรเลียในปี 2017

ความเป็นมา

[แก้]

ในยุคสงครามเย็นและหลังสงครามเวียดนาม เครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นกำลังหลักของกองทัพเรือและนาวิกโยธินสหรัฐฯ คือ EA-6B พราวเลอร์ ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องบินโจมตี A-6 อินทรูเดอร์ แม้พิสูจน์ประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยมในสงครามเวียดนาม สงครามอ่าว และปฏิบัติการทางทหารทั่วโลก แต่เมื่อเวลาผ่านไป EA-6B ก็เริ่มแสดงข้อจำกัด ทั้งด้านความเร็วต่ำ อัตราเร่งด้อยกว่าเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ ต้นทุนการบำรุงรักษาสูง และระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนเกินไปเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีดิจิทัลยุคใหม่

เมื่อเข้าสู่ทศวรรษ 1990 สหรัฐตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้างเครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ ที่สามารถปฏิบัติภารกิจร่วมกับเครื่องบินขับไล่โจมตีสมัยใหม่ได้อย่างราบรื่น โดยต้องมีความเร็ว พิสัยการบิน และระบบอาวุธเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับฝูงบินขับไล่หลัก เพื่อไม่ให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังในสนามรบ แนวคิดจึงมุ่งไปที่การพัฒนาเครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์จากแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้วแทนที่จะสร้างใหม่ทั้งหมด เพื่อประหยัดงบประมาณและเวลา ต่อมาในปี 1995 กองทัพเรือสหรัฐได้เลือก F/A-18E/F ซูเปอร์ฮอร์เน็ท แบบสองที่นั่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเครื่องบินสงครามอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ เนื่องจาก ซูเปอร์ฮอร์เน็ทมีความเร็วเหนือเสียง คล่องตัวสูง และสามารถบรรทุกอาวุธได้มาก ขณะเดียวกันก็มีโครงสร้างที่แข็งแรง

ขีดความสามารถ

[แก้]
EA-18G บินทดสอบและประเมินผล ติดตั้งถังเชื้อเพลิงภายนอก กระเปาะแจมมิ่ง มิสไซล์ AGM-88 HARM และมิสไซล์ AIM-120 AMRAAM

ภารกิจของ EA-18G กราวเลอร์คือ "ทำให้ข้าศึกหูหนวกตาบอด" โดยอาศัยการตรวจจับและก่อกวนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ตั้งแต่สัญญาณเรดาร์ไปจนถึงการสื่อสารทางวิทยุ เพื่อปกป้องกองกำลังโจมตีและกองเรือในการรบสมัยใหม่ กราวเลอร์ติดตั้งระบบตรวจจับและระบุแหล่งกำเนิดคลื่นที่มีความไวสูง สามารถฟัง วิเคราะห์ และระบุตำแหน่งเรดาร์หรือการสื่อสารของฝ่ายตรงข้ามแบบทันที จากนั้นจะใช้กระเปาะแจมมิ่งซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ก่อกวนสัญญาณ กระจายคลื่นวิทยุรบกวนหรือหลอกล่อ ทำให้ระบบเรดาร์และการสื่อสารของข้าศึกใช้การไม่ได้ ทั้งยังสามารถเลือกก่อกวนในระยะใกล้เพื่อคุ้มกันหมู่บินโจมตี หรือก่อกวนจากระยะไกลตามสถานการณ์

นอกจากการก่อกวนสัญญาณ EA-18G กราวเลอร์ยังมีบทบาทในการข่มการป้องกันภัยทางอากาศของข้าศึก (SEAD) ด้วยมิสไซส์ต่อต้านเรดาร์ AGM-88 HARM ซึ่งสามารถโจมตีที่ตั้งอุปกรณ์เรดาร์ของข้าศึกโดยตรง รวมถึงมีมิสไซส์อากาศสู่อากาศไว้ป้องกันตนเองจากเครื่องบินข้าศึก ความสามารถเหล่านี้เสริมด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ Link-16 และดาวเทียม ทำให้กราวเลอร์สามารถแชร์เดต้าในสนามรบแบบเรียลไทม์กับเครื่องบินโจมตี, เครื่องบินขับไล่สเตลธ์ หรือแม้แต่หน่วยภาคพื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยพื้นฐานที่รับมาจากซูเปอร์ฮอร์เน็ท ทำให้กราวเลอร์มีความคล่องตัวและทนทานสูงต่อภัยคุกคาม ลูกเรือสองนาย ซึ่งได้แก่นักบินและนายทหารฝ่ายสงครามอิเล็กทรอนิกส์ จะร่วมกันตัดสินใจเลือกเทคนิคการก่อกวนที่เหมาะสมตามสถานการณ์ ปัจจุบันกราวเลอร์กำลังได้รับการอัปเกรดเป็นระบบแจมมิ่งรุ่นใหม่ AN/ALQ-249 ที่มีกำลังสูงขึ้นและควบคุมทิศทางคลื่นได้แม่นยำมากกว่าเดิม เพื่อรับมือกับระบบป้องกันภัยทางอากาศยุคใหม่ เมื่อทำงานร่วมกับเครื่องบินขับไล่ยุค 4.5 ขึ้นไป จะทำให้กราวเลอร์เป็นกำลังหลักด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของโลก

ผู้ใช้งาน

[แก้]
EA-18G กราวเลอร์ ทอ.ออสเตรเลีย
 ออสเตรเลีย
 สหรัฐ

คุณลักษณะ

[แก้]
  • ลูกเรือ: 2 นาย (1 นักบิน + 1 นายทหารฝ่ายสงครามอิเล็กทรอนิกส์)[3]
  • ความยาว: 18.3 เมตร
  • ความกว้างปีก: 13.62 เมตร (กางเต็ม) / 9.32 เมตร (พับปีก)
  • ความสูง: 4.88 เมตร
  • น้ำหนักตัวเปล่า: 15,011 กิโลกรัม
  • น้ำหนักสูงสุดในการขึ้นบิน: 29,937 กิโลกรัม
  • ถังเชื้อเพลิงภายใน: 6,323 กิโลกรัม
  • เครื่องยนต์: General Electric F414-GE-400 จำนวนสองหน่วย แต่ละหน่วยให้กำลัง 22,000 ปอนด์ (98 kN) มีสันดาบท้าย
  • ความเร็วสูงสุด: มัค 1.8 (1,960 กม/ชม.)
  • พิสัยปฏิบัติการ: 2,346 กิโลเมตร (โดยไม่เติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ)
  • เพดานบินใช้งาน: ขึ้นต่ำ 15,000 เมตร (50,000 ฟุต)
  • อาวุธและระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์

อ้างอิง

[แก้]
  1. "U.S. Navy on Track to Sell Replacement EA-18G Growler Aircraft to Australia". Seapower. October 2021. สืบค้นเมื่อ 15 June 2022.
  2. U.S. Navy (2 December 2009), EA-18G achieves Initial Operational Capability, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 January 2016
  3. "EA-18G Capabilities." เก็บถาวร 5 กันยายน 2007 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Boeing. Retrieved: 15 July 2011.