เอียงเหียง
เอียงเหียง (ผูหยาง ซิง) | |
---|---|
濮陽興 | |
อัครมหาเสนาบดี (丞相 เฉิงเซี่ยง) | |
ดำรงตำแหน่ง ตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 262 – 6 ธันวาคม ค.ศ. 264 | |
กษัตริย์ | ซุนฮิว / ซุนโฮ |
ก่อนหน้า | ซุนหลิม |
ถัดไป | ลู่ ข่ายและบั้นเฮ็ก |
เจ้ามณฑลเฉงจิ๋ว (青州牧 ชิงโจวมู่) (ในนาม) | |
ดำรงตำแหน่ง 3 กันยายน ค.ศ. 264 – 6 ธันวาคม ค.ศ. 264 | |
กษัตริย์ | ซุนโฮ |
ขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) | |
ดำรงตำแหน่ง 3 กันยายน ค.ศ. 264 – 6 ธันวาคม ค.ศ. 264 | |
กษัตริย์ | ซุนโฮ |
ขุนพลพิทักษ์ (衞將軍 เว่ย์เจียงจฺวิน) | |
ดำรงตำแหน่ง ธันวาคม ค.ศ. 258 – 3 กันยายน ค.ศ. 264 | |
กษัตริย์ | ซุนฮิว |
เสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง) | |
ดำรงตำแหน่ง ธันวาคม ค.ศ. 258 – 3 กันยายน ค.ศ. 264 | |
กษัตริย์ | ซุนฮิว |
เจ้าเมืองห้อยเข (會稽太守 ไคว่จีไท่โฉ่ว) | |
ดำรงตำแหน่ง ? – ธันวาคม ค.ศ. 258 | |
กษัตริย์ | ซุนกวน / ซุนเหลียง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ไม่ทราบ |
เสียชีวิต | ป. ธันวาคม ค.ศ. 264 |
บุพการี |
|
อาชีพ | ขุนนาง |
ชื่อรอง | จื่อ-ยฺเหวียน (子元) |
บรรดาศักดิ์ | ไว่หฺวางโหว (外黃侯) |
เอียงเหียง[1] (เสียชีวิต ป. ธันวาคม ค.ศ. 264) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า ผูหยาง ซิง (จีน: 濮陽興; พินอิน: Púyáng Xīng) ชื่อรอง จื่อ-ยฺเหวียน (จีน: 子元; พินอิน: Zǐyuán) เป็นขุนนางของรัฐง่อก๊กในยุคสามก๊กของจีน เป็นอัครมหาเสนาบดีลำดับที่ 8 ของรัฐง่อก๊ก
ภูมิหลังครอบครัว
[แก้]บ้านเกิดของบรรพบุรุษของเอียงเหียงอยู่ในเมืองตันลิว (陳留郡 เฉินหลิวจฺวิ้น) ซึ่งอยู่บริเวณนครไคเฟิง มณฑลเหอหนานในปัจจุบัน บิดาของเอียงเหียงคือผูหยาง อี้ (濮陽逸) มาจากครอบครัวที่ยากจนแต่มีความทะเยอทะยานสูง ผูหยาง อี้เป็นมิตรสนิทกับลู่ เม่า (陸瑁) ผู้แบ่งปันทรัพย์สินของตนให้กับผูหยาง อี้และสหายคนอื่น ๆ[2]
เมื่อเกิดความวุ่นวายในภาคกลางของจีนช่วงปลายยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ผูหยาง อี้ลี้ภัยลงทางใต้ไปยังภูมิภาคกังตั๋ง (江東 เจียงตง) หรือภูมิภาคง่อ (吳 อู๋) ผูหยาง อี้ได้รับราชการกับซุนกวนจักรพรรดิผู้ก่อตั้งรัฐง่อก๊ก และได้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองเตียงสา (長沙郡 ฉางชาจฺวิ้น)[3] เอียงเหียงน่าจะเกิดในภูมิภาคกังตั๋งหลังบิดาย้ายถิ่นฐานไปที่แห่งนั้น
รับราชการกับซุนกวนและซุนเหลียง
[แก้]เอียงเหียงมีชื่อเสียงในเรื่องความสามารถทางวิชาการตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ในรัชสมัยของซุนกวน เอียงเหียงเริ่มรับราชการในตำแหน่งนายอำเภอของอำเภอช่าง-ยฺหวี (上虞縣 ช่าง-ยฺหวีเซี่ยน; ปัจจุบันคือเขตช่าง-ยฺหวี นครเช่าซิง มณฑลเจ้อเจียง) ก่อนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นราชเลขาธิการ (尚書 ช่างชู) ต่อมาซุนกวนทรงแต่งตั้งให้เอียงเหียงเป็นขุนพลราชองครักษ์ห้าสำนัก (五官中郎將 อู่กวานจงหลางเจี้ยง) และส่งเอียงเหียงเป็นทูตเดินทางไปยังจ๊กก๊กที่เป็นรัฐพันธมิตรของง่อก๊ก หลังเอียงเหียงเดินทางกลับมาจากภารกิจทางทูต ซุนกวนทรงแต่งตั้งให้เอียงเหียงเป็นเจ้าเมืองของเมืองห้อยเข (會稽郡 ไคว่จีจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครเช่าซิง มณฑลเจ้อเจียงในปัจจุบัน)[4] ในช่วงเวลานั้น เอียงเหียงได้พบและได้เป็นพระสหายกับซุนฮิวพระโอรสองค์ที่ 6 ของซุนกวนที่ประทับอยู่ในเมืองห้อยเขในเวลานั้น[5]
รับราชการกับซุนฮิว
[แก้]ในปี ค.ศ. 258 หลังซุนฮิวทรงขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิแห่งง่อก๊กถัดจากซุนเหลียงที่เป็นพระอนุชา พระองค์ทรงแต่งตั้งเอียงเหียงเป็นเสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง) และขุนพลพิทักษ์ (衞將軍 เว่ย์เจียงจฺวิน) และมอบหมายให้เอียงเหียงรับผิดชอบดูแลราชการทหารในง่อก๊ก พระองค์ยังทรงตั้งให้เอียงเหียงมีบรรดาศักดิ์เป็นไว่หฺวางโหว (外黃侯)[6]
ในปี ค.ศ. 260 นายกองร้อยเหยียน มี่ (嚴密) เสนอให้ก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำใกล้กับบริเวณที่เป็นนครเซฺวียนเฉิง (宣城) มณฑลอานฮุยในปัจจุบันเพื่อสร้างทะเลสาบเทียมสำหรับการชลประทาน ข้าราชการง่อก๊กหลายคนคัดค้านความคิดนี้อย่างหนักเนื่องจากเห็นว่ามีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป และไม่มีหลักประกันว่าโครงการนี้จะสำเร็จ เอียงเหียงเป็นเพียงคนเดียวที่สนับสนุนโครงการนี้ และเอียงเหียงได้ระดมกำลังคนทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อเริ่มต้นสร้างเขื่อนกั้นน้ำ แต่มวลชนก็ไม่พอใจเอียงเหียงอย่างมากเพราะคนงานจำนวนมากเสียชีวิตในอุบัติเหตุเนื่องจากความอันตรายและความยากลำบากในการสร้างเขื่อน[7]
ในเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 262[8] ซุนฮิวทางแต่งตั้งเอียงเหียงเป็นอัครมหาเสนาบดี (丞相 เฉิงเซี่ยง) ในช่วงที่เอียงเหียงดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี เอียงเหียงและขุนพลเตียวปอ (張布 จางปู้) สนับสนุนกันและกันในฐานะที่ทั้งคู่ผูกขาดอำนาจในราชสำนักง่อก๊ก[9] พฤติกรรมการกุมอำนาจของทั้งสองทำให้ทั้งเหล่าข้าราชสำนักและเหล่าราษฎรต่างรู้สึกผิดหวังอย่างมาก[10]
เมื่อซุนฮิวประชวรหนักในปี ค.ศ. 264 พระองค์ทรงเรียกเอียงเหียงมาเข้าเฝ้าที่พระราชวัง พระองค์มีรับสั่งต่อซุนเปียน (孫𩅦 ซุน วาน) พระโอรสองค์โตและรัชทายาทของพระองค์ให้ทรงคำนับเอียงเหียง ในเวลาเดียวกันนั้น พระองค์ทรงจับแขนของเอียงเหียงและฝากฝังซุนเปียนไว้กับเอียงเหียง[11]
รับราชการกับซุนโฮ
[แก้]หลังการสวรรคตของซุนฮิวในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 264 เอียงเหียงไม่ได้ตั้งซุนเปียน (孫𩅦 ซุน วาน) ขึ้นครองราชย์ตามที่ถวายคำมั่นกับซุนฮิว เอียงเหียงและเตียวปอกลับสนับสนุนซุนโฮซึ่งเป็นพระภาดา (ลูกพี่ลูกน้อง) ของซุนเปียน หลังบั้นเฮ็กโน้มน้าวทั้งสองให้ตั้งซุนโฮขึ้นครองราชย์ ซุนโฮจึงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งง่อก๊กองค์ใหม่ หลังการขึ้นครองราชย์ ซุนโฮทรงแต่งตั้งตำแหน่งเพิ่มเติมให้เอียงเหียงเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) และตั้งให้เป็นเจ้ามณฑลในนามของมณฑลเฉงจิ๋ว (ซึ่งไม่อยู่ในอาณาเขตของง่อก๊ก)[12]
ภายหลังซุนโฮทรงกลายเป็นผู้ปกครองเผด็จการที่โหดเหี้ยม เชื่อถือโชคลาง และเอาแต่พระทัยพระองค์เอง แทนที่จะเป็นผู้ปกครองที่ชาญฉลาดอย่างที่เอียงเหียงและเตียวปอหวังไว้ เอียงเหียงและเตียวปอแสดงความรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของพวกตนที่ตั้งให้ซุนโฮขึ้นครองราชย์ บั้นเฮ็กได้ยินเรื่องนี้จึงลอบทูลรายงานซุนโฮ ต่อมาในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 264[a] เอียงเหียงและเตียวปอถูกจับกุมในทันทีที่ทั้งสองมาถึงราชสำนักของซุนโฮ จากนั้นซุนโฮจึงปลดทั้งสองออกจากตำแหน่งและเนรเทศให้ไปอยู่มณฑลกว่างโจว (廣州; ครอบคลุมพื้นที่มณฑลกวางตุ้งและเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงในปัจจุบัน) อันห่างไกล ซุนโฮทรงเปลี่ยนพระทัยในภายหลังและทรงส่งมือสังหารไปสังหารเอียงเหียงและเตียวปอขณะที่กำลังเดินทางไปมณฑลกว่างโจว และมีรับสั่งให้ประหารชีวิตคนในครอบครัวของทั้งสองด้วย[14][15]
คำวิจารณ์
[แก้]ตันซิ่ว (陳壽 เฉิน โช่ว) นักประวัติศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 3 ผู้เขียนบทประวัตเอียงเหียงในสามก๊กจี่ แสดงความเห็นว่าเอียงเหียงสมควรที่จะล่มจมแล้ว จากการที่ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเหมาะสมในฐานะอัครมหาเสนาบดี จากการที่ผูกขาดอำนาจร่วมกับเตียวปอ และจากการที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของบั้นเฮ็กที่ให้ตั้งซุนโฮขึ้นครองราชย์[16]
ดูเพิ่ม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ ("ครั้นพระเจ้าซุนโฮได้เสวยราชสมบัติแล้วก็มีพระทัยกำเริบ เชื่อฟังถ้อยคำงิมหุนผู้เปนขันที มิได้เอาใจใส่กิจการบ้านเมืองทั้งปวงเสพย์สุราเปนนิจ เอียงเหียงเตียวเป๋าซึ่งเปนขุนนางผู้ใหญ่เห็นผิดก็เข้าไปทูลทัดทานห้ามปรามเปนหลายครั้ง พระเจ้าซุนโฮมิได้เชื่อฟังโกรธขุนนางทั้งสองคนก็สั่งให้เอาตัวไปฆ่าเสีย") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๗". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ April 5, 2025.
- ↑ (陳國陳融、陳留濮陽逸、沛郡蔣纂、廣陵袁迪等,皆單貧有志,就瑁游處,瑁割少分甘,與同豐約。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 57.
- ↑ (濮陽興字子元,陳留人也。父逸,漢末避亂江東,官至長沙太守。逸事見陸瑁傳。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
- ↑ (興少有士名,孫權時除上虞令,稍遷至尚書左曹,以五官中郎將使蜀,還為會稽太守。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
- ↑ (時琅邪王休居會稽,興深與相結。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
- ↑ (及休即位,徵興為太常衞將軍、平軍國事,封外黃侯。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
- ↑ (永安三年,都尉嚴密建丹楊湖田,作浦里塘。詔百官會議,咸以為用功多而田不保成,唯興以為可成。遂會諸兵民就作,功傭之費不可勝數,士卒死亡,或自賊殺,百姓大怨之。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
- ↑ ([永安五年]冬十月,以衞將軍濮陽興為丞相, ...) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
- ↑ (休以丞相興及左將軍張布有舊恩,委之以事,布典宮省,興關軍國。休銳意於典籍,欲畢覽百家之言,尤好射雉,春夏之間常晨出夜還,唯此時舍書。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
- ↑ (興遷為丞相。與休寵臣左將軍張布共相表裹,邦內失望。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
- ↑ (江表傳曰:休寢疾,口不能言,乃手書呼丞相濮陽興入,令子𩅦出拜之。休把興臂,而指𩅦以託之。) อรรถาธิบายจากเจียงเปี่ยวจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
- ↑ (七年七月,休薨。左典軍萬彧素與烏程侯孫皓善,乃勸興、布,於是興、布廢休適子而迎立皓,皓旣踐阼,加興侍中,領青州牧。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
- ↑ [(咸熙元年)十一月,朔,兴、布入朝,吴主执之...] จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 78
- ↑ (皓旣得志,麤暴驕盈,多忌諱,好酒色,大小失望。興、布竊悔之。或以譖皓,十一月,誅興、布。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
- ↑ (俄彧譖興、布追悔前事。十一月朔入朝,皓因收興、布,徙廣州,道追殺之,夷三族。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
- ↑ (濮陽興身居宰輔,慮不經國,協張布之邪,納萬彧之說,誅夷其宜矣。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
บรรณานุกรม
[แก้]- ตันซิ่ว (คริสต์ศตวรรษที่ 3). สามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อ).
- เผย์ ซงจือ (คริสต์ศตวรรษที่ 5). อรรถาธิบายสามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อจู้).