ข้ามไปเนื้อหา

แนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรป

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

แนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรป (อังกฤษ: Euroscepticism) คือจุดยืนทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการวิพากษ์วิจารณ์สหภาพยุโรปและการรวมตัวของยุโรป แบ่งระดับได้เป็นกลุ่มที่คัดค้านสถาบันและนโยบายบางอย่างของสหภาพยุโรป และต้องการให้เกิดการปฏิรูป ซึ่งเรียกว่าแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปแบบอ่อน (soft Euroscepticism) กับอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่คัดค้านการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป และมองว่าสหภาพยุโรปไม่สามารถปฏิรูปได้ ซึ่งเรียกว่าแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปแบบแข็ง (hard Euroscepticism)[1][2][3] ส่วนจุดยืนที่ตรงกันข้ามกับแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปคือ แนวคิดสนับสนุนสหภาพยุโรป (pro-Europeanism)

ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปมาจากความเชื่อที่ว่าการรวมตัวของยุโรปเป็นการบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยและรัฐชาติ[4][5] และความเชื่อที่ว่าสหภาพยุโรปเป็นองค์กรที่มีแนวคิดอติชนนิยมและขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตยและความโปร่งใส[4][5] มีลักษณะเป็นอำมาตยาธิปไตยมากเกินไปและสิ้นเปลือง[4][6][7] ส่งเสริมให้เกิดการย้ายถิ่นในระดับสูง[4] หรือเกิดจากการรับรู้ว่าสหภาพยุโรปเป็นองค์กรแบบเสรีนิยมใหม่ที่รับใช้กลุ่มชนชั้นนำทางธุรกิจขนาดใหญ่ โดยแลกกับการเบียดเบียนชนชั้นแรงงาน[8] และเป็นผู้รับผิดชอบต่อมาตรการรัดเข็มขัด[4]และผลักดันให้เกิดการโอนกิจการของรัฐเป็นของเอกชน[9]

แนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปพบได้ในกลุ่มการเมืองทั่วทั้งสเปกตรัมการเมืองทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา และมักจะพบในพรรคการเมืองแบบประชานิยม[10][4] แม้ว่ากลุ่มเหล่านี้จะวิพากษ์วิจารณ์สหภาพยุโรปด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีจุดเน้นที่แตกต่างกันไปคือ ประชานิยมฝ่ายซ้ายที่มีแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางเศรษฐกิจมากกว่า เช่น วิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป และข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางการค้าและการลงทุนข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก[9][11][12][13] ส่วนประชานิยมฝ่ายขวาที่เป็นมีแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปจะมุ่งเน้นไปที่ชาตินิยมและการย้ายถิ่นมากกว่า เช่น วิกฤตการณ์ผู้ย้ายถิ่นยุโรป ค.ศ. 2015[14] การเติบโตขึ้นของพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ขวาจัดสุดโต่งตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษ 2000 มีความเชื่อมโยงอย่างมากกับการเพิ่มขึ้นของแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรป[15]

ผลการสำรวจยูโรบารอมิเตอร์ซึ่งสำรวจพลเมืองสหภาพยุโรปแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในสหภาพยุโรปและสถาบันของสหภาพยุโรปลดลงอย่างรุนแรงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ถึง 2015[16] และอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50% อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาดังกล่าว[17] การสำรวจในปี ค.ศ. 2009 แสดงให้เห็นว่าการสนับสนุนการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปต่ำที่สุดในสหราชอาณาจักร ลัตเวีย และฮังการี[18] พอถึงปี ค.ศ. 2016 ประเทศที่มองสหภาพยุโรปในแง่ลบมากที่สุดคือ สหราชอาณาจักร กรีซ ฝรั่งเศส และสเปน[19] ส่งผลให้การลงประชามติว่าด้วยสมาชิกภาพสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร ค.ศ. 2016 มีผู้ลงคะแนน 51.9% สนับสนุนการออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิต) ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2020

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 เป็นต้นมา ความเชื่อมั่นในสหภาพยุโรปได้เพิ่มขึ้นในประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการว่างงานที่ลดลง และการสิ้นสุดของวิกฤตผู้ย้ายถิ่น[20] การสำรวจยูโรบารอมิเตอร์หลังการเลือกตั้ง ค.ศ. 2019 แสดงให้เห็นว่า 68% ของพลเมืองสนับสนุนสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ค.ศ. 1983 อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกที่ว่าสิ่งต่าง ๆ ในสหภาพยุโรปไม่ได้ดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องก็เพิ่มขึ้นเป็น 50%[21] ความเชื่อมั่นในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเริ่มต้นของการระบาดทั่วของโควิด-19 โดยมีระดับที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศสมาชิก[22][23]

ในช่วงเดือนมีนาคม ค.ศ. 2025 การสนับสนุนสหภาพยุโรปพุ่งสูงขึ้นถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในหมู่พลเมืองของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป[24] ผลสำรวจยูโรบารอมิเตอร์ที่ดำเนินการในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์พบว่า 74% ของพลเมืองสหภาพยุโรปเชื่อว่าการเป็นสมาชิกกลุ่มของประเทศตนเองเป็นประโยชน์ ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการเริ่มสำรวจคำถามนี้ในปี ค.ศ. 1983[25] การลดลงของแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปมีสาเหตุมาจากความกังวลด้านความมั่นคงที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งรวมถึงการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียที่ยังคงดำเนินต่อไป รวมทั้งความตึงเครียดข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกที่เกิดขึ้นใหม่ ภายใต้การนำของดอนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเนโทและสหภาพยุโรป[24][26]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Marine Le Pen's Real Victory". The Atlantic, 7 May 2017.
  2. Erkanor Saka (2009). Mediating the EU: Deciphering the Transformation of Turkish Elites (PhD Thesis). p. 202. ISBN 978-1109216639. สืบค้นเมื่อ 9 March 2016.[ลิงก์เสีย]
  3. Matthew (26 October 2011). "Why anti-EUism is not left-wing". Workers' Liberty. Alliance for Workers' Liberty. สืบค้นเมื่อ 31 January 2016.
  4. 1 2 3 4 5 6 Bertoncini & Koenig (2014), pp. 4–6.
  5. 1 2 Alibert (2015).
  6. Kopel, David, Silencing opposition in the EU, Davekopel.org, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 December 2016, สืบค้นเมื่อ 18 February 2015
  7. Hannan, Daniel (14 November 2007). "Why aren't we shocked by a corrupt EU?". The Daily Telegraph. London. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 January 2022. สืบค้นเมื่อ 2 May 2010.(Op-Ed
  8. FitzGibbon, Leruth & Startin (2016), p. 133.
  9. 1 2 Jones, Owen (14 July 2015). "The left must put Britain's EU withdrawal on the agenda". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. (Op-Ed)
  10. Fortunato, Piergiuseppe; Pecoraro, Marco (2022). "Social media, education, and the rise of populist Euroscepticism". Humanities and Social Sciences Communications. 9 (1): 301. doi:10.1057/s41599-022-01317-y. PMC 9428866. PMID 36065426.
  11. Carden, Edward (2 November 2015). "Party like it's 1975: how the Left got Eurosceptic all over again". New Statesman.
  12. FitzGibbon, Leruth & Startin (2016), p. 105.
  13. Pirro, Andrea LP; Taggart, Paul; Kessel, Stijn van (4 July 2018). "The populist politics of Euroscepticism in times of crisis: Comparative conclusions" (PDF). Politics (ภาษาอังกฤษ). 38 (3): 378–390. doi:10.1177/0263395718784704. S2CID 149472625.
  14. Hobolt, Sara. "The Crisis of Legitimacy of European Institutions", in Europe's Crises. John Wiley & Sons, 2018. p.256
  15. Han Werts, Marcel Lubbers, and Peer Scheepers (2013) Euro-scepticism and radical right-wing voting in Europe, 2002–2008: Social cleavages, socio-political attitudes and contextual characteristics determining voting for the radical right เก็บถาวร 5 กุมภาพันธ์ 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, European Union Politics, vol. 14 no. 2: 183–205.
  16. European Commission. Directorate General for Communication; TNS Opinion & Social (2016). Standard Eurobarometer 84 Autumn 2015 Report: Public opinion in the European Union, Language version EN. European Union. pp. 104–113. doi:10.2775/89997. ISBN 978-9279577819. Catalogue No. NA-04-16-323-EN-N. สืบค้นเมื่อ 26 October 2016.
  17. Spring 2015 Standard Eurobarometer: Citizens see immigration as top challenge for EU to tackle. European Commission. 31 July 2015.
  18. "Standard Eurobarometer 71 (fieldwork June–July 2009)" (PDF). European Commission. September 2009. pp. 91–3. สืบค้นเมื่อ 26 November 2009.
  19. Wright, Oliver (7 June 2016), "Euroscepticism on the rise across Europe as analysis finds increasing opposition to the EU in France, Germany and Spain", The Independent, สืบค้นเมื่อ 1 August 2016
  20. "European spring – Trust in the EU and democracy is recovering". Bruegel.org. 4 May 2023.
  21. "Closer to the Citizens, Closer to the Ballot". Closer to the Citizens, Closer to the Ballot. สืบค้นเมื่อ 15 August 2019.
  22. "Living, working and COVID-19 data". Eurofound (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 February 2022. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  23. "Trust has increased in EU but dropped in national governments: Survey". Politico (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 28 September 2020. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  24. 1 2 "EU basks in all-time high citizen approval rate amid tense geopolitics". euronews (ภาษาอังกฤษ). 2025-03-26. สืบค้นเมื่อ 2025-04-05.
  25. "Eurobarometer". europa.eu. สืบค้นเมื่อ 2025-04-05.
  26. Strupczewski, Jan (March 25, 2025). "EU approval among its citizens hits record high as security fears grow, poll shows". Reuters.