แพน เรืองนนท์
แพน ทิพโยสถ | |
---|---|
แพน เรืองนนท์ ในวัย 65 ปี (พ.ศ. 2522) | |
เกิด | แพน พ.ศ. 2457 บ้านหลานหลวง ตำบลสนามกระบือ กรุงเทพพระมหานคร อาณาจักรสยาม |
เสียชีวิต | พ.ศ. 2522 (ราว 65 ปี) กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
ชื่ออื่น | แพน เรืองนนท์ เจ้าจอมสีสุวัตถิ์ อำไพพงศ์ |
อาชีพ | นักแสดง |
คู่สมรส |
|
บุตร | 9 คน[1] รวม กัญญา ทิพโยสถ |
บิดามารดา | พูน เรืองนนท์ (บิดา) แป้น เรืองนนท์ (มารดา) |
แพน ทิพโยสถ[2] หรือเป็นที่รู้จักในนามเดิมคือ แพน เรืองนนท์ (พ.ศ. 2457—2522) เป็นนางละครชาวไทย ซึ่งมีชื่อเสียงจากการเป็นนักแสดงละครชาตรีในห้วงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และโด่งดังจากการเข้ารับราชการเป็น เจ้าจอมสีสุวัตถิ์ อำไพพงศ์ หรือ บุปผาสวรรค์ ศรีสวัสดิ์ อำไพวงศ์ บาทบริจาริกาในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ โดยมีข่าวลือว่าเธอเป็น "ว่าที่พระราชินีกัมพูชา" จนได้รับการเรียกขานว่าเป็น "ซินเดอเรลลาสยาม"[3] แต่ท้ายที่สุดเธอก็ถูกส่งกลับประเทศไทยและมิได้รับราชการฝ่ายในของกัมพูชาอีกเลย
ประวัติ
[แก้]ชีวิตตอนต้น
[แก้]แพน เรืองนนท์ เกิดในครอบครัวนักแสดงละครชาตรีเมื่อปี พ.ศ. 2457 ที่บ้านหลานหลวง ตำบลสนามกระบือ กรุงเทพพระมหานคร (ปัจจุบันอยู่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร) เป็นบุตรสาวของพูน และแป้น เรืองนนท์[4] มารดาเป็นภรรยาคนแรก เธอมีพี่น้องร่วมบิดา 3 คน[5] และต่างมารดาอีก 14 คนหนึ่งในนั้นคือ ทองใบ เรืองนนท์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ละครชาตรี)[6]
ครอบครัวของเธอดำเนินกิจการแสดงละครชาตรีตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พื้นเพเป็นไพร่แถบนครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา ติดตามกองทัพของพระยาพระคลัง (ต่อมาคือสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)) เข้าไปตั้งถิ่นฐานในพระนคร[2] มีบรรพบุรุษชื่อ พระศรีชุมพล (ฉิม) บ้างว่าชื่อ เรือง[5] ชาวนครศรีธรรมราช ซึ่งเคยรับราชการในราชสำนักนครศรีธรรมราช จนรับสมญาว่า "ละครเรือเร่หรือละครเรือลอย" ที่ถ่ายทอดการแสดงละครชาตรีสู่ผู้สืบสันดาน[6][7] ด้วยเหตุนี้แพนบุตรสาวของพูนผู้มีหน้าตาสะสวยจึงซึมซับการเล่นละครชาตรีมาตั้งแต่เด็ก เมื่อจำเริญวัยเธอก็รับบทเป็นนางเอก[8]
ในเวลาต่อมาพูนซึ่งขณะนั้นยังไม่มีนามสกุลใช้ ได้ผูกชื่อบิดาของตัวคือ นนท์ และชื่อปู่คือ เรือง มาตั้งเป็นนามสกุลเรืองนนท์[1] และตั้งคณะของตนเองขึ้นใช้ชื่อว่า ละครชาตรีคณะนายพูน เรืองนนท์[5] ลูกหลานของสกุลเรืองนนท์ยังคงประกอบกิจเป็นนักแสดงละครชาตรี และอื่น ๆ ได้แก่ คณะครูทองใบ เรืองนนท์ ของบัวสาย เรืองนนท์ คณะกัญญาลูกแม่แพน ของกัญญา ทิพโยสถ คณะวันดีนาฏศิลป์ ของวันดี เรืองนนท์ คณะครูพูน เรืองนนท์ ของสุภาภรณ์ ฤกษ์สะสาร และ คณะละครรำกนกพร ทิพโยสถ ของกนกพร ทิพโยสถ[9]
ตำแหน่งบาทบริจาริกาและชื่อเสียง
[แก้]พูนรับเล่นละครกับคุณหญิงลิ้นจี่ ครั้นไปเปิดวิกที่อื่นก็ทำให้การแสดงคณะของพูนจึงขาดช่วงไป กอปรกับช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำจนคนไม่อยากจ่ายเงินมาดูละคร พูนจึงเสนอให้คุณหญิงลิ้นจี่เลือกตัวละครที่ชอบไปแสดง คุณหญิงลิ้นจี่จึงเลือกแพนและชื้น (สมญา ชื้นตาหวาน) นำคณะไปเล่นละครแถบอรัญประเทศ และเข้าไปยังแถบเมืองพระตะบอง[10] ชื่อเสียงของคณะละครดังไปถึงพระเนตรพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ ทรงเรียกให้ไปเล่นละครในพนมเปญ ชื้นตาหวานผู้เป็นตัวพระเอกไม่กล้ารับแต่แพนตัวนางเอกรับปากและเข้าไปยังราชสำนักเขมร พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์จึงให้แพนร่วมแสดงกับเหล่าพระสนม โดยแพนรับบทเป็น "บุษบา" ตอนไหว้พระ ต่อหน้าพระพักตร์ ผลก็คือพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ทรงพอพระราชหฤทัยยิ่ง[4][8] ทรงรับนางสาวแพนเข้าเป็น เจ้าจอมสีสุวัตถิ์ อำไพพงศ์ และพระราชทานบรรดาศักดิ์ชั้น "หลวง" แก่นายพูนผู้บิดา[11]
เรื่องราวดั่งนิยายของเธอได้รับเปิดเผยครั้งแรก จากการสืบเสาะของนักข่าวหนังสือพิมพ์กรุงเทพเดลิเมล์ที่ชื่อว่าประสุต (ไม่ปรากฏนามสกุล) ที่บังเอิญได้ยินบบทสนทนาจากกลุ่มสตรีที่ลงรถไฟที่สถานีหัวลำโพง ที่กำลังสนทนาว่าด้วยเรื่องมารดาของแพนเล่าให้ฟังระหว่างโดยสารรถไฟกลับมาจากแดนกัมพูชาโดยอ้างว่าบุตรสาวของนางจะได้รับการแต่งตั้งเป็นราชินีแห่งกัมพูชาซึ่งตอนนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าจอมแล้ว หลังสัมภาษณ์นางแป้น ประสุตได้รายงานแก่แอนดริว เอ. ฟรีแมน (อังกฤษ: Andrew A. Freeman) ผู้เป็นบรรณาธิการ นายฟรีแมนจึงตัดสินใจพาดหัวข่าวสำหรับหนังสือพิมพ์กรุงเทพเดลิเมล์ว่า "SIAMESE DANCER MAY BE CAMBODIA'S QUEEN" (นางละครชาวสยามอาจได้เป็นราชินีแห่งกัมพูชา) ทำให้เรื่องส่วนตัวของแพนโด่งดังมากในปี พ.ศ. 2470[12][13]
หลังข่าวแพร่สะพัด ชีวิตรักของหญิงสามัญกับกษัตริย์กัมพูชาก็เป็นที่โจษขานในสังคมพระนคร นายฟรีแมนระบุไว้ว่า "บ้านของบิดามารดานางสาวแพนกลายเป็นศาลเจ้าสำหรับคนที่เชื่อในความมหัศจรรย์ พวกเขาถูกถ่ายรูป ถูกสัมภาษณ์ และได้รับการว่าจ้างให้ไปปรากฏตัวในงานแสดงต่าง ๆ"[3] นางแป้นผู้มารดาได้กล่าวอย่างภาคภูมิว่า "ก่อนฉันเดินทางกลับมา [จากกัมพูชา] ทั้งสองคนกำลังมีความสุขมาก แพนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอเป็นภรรยาที่ดีได้เท่า ๆ กับเป็นนางรำ" ทรงโปรดปรานเจ้าจอมแพนมากถึงขั้นมอบหมายให้เธอถือกุญแจหีบทรัพย์สินส่วนพระองค์ ดูแลเครื่องทรงเครื่องเสวย ทั้งยังดูแลกิจการฝ่ายใน และการที่เจ้าจอมแพนสามารถขัดพระทัยพระเจ้าอยู่หัวโดยการไว้ผมยาวจนกว่าจะถึงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชบิดาซึ่งต้องโกนผมไว้ทุกข์ตามธรรมเนียมกัมพูชา[3]
คืนสู่สามัญ
[แก้]ตามข่าวที่สถานกงสุลฝรั่งเศสได้รับจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสูงสุดในกรุงพนมเปญ ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องที่จะมีการสมรสของพระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชากับนางละครชาวสยามนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง จริง ๆ แล้วนางละครคนนี้ได้รับการว่าจ้างให้อยู่ในคณะนาฏศิลป์หลวงที่กรุงพนมเปญและมีสถานภาพเช่นเดียวกับนางละครคนอื่น ๆ ที่เป็นชาวกัมพูชา เรา [กรุงเทพเดลิเมล์] เสียใจอย่างยิ่งที่ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้ |
— แถลงการณ์ที่กงสุลฝรั่งเศสส่งมายังกรุงเทพเดลิเมล์[14] |
ขณะที่เรื่องราวของแพน เรืองนนท์ กำลังเป็นที่พูดถึงนั้น มงซิเออร์ ชาล็อง (ฝรั่งเศส: Monsieur Chalant) กงสุลฝรั่งเศสประจำกรุงสยามได้โทรศัพท์ไปยังบรรณาธิการหนังสือพิมพ์กรุงเทพเดลิเมล์ และชี้แจงแก่นายฟรีแมนว่า "เรื่องที่คุณลงตีพิมพ์เกี่ยวกับกษัตริย์มุนีวงศ์มันผิดทั้งหมด" และ "ผมกำลังจะส่งแถลงการณ์ที่เราร่างไปให้คุณ และมงซิเออร์เรโย (Monsieur Réau) ต้องการให้คุณตีพิมพ์แถลงการณ์นี้ตามที่เราเขียน นับจากนี้เราต้องขอร้องให้คุณหยุดเขียนเรื่องพระองค์กับเด็กสาวคนนี้" เมื่อบรรณาธิการถามถึงเหตุผล กงสุลก็ตอบว่า "เพราะทั้งหมดมันเป็นเรื่องไร้สาระ" ทั้งนี้ทางหนังสือพิมพ์กรุงเทพเดลิเมล์ได้ตีพิมพ์แถลงการณ์ดังกล่าว แต่ตัดถ้อยคำที่ว่า "เรา [กรุงเทพเดลิเมล์] เสียใจอย่างยิ่งที่ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้" ออก และยังส่งนักข่าวคอยติดตามความเคลื่อนไหวของบิดาเจ้าจอมแพน[14]
"I AM THE CAMBODIAN KING'S WIFE." SAYS NANGSAO BAEN State She Is Going Back to Pnom-Penh |
— หนังสือพิมพ์กรุงเทพเดลิเมล์[14] |
แต่สถานกงสุลฝรั่งเศสในพระนครก็ไม่สิ้นความลดละ โดยออกแถลงการณ์ฉบับที่สอง ความว่า "กษัตริย์สีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ แห่งกัมพูชา ทรงไม่พอพระทัยและปฏิเสธข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและไร้สาระจากการให้สัมภาษณ์ของบิดานางสาวแพน จึงทรงบัญชาให้ส่งตัวนางสาวแพนกลับกรุงเทพฯ โดยทันที" ซึ่งกัมพูชาได้บอกกับพูนและแพนว่า "หากอยู่ไปจะเกิดอันตรายได้"[4] แต่เมื่อแพนกลับถึงพระนครในวันรุ่งขึ้น เธอปฏิเสธเรื่องที่ว่ากษัตริย์กัมพูชาส่งเธอกลับ โดยอ้างว่าเธอเพียงมาเยี่ยมน้องชายที่ป่วยเท่านั้น "พระองค์ไม่ต้องการให้ฉันออกมา พระองค์ทรงยินยอมก็ต่อเมื่อฉันสัญญาว่าจะมาไม่กี่วันและจะรีบกลับไปหาพระองค์ ฉันยังเป็นชายาพระองค์อยู่" ซึ่งกรุงเทพเดลิเมล์ได้นำคำพูดดังกล่าวมาเป็นพาดหัว[14]
ทางกงสุลฝรั่งเศสก็ทำการโต้ตอบหนังสือพิมพ์กรุงเทพเดลิเมล์ทันที ด้วยการส่งแถลงการณ์ไปยังหนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษอีกสองฉบับคือ สยามออบเซิร์ฟเวอร์ (Siam Observer) และเดอะบางกอกไทมส์ (The Bangkok Times) แต่ไม่ส่งมายังกรุงเทพเดลิเมล์ โดยเนื้อหาที่ตีพิมพ์ระบุว่า "เราได้รับแจ้งจากสถานกงสุลฝรั่งเศสว่านางสาวแพนได้ถูกขับออกจากกัมพูชาในฐานะบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา และเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาที่กรุงพนมเปญอีก"[14]
ทั้งนี้ไม่มีผู้ใดทราบว่าเหตุผลกลใดฝรั่งเศสจึงเดือดร้อนที่เจ้านายกัมพูชาจะมีนักนางสนมเพิ่มขึ้น ทั้ง ๆ ที่นางสาวแพนก็เป็นเพียงหญิงสามัญนางหนึ่ง และไม่มีบทบาททางการเมืองอย่างใด นอกจากนี้ทางสถานกงสุลฝรั่งเศสได้ขอความร่วมมือจากรัฐบาลสยามช่วยปิดข่าวอีกด้วย ก่อนข่าวนางสาวแพนจะจางหายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ มีประชาชนกลุ่มหนึ่งส่งจดหมายไปยังบรรณาธิการกรุงเทพเดลิเมล์ แสดงความขุ่นเคืองฝรั่งเศส ว่าควรขอโทษนางสาวแพน ที่กล่าวหาว่าเธอ "ไม่เป็นที่พึงประสงค์" ของราชสำนักกัมพูชา[14]
กลับสู่โลกแห่งละคร
[แก้]นับแต่นั้น แพนก็เก็บตัวอยู่ในบ้านของบิดา แม้นมีวิกต่าง ๆ มาเสนอค่าตัวสูงถึง 300 บาทให้เธอไปปรากฏตัว ซึ่งขณะนั้น 300 บาทถือว่าเทียบเท่ารายได้ต่อปีของเธอ แม้แต่คณะละครต่างชาติที่จัดแสดงอยู่ในมะนิลาได้ชี้ชวนให้เธอไปแสดงที่สหรัฐอเมริกาแต่เธอก็ปฏิเสธไปทั้งหมด เธอให้เหตุผลว่า "ฉันไม่ใช่นางละครอีกต่อไปแล้ว ฉันเป็นชายาพระเจ้าแผ่นดินกัมพูชา" และเธอมิอาจเข้าใจได้เลยว่าพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์นั้นมิได้กุมอำนาจสูงสุดในกัมพูชา หากแต่เป็นเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสระดับสูงที่ทางการส่งมาประจำที่พนมเปญ[15]
สุดท้ายเธอก็กลับไปเป็นนางละครในคณะของมารดาตามเดิม[15] และรับงานเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ชวนหัวเรื่อง ใครเปนบ้า (2471) ร่วมกับพูน เรืองนนท์ หลวงภรตกรรมโกศล (มงคล สุมนนัฏ) จรวย วีระเวีย ลีละชาติ และอบ บุญติด[16] หลังจากนั้นอีกสองปีเธอก็สมรสใหม่กับสัมชัย ทิพโยสถ[1] ซึ่งเป็นนักแสดงลิเก[2] มีบุตรด้วยกัน 9 คน[1] โดยบุตรสาวคนหนึ่งชื่อกัญญา ทิพโยสถ หรือ แมว สืบทอดอาชีพนางละครเช่นแพน[12][17] และพยายามฟื้นฟูการแสดงละครชาตรีให้กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง[18]
แพน เรืองนนท์ เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2522 สิริอายุได้ 65 ปี[12]
ผลงานภาพยนตร์
[แก้]ปี | เรื่อง | บทบาท |
---|---|---|
2471 | ใครเปนบ้า | นางเอก |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 จันทรา เนินนอก (กรกฎาคม–ธันวาคม 2562). การขับร้องละครชาตรีคณะกัญญาลูกแม่แพน. p. 24.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 วลัยลักษณ์ ทรงศิริ (19 พฤษภาคม 2559). ""อีกฝั่งหนึ่งของถนนพะเนียง" (๓)". มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. สืบค้นเมื่อ 15 ตุลาคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)[ลิงก์เสีย] - ↑ 3.0 3.1 3.2 สุภัตรา ภูมิประภาส (2552). "กษัตริย์กัมพูชา นางละครสยาม และข่าวที่ถูกห้ามเขียน" (PDF). ศิลปวัฒนธรรม (30:10). p. 106.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 สุภัตรา ภูมิประภาส (2552). "กษัตริย์กัมพูชา นางละครสยาม และข่าวที่ถูกห้ามเขียน" (PDF). ศิลปวัฒนธรรม (30:10). p. 100.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 จันทรา เนินนอก (กรกฎาคม–ธันวาคม 2562). การขับร้องละครชาตรีคณะกัญญาลูกแม่แพน. p. 23.
- ↑ 6.0 6.1 ""ครูทองใบ" ศิลปินแห่งชาติปี 40 เสียชีวิตแล้วด้วยโรคชรา". ASTV ผู้จัดการออนไลน์. 3 กรกฎาคม 2550. สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2558.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)[ลิงก์เสีย] - ↑ "บัวสาย เรืองนนท์ แห่งคณะเรืองนนท์นาฏศิลป์". Art Bangkok. 20 ธันวาคม 2556. สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2558.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 8.0 8.1 บาราย (13 เมษายน 2557). "นางฟ้ารัตนโกสินทร์". ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2558.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ สุภาภรณ์ จินดามณีโรจน์ (2553). พัฒนาการย่านนางเลิ้ง (PDF). วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร ฉบับภาษาไทย 30 (2). p. 112.
- ↑ สุภัตรา ภูมิประภาส (2552). "กษัตริย์กัมพูชา นางละครสยาม และข่าวที่ถูกห้ามเขียน" (PDF). ศิลปวัฒนธรรม (30:10). p. 103.
- ↑ สุภัตรา ภูมิประภาส (2552). "กษัตริย์กัมพูชา นางละครสยาม และข่าวที่ถูกห้ามเขียน" (PDF). ศิลปวัฒนธรรม (30:10). p. 103-104.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 "อดีตนางเอกวอนรีบอนุรักษ์ หวั่น "ละครชาตรี" วัดแคสูญ". มติชนออนไลน์. 24 กุมภาพันธ์ 2554. สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2558.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ สุภัตรา ภูมิประภาส (2552). "กษัตริย์กัมพูชา นางละครสยาม และข่าวที่ถูกห้ามเขียน" (PDF). ศิลปวัฒนธรรม (30:10). p. 102-103.
- ↑ 14.0 14.1 14.2 14.3 14.4 14.5 สุภัตรา ภูมิประภาส (2552). "กษัตริย์กัมพูชา นางละครสยาม และข่าวที่ถูกห้ามเขียน" (PDF). ศิลปวัฒนธรรม (30:10). p. 107-108.
- ↑ 15.0 15.1 สุภัตรา ภูมิประภาส (2552). "กษัตริย์กัมพูชา นางละครสยาม และข่าวที่ถูกห้ามเขียน" (PDF). ศิลปวัฒนธรรม (30:10). p. 109.
- ↑ "ใครเป็นบ้า (2471)". ภาพยนตร์ไทย. 2 พฤษภาคม 2560. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-30. สืบค้นเมื่อ 30 ตุลาคม 2565.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ""กัญญา ทิพโยสถ" สืบสานละครชาตรี สไตล์โบราณ". ASTV ผู้จัดการออนไลน์. 4 มีนาคม 2556. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2558.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ยล วิถีผู้คน "นางเลิ้ง"". คมชัดลึก. 2 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 30 ตุลาคม 2565.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- สุภัตรา ภูมิประภาส (3 กันยายน 2552). "เจ้าจอมที่ถูกลืมของกษัตริย์กัมพูชา-โศกนาฏกรรมสยาม กษัตริย์กัมพูชา นางละครสยาม และข่าวที่ถูกห้ามเขียน". มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2558.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)