แรงต้านแรงโน้มถ่วง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก แรงต่อต้านแรงโน้มถ่วง)

แรงต้านแรงโน้มถ่วง (อังกฤษ: anti-gravity) คือแนวความคิดของการสร้างสถานที่หรือวัตถุที่เป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วง ไม่ได้หมายถึงการไม่มีของน้ำหนักภายใต้แรงโน้มถ่วงที่ประสบกับเหตุการณ์ในการตกอย่างอิสระหรือในวงโคจร หรือความสมดุลระหว่างแรงโน้มถ่วงกับแรงอื่น ๆ บางชนิด เช่น เช่นแรงยกทางแม่เหล็กไฟฟ้าหรือทางอากาศพลศาสตร์ แรงต้านแรงโน้มถ่วงเป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นในนิยายวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการขับเคลื่อนยานอวกาศ ตัวอย่างแรก ๆ คือ สารสกัดกั้นแรงโน้มถ่วง "คาโวฮีเต" (Cavorite) ในนิยายวิทยาศาสตร์ของเอช. จี. เวลส์ (H. G. Wells) เรื่อง มนุษย์คนแรกบนดวงจันทร์ (The First Men in the Moon)

ในกฎความโน้มถ่วงสากลของนิวตัน แรงโน้มถ่วงเป็นแรงภายนอกที่ส่งผ่านโดยวิธีการที่ไม่มีใครทราบ ในศตวรรษที่ 20 แบบจำลองของนิวตันก็ถูกแทนที่ด้วยสัมพัทธภาพทั่วไปที่แรงโน้มถ่วงไม่ได้เป็นแรง แต่เป็นผลมาจากรูปทรงทางเรขาคณิตของกาล-อวกาศ ภายใต้หลักสัมพัทธภาพทั่วไปนั้น แรงต้านแรงโน้มถ่วงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ยกเว้นเสียแต่ว่าจะเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ได้ถูกสร้างขึ้นมา [1][2][3] ฟิสิกส์ควอนตัมได้ตั้งสมมติฐานการดำรงอยู่ของ กราวิตอน (graviton), กลุ่มของอนุภาคมูลฐานที่ปราศจากมวลซึ่งเป็นสื่อส่งผ่านแรง, และความเป็นไปได้ของการสร้างหรือการทำลายเหล่านี้ก็ไม่มีความชัดเจน

"แรงต้านแรงโน้มถ่วง" มักจะถูกนำมาใช้เรียกขานเพื่อกล่าวถึงอุปกรณ์ที่ดูราวกับว่าพวกมันย้อนกลับแรงโน้มถ่วงได้แม้ว่าพวกมันจะถูกดำเนินการผ่านวิธีการอื่น ๆ ก็ตาม ตัวอย่างเช่น เครื่องยก (lifter) ซึ่งบินอยู่ในอากาศได้โดยใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า[4][5]

การแก้ปัญหาโดยสมมุติฐาน[แก้]

เกราะป้องกันแรงโน้มถ่วง (Gravity shield)[แก้]

ในปี 1948 มีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จชื่อ รอเจอร์ แบ๊บเซน (Roger Babson) (ผู้ก่อตั้งวิทยาลัยแบ๊บเซน (Babson College)) ได้ก่อตั้งมูลนิธิวิจัยแรงโน้มถ่วง (Gravity Research Foundation) เพื่อศึกษาวิธีการที่จะลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแรงโน้มถ่วง [6] ความพยายามของพวกเขาในตอนแรกออกจะดูเหมือนค่อนข้าง "บ้า ๆ บอ ๆ" (crankish) แต่พวกเขาก็ได้จัดการประชุมเป็นครั้งคราวเพื่อที่จะดึงคนอย่างเช่น คลาเรนซ์ เบิร์ดไซย์ (Clarence Birdseye) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง และ อิกอร์ ซิกอร์สกี (Igor Sikorsky) ซึ่งเป็น "บิดาแห่งเฮลิคอปเตอร์" มาร่วมวงด้วย เมื่อเวลาผ่านไปทางมูลนิธิได้หันเหความสนใจออกไปจากความพยายามที่จะควบคุมบังคับแรงโน้มถ่วงเอาไว้ใช้ประโยชน์, ไปเป็นความพยายามที่เพียงแค่อยากจะทำความรู้และความเข้าใจมันให้ดียิ่งขึ้นมากกว่านี้ ต่อมามูลนิธินี้เกือบจะสลายตัวหายสาบสูญไปหลังจากการตายของแบ๊บเซน (Babson) ผู้ที่ได้ก่อตั้งมูลนิธินี้ขึ้น ในปี 1967 อย่างไรก็ตามทางมูลนิธินี้ก็ยังคงเดินหน้าทำงานต่อไปจนได้รับรางวัลจากการนำเสนอการเขียนเรียงความได้เงินรางวัลเป็นจำนวนถึง 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ในปี ค.ศ. 2013 ต่อมามูลนิธินี้ก็ยังคงได้รับการบริหารงานต่อมาโดยการแยกตัวออกมาอยู่ที่เมืองเวลสลีย์, ในมลรัฐแมสซาชูเซต (Wellesley, Massachusetts) โดย จอร์จ ไรด์เอาต์ จูเนียร์ (George Rideout, Jr.) ผู้เป็นลูกชายของผู้อำนวยการคนเดิมของมูลนิธิ [7]

ข้อเรียกร้องเชิงประจักษ์และความพยายามในเชิงพาณิชย์ (Empirical claims and commercial efforts)[แก้]

มีความพยายามอยู่เป็นอันมากในการที่จะสร้างอุปกรณ์การต่อต้านแรงโน้มถ่วงและรายงานจำนวนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผลกระทบของปรากฏการณ์ของแรงต่อต้านแรงโน้มถ่วงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเหมือนอย่างกับในวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์ตามที่เคยอ่านกัน

อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับทางด้านไจโรสโคป[แก้]

A "kinemassic field" generator from U.S. Patent 3,626,605: Method and apparatus for generating a secondary gravitational force field

ไจโรสโคป (Gyroscopes) สามารถสร้างแรงให้เกิดขึ้นในตัวเองได้เมื่อขณะเกิดการบิดตัวในขณะที่กำลังดำเนินการ "เคลื่อนตัวมันเองออกมาจากแนวระนาบ" และสามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่จะยกตัวเองให้ลอยตัวอยู่ได้โดยประสานแรงยกตัวเองให้อยู่ในลักษณะที่ "ต่อต้าน" กับแรงโน้มถ่วง

ดูเพิ่ม[แก้]

Fictional accounts

อ้างอิง[แก้]

  1. Peskin, M and Schroeder, D.; An Introduction to Quantum Field Theory (Westview Press, 1995) [ISBN 0-201-50397-2]
  2. Wald, Robert M. (1984). General Relativity. Chicago: University of Chicago Press. ISBN 0-226-87033-2.
  3. Polchinski, Joseph (1998). String Theory, Cambridge University Press. A modern textbook
  4. Thompson, Clive (August 2003). "The Antigravity Underground". Wired. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-18. สืบค้นเมื่อ 23 July 2010.
  5. "On the Verge of Antigravity". About.com. สืบค้นเมื่อ 23 July 2010.
  6. Mooallem, J. (October 2007). A curious attraction. Harper's Magazine, 315(1889), pp. 84–91.
  7. "List of winners". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-28. สืบค้นเมื่อ 2016-03-06.
  • Cady, W. M. (15 September 1952). "Thomas Townsend Brown: Electro-Gravity Device" (File 24-185). Pasadena, CA: Office of Naval Research. Public access to the report was authorized on 1 October 1952.
  • Li, N., & Torr, D. (1991). Physical Review, 43D, 457.
  • Li, N., & Torr, D. (1992a). Physical Review, 46B, 5489.
  • Li, N., & Torr, D. (1992b). Bulletin of the American Physical Society, 37, 441.