แม่น้ำเซนต์จอนส์
แม่น้ำเซนต์จอนส์ | |
---|---|
แม่น้ำเซนต์จอนส์ใกล้แอสทอร์ | |
แม่น้ำเซนต์จอนส์กับที่ราบลุ่มแม่น้ำที่ระบุไว้ใน St. Johns River Water Management District: 1. ลุ่มแม่น้ำตอนบน, 2. ลุ่มแม่น้ำตอนกลาง, 3. ลุ่มแม่น้ำทะเลสาบจอร์จ, 4. ลุ่มแม่น้ำตอนล่าง, 5. ลุ่มแม่น้ำออกลาวาฮา | |
ที่มาของชื่อ | สเปน: San Juan del Puerto |
ที่ตั้ง | |
ประเทศ | สหรัฐ |
รัฐ | รัฐฟลอริดา |
นคร | แซนฟอร์ด, เดแบรี, เดลโทนา, เดแลนด์, พาแลตกา, กรีนโคฟสปริงส์, ออเรนจ์พาร์ก, แจ็กสันวิลล์ |
ลักษณะทางกายภาพ | |
ต้นน้ำ | St. Johns Marsh |
• ตำแหน่ง | near เวโลบีช, เทศมณฑลแม่น้ำอินเดียน รัฐฟลอริดา |
• พิกัด | 27°57′18″N 80°47′3″W / 27.95500°N 80.78417°W[1] |
• ระดับความสูง | 30 ฟุต (9.1 เมตร) |
ปากน้ำ | มหาสมุทรแอตแลนติก |
• ตำแหน่ง | แจ็กสันวิลล์ เทศมณฑลดูวัล รัฐฟลอริดา |
• พิกัด | 30°24′05″N 81°24′3″W / 30.40139°N 81.40083°W[1] |
• ระดับความสูง | 0 ฟุต (0 เมตร)[1] |
ความยาว | 310 ไมล์ (500 กิโลเมตร) |
พื้นที่ลุ่มน้ำ | 8,840 ตารางไมล์ (22,900 ตารางกิโลเมตร) |
อัตราการไหล | |
• ตำแหน่ง | เมย์พอร์ต |
• เฉลี่ย | 15,000 cubic foot per second (420 cubic metre per second) |
• สูงสุด | 150,000 cubic foot per second (4,200 cubic metre per second) |
ลุ่มน้ำ | |
ลำน้ำสาขา | |
• ซ้าย | Mills Creek River, Econlockhatchee River, Wekiva River, Alexander Springs, Salt Springs Run, Ocklawaha River, Rice Creek, Simms Creek, Black Creek, Ortega River, Trout River |
• ขวา | Murphy Creek/Dunn's Creek, Julington Creek, Pottsburg Creek, Intracoastal Waterway/Sisters Creek |
แม่น้ำเซนต์จอนส์ (อังกฤษ: St. Johns River; สเปน: Río San Juan) เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา มีความสำคัญทั้งในทางเศรษฐกิจและเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ด้วยความยาว 310 ไมล์ (500 กิโลเมตร) มีความลาดเอียงจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ (หรือปากแม่น้ำ) น้อยกว่า30 ฟุต (9 เมตร) โดยมีลักษณะเช่นเดียวกับแม่น้ำสายอื่นๆในรัฐฟลอริดา คือมีอัตราการไหลของน้ำต่ำมาก คือเพียง 0.3 mph (0.13 m/s) จึงมักจะถูกเรียกว่าเป็น "แม่น้ำขี้เกียจ" (lazy)[2] และยังเป็นหนึ่งในแม่น้ำไม่กี่สายในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีทิศทางการไหลสู่ทิศเหนือ ส่วนที่กว้างที่สุดของแม่น้ำ มีขนาดความกว้างเกือบ 3 ไมล์ (5 กิโลเมตร) มีประชากรอาศัยในเขตลุ่มน้ำของแม่น้ำเซนต์จอนส์มากถึง 3.5 ล้านคน[3]
ด้วยพื้นที่ลุ่มน้ำขนาดใหญ่ถึง 8,840 ตารางไมล์ (22,900 ตารางกิโลเมตร) ทำให้แม่น้ำเซนต์จอนส์เป็นหนึ่งในพื้นที่ชุ่มน้ำ (wetlands) ที่สำคัญของรัฐฟลอริดา[4][5] ประกอบด้วยพื้นที่ลุ่มน้ำหลัก 3 แห่ง และ 2 สันปันน้ำ สำหรับทะเลสาบจอร์จ (Lake George) และ แม่น้ำอ็อกลาวาฮา (Ocklawaha River) ซึ่งทั้งหมดนี้มีการบริหารจัดการน้ำโดยหน่วยงานบริหารจัดการแม่น้ำเซนต์จอนส์ (St. Johns River Water Management District)
แม้ว่ารัฐฟลอริดาจะเป็นบริเวณที่ตั้งของชุมชนอาณานิคมยุโรปถาวรแห่งแรกที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่รัฐฟลอริดากลับเป็นรัฐสุดท้ายที่ได้รับการพัฒนาในช่วงศตวรรษที่ 20 จนกระทั่งกลายเป็นรัฐหนึ่งซึ่งมีความเจริญอย่างมาก แม่น้ำเซนต์จอนส์ก็เช่นเดียวกับแม่น้ำสายอื่นๆในรัฐฟลอริดาซึ่งถูกใช้เป็นปัจจัยสำคัญในการทำเกษตรกรรมและเป็นชุมชนที่อยู่อาศัย จึงทำให้เกิดมลภาวะที่ทำลายธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่โดยรอบ
ในปี ค.ศ. 1998 แม่น้ำเซนต์จอนส์ได้รับการขนานนามให้เป็นหนึ่งใน 14 แม่น้ำมรดกของประเทศสหรัฐอเมริกา (American Heritage Rivers) แต่ในปี ค.ศ. 2008 กลับมีชื่อเป็นหนึ่งในแม่น้ำที่เป็นอันตรายที่สุด 10 อันดับแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา (America's Ten Most Endangered Rivers)[6]
ภูมิศาสตร์และนิเวศวิทยา
[แก้]ลุ่มน้ำตอนบน
[แก้]ลุ่มน้ำตอนบนอยู่ในบริเวณต้นน้ำของแม่น้ำเซนต์จอนส์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางไมล์ (5,200 ตารางกิโลเมตร) โดยมีความยาวของสายน้ำผ่านบริเวณลุ่มน้ำตอนบนนี้ประมาณ 75 ไมล์ (121 กิโลเมตร).[ต้องการอ้างอิง] มีช่วงที่แม่น้ำมีความแคบที่สุดอยู่ในบริเวณลุ่มน้ำนี้ และเต็มไปด้วยทะเลสาบมากถึง 3,500 แห่ง ซึ่งมักเป็นทะเลสาบที่มีความลึกไม่มากนัก ประมาณ 3 ถึง 10 ฟุต (1 ถึง 3 เมตร)[7][8] ทะเลสาบที่อยู่ในบริเวณนี้ เช่น ทะเลสาบเฮลแอนด์เบลซเซส (Lake Hell 'n Blazes) ทะเลสาบวอร์ชิงตัน (Lakes Washington) ทะเลสาบไวน์เดอร์ (Winder) และ ทะเลสาบพอยน์เซท(Poinsett)
ลุ่มน้ำตอนกลาง
[แก้]ลุ่มน้ำตอนกลางมีพื้นที่ประมาณ 1,200-ตารางไมล์ (3,100-ตารางกิโลเมตร) โดยแม่น้ำเซนต์จอนส์ที่ไหลผ่านบริเวณนี้มีช่วงความยาว 37 ไมล์ (60 กิโลเมตร) มีประชากรอาศัยประมาณ 2 ล้านคน และมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่งในบริเวณนี้ ทะเลสาบขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ ทะเลสายฮาร์นี่ (Lake Harney) ซึ่งมีขนาด 9-ตารางไมล์ (23-ตารางกิโลเมตร) และทะเลสาบมอนโร (Lake Monroe) ขนาด 15 ไมล์2 (39 กม2) ก็อยู่ในบริเวณนี้ด้วย
ลุ่มน้ำตอนล่าง
[แก้]บริเวณลุ่มน้ำตอนล่างของแม่น้ำเซนต์จอนส์มีพื้นที่ประมาณ 2,600 ตารางไมล์ (6,700 ตารางกิโลเมตร) โดยมีสายน้ำยาวถึง 101 ไมล์ (163 กิโลเมตร) ไหลผ่านบริเวณนี้ลงสู่มหาสมุทรแอทแลนติก (the Atlantic Ocean) เมืองที่ตั้งอยู่ในแถบลุ่มน้ำตอนล่างนี้ส่วนมากเป็นเมืองเก่าในรัฐฟลอริดาโดยมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาคู่กับสายน้ำแห่งนี้ เช่น เมือง Palatka และเมือง Green Cove Springs ก็เคยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในอดีต ซึ่งเสื่อมถอยความนิยมลงหลังจากมีการก่อสร้างทางรถไฟและทางหลวงอินเตอร์สเตตเลียบชายฝั่งแอทแลนติกขึ้น[9]
ช่วง 35 ไมล์ (56 กิโลเมตร) สุดท้ายของแม่น้ำเซนต์จอนส์ไหลผ่านเมืองแจ็คสันวิลล์ (Jacksonville) ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในรัฐฟลอริดา ในปี พ.ศ. 2550 เป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 12 ของประเทศ คือประมาณ 805,605 คน [10] เมืองนี้ก็อาศัยแม่น้ำเซนต์จอนส์เป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญของเมือง เช้น ในด้านระบบการขนส่งสินค้าต่างๆ โดยมีสินค้ามากถึง 18,000,000 short ton (16,000,000 t) ผ่านเข้าออกเมืองในแต่ละปี ท่าเรือที่เมืองแจ็คสันวิลล์สร้างความเจริญทางเศาษฐกิจถึง 1.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างงานแก่ประชากรถึง 10,000 ตำแหน่ง[11]
ดูเพิ่ม
[แก้]- List of lakes of the St. Johns River
- List of crossings of the St. Johns River
- List of Florida rivers
หมายเหตุ
[แก้]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 Feature Detail Report for: St. Johns River, US Geological Survey (October 19, 1979). Retrieved on October 25, 2009.
- ↑ Whitney, p. 215.
- ↑ Belleville, p. xxi.
- ↑ The St. Johns River: Nominated as an American Heritage River เก็บถาวร กุมภาพันธ์ 1, 2006 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Environmental Protection Agency. Retrieved on July 17, 2009.
- ↑ Whitney, p. 136.
- ↑ Ball, David (April 14, 2008).St. Johns River Makes 'Endangered' List, Jacksonville Financial and Daily Record, Retrieved on July 17, 2009.
- ↑ Benke and Cushing, p. 100.
- ↑ Belleville, p. 14.
- ↑ McCarthy, p. 88–100.
- ↑ US Census July 1, 2006 est.
- ↑ The St. Johns River: Nominated as an American Heritage River, Environmental Protection Agency (Part 2). Retrieved on July 17, 2009.
บรรณานุกรม
[แก้]- Belleville, Bill (2000). River of Lakes: A Journey on Florida's St. Johns River, University of Georgia Press. ISBN 0-8203-2156-7
- Benke, Arthur; Cushing, Colbert (eds.) (2005). Rivers of North America, Elsevier/Academic Press. ISBN 0-12-088253-1
- Cabell, Branch and Hanna, A. J. (1943). The St. Johns: A Parade of Diversities, Farrar & Rinehart, Rivers of America Series.
- Gannon, Michael (ed.) (1996). A New History of Florida, University Press of Florida. ISBN 0-8130-1415-8
- McCarthy, Kevin (2004). St. Johns River Guidebook, Pineapple Press. ISBN 1-56164-314-9
- Miller, James (1998). An Environmental History of Northeast Florida, University Press of Florida. ISBN 0-8130-2313-0
- Noll, Steven and Tegeder, M. David (August 2003). From Exploitation to Conservation: A History of the Marjorie Harris Carr Cross Florida Greenway hosted at the Florida Department of Environmental Protection website. Retrieved on July 19, 2009.
- Randazzo, Anthony and Jones, Douglas (eds.) (1997). The Geology of Florida. University Press of Florida. ISBN 0-8130-1496-4
- Rawlings, Marjorie (1942). Cross Creek, First Touchstone Edition 1996: Simon & Schuster. ISBN 0-684-81879-5
- Read, William Alexander (2004). Florida Place Names of Indian Origin and Seminole Personal Names, University of Alabama Press. ISBN 978-0-8173-8421-0
- Schafer, Daniel L. (March 2003). Anna Madgigine Jai Kingsley: African Princess, Florida Slave, Plantation Slaveowner. University Press of Florida. ISBN 0-8130-2616-4
- Simpson, J Clarence; Boyd, Mark F. (ed.) (1956). A Provisional Gazetteer of Florida Place-names of Indian Derivation. Florida Geological Survey, Special Publication No. 1.
- Stowe, Harriet B. (1873). Palmetto-Leaves. J. R. Osgood and Company.
- Tebeau, Charlton (1971). A History of Florida, University of Miami Press. ISBN 0-87024-149-4
- Whitney, Ellie; Means, D. Bruce; Rudloe, Anne (eds.) (2004) Priceless Florida: Natural Ecosystems and Native Species. Pineapple Press, Inc. ISBN 978-1-56164-309-7
- Young, Claiborne (1996). Cruising Guide to Eastern Florida, Pelican Publishing Company. ISBN 0-88289-992-9