ข้ามไปเนื้อหา

เอียงเหียง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอียงเหียง (ผูหยาง ซิง)
濮陽興
อัครมหาเสนาบดี (丞相 เฉิงเซี่ยง)
ดำรงตำแหน่ง
ตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 262 – 6 ธันวาคม ค.ศ. 264
กษัตริย์ซุนฮิว / ซุนโฮ
ก่อนหน้าซุนหลิม
ถัดไปลู่ ข่ายและบั้นเฮ็ก
เจ้ามณฑลเฉงจิ๋ว (青州牧 ชิงโจวมู่)
(ในนาม)
ดำรงตำแหน่ง
3 กันยายน ค.ศ. 264 – 6 ธันวาคม ค.ศ. 264
กษัตริย์ซุนโฮ
ขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง)
ดำรงตำแหน่ง
3 กันยายน ค.ศ. 264 – 6 ธันวาคม ค.ศ. 264
กษัตริย์ซุนโฮ
ขุนพลพิทักษ์ (衞將軍 เว่ย์เจียงจฺวิน)
ดำรงตำแหน่ง
ธันวาคม ค.ศ. 258 – 3 กันยายน ค.ศ. 264
กษัตริย์ซุนฮิว
เสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง)
ดำรงตำแหน่ง
ธันวาคม ค.ศ. 258 – 3 กันยายน ค.ศ. 264
กษัตริย์ซุนฮิว
เจ้าเมืองห้อยเข (會稽太守 ไคว่จีไท่โฉ่ว)
ดำรงตำแหน่ง
? – ธันวาคม ค.ศ. 258
กษัตริย์ซุนกวน / ซุนเหลียง
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิดไม่ทราบ
เสียชีวิตป. ธันวาคม ค.ศ. 264
บุพการี
  • ผูหยาง อี้ (濮陽逸) (บิดา)
อาชีพขุนนาง
ชื่อรองจื่อ-ยฺเหวียน (子元)
บรรดาศักดิ์ไว่หฺวางโหว
(外黃侯)

เอียงเหียง[1] (เสียชีวิต ป. ธันวาคม ค.ศ. 264) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า ผูหยาง ซิง (จีน: 濮陽興; พินอิน: Púyáng Xīng) ชื่อรอง จื่อ-ยฺเหวียน (จีน: 子元; พินอิน: Zǐyuán) เป็นขุนนางของรัฐง่อก๊กในยุคสามก๊กของจีน เป็นอัครมหาเสนาบดีลำดับที่ 8 ของรัฐง่อก๊ก

ภูมิหลังครอบครัว

[แก้]

บ้านเกิดของบรรพบุรุษของเอียงเหียงอยู่ในเมืองตันลิว (陳留郡 เฉินหลิวจฺวิ้น) ซึ่งอยู่บริเวณนครไคเฟิง มณฑลเหอหนานในปัจจุบัน บิดาของเอียงเหียงคือผูหยาง อี้ (濮陽逸) มาจากครอบครัวที่ยากจนแต่มีความทะเยอทะยานสูง ผูหยาง อี้เป็นมิตรสนิทกับลู่ เม่า (陸瑁) ผู้แบ่งปันทรัพย์สินของตนให้กับผูหยาง อี้และสหายคนอื่น ๆ[2]

เมื่อเกิดความวุ่นวายในภาคกลางของจีนช่วงปลายยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ผูหยาง อี้ลี้ภัยลงทางใต้ไปยังภูมิภาคกังตั๋ง (江東 เจียงตง) หรือภูมิภาคง่อ (吳 อู๋) ผูหยาง อี้ได้รับราชการกับซุนกวนจักรพรรดิผู้ก่อตั้งรัฐง่อก๊ก และได้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองเตียงสา (長沙郡 ฉางชาจฺวิ้น)[3] เอียงเหียงน่าจะเกิดในภูมิภาคกังตั๋งหลังบิดาย้ายถิ่นฐานไปที่แห่งนั้น

รับราชการกับซุนกวนและซุนเหลียง

[แก้]

เอียงเหียงมีชื่อเสียงในเรื่องความสามารถทางวิชาการตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ในรัชสมัยของซุนกวน เอียงเหียงเริ่มรับราชการในตำแหน่งนายอำเภอของอำเภอช่าง-ยฺหวี (上虞縣 ช่าง-ยฺหวีเซี่ยน; ปัจจุบันคือเขตช่าง-ยฺหวี นครเช่าซิง มณฑลเจ้อเจียง) ก่อนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นราชเลขาธิการ (尚書 ช่างชู) ต่อมาซุนกวนทรงแต่งตั้งให้เอียงเหียงเป็นขุนพลราชองครักษ์ห้าสำนัก (五官中郎將 อู่กวานจงหลางเจี้ยง) และส่งเอียงเหียงเป็นทูตเดินทางไปยังจ๊กก๊กที่เป็นรัฐพันธมิตรของง่อก๊ก หลังเอียงเหียงเดินทางกลับมาจากภารกิจทางทูต ซุนกวนทรงแต่งตั้งให้เอียงเหียงเป็นเจ้าเมืองของเมืองห้อยเข (會稽郡 ไคว่จีจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครเช่าซิง มณฑลเจ้อเจียงในปัจจุบัน)[4] ในช่วงเวลานั้น เอียงเหียงได้พบและได้เป็นพระสหายกับซุนฮิวพระโอรสองค์ที่ 6 ของซุนกวนที่ประทับอยู่ในเมืองห้อยเขในเวลานั้น[5]

รับราชการกับซุนฮิว

[แก้]

ในปี ค.ศ. 258 หลังซุนฮิวทรงขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิแห่งง่อก๊กถัดจากซุนเหลียงที่เป็นพระอนุชา พระองค์ทรงแต่งตั้งเอียงเหียงเป็นเสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง) และขุนพลพิทักษ์ (衞將軍 เว่ย์เจียงจฺวิน) และมอบหมายให้เอียงเหียงรับผิดชอบดูแลราชการทหารในง่อก๊ก พระองค์ยังทรงตั้งให้เอียงเหียงมีบรรดาศักดิ์เป็นไว่หฺวางโหว (外黃侯)[6]

ในปี ค.ศ. 260 นายกองร้อยเหยียน มี่ (嚴密) เสนอให้ก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำใกล้กับบริเวณที่เป็นนครเซฺวียนเฉิง (宣城) มณฑลอานฮุยในปัจจุบันเพื่อสร้างทะเลสาบเทียมสำหรับการชลประทาน ข้าราชการง่อก๊กหลายคนคัดค้านความคิดนี้อย่างหนักเนื่องจากเห็นว่ามีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป และไม่มีหลักประกันว่าโครงการนี้จะสำเร็จ เอียงเหียงเป็นเพียงคนเดียวที่สนับสนุนโครงการนี้ และเอียงเหียงได้ระดมกำลังคนทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อเริ่มต้นสร้างเขื่อนกั้นน้ำ แต่มวลชนก็ไม่พอใจเอียงเหียงอย่างมากเพราะคนงานจำนวนมากเสียชีวิตในอุบัติเหตุเนื่องจากความอันตรายและความยากลำบากในการสร้างเขื่อน[7]

ในเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 262[8] ซุนฮิวทางแต่งตั้งเอียงเหียงเป็นอัครมหาเสนาบดี (丞相 เฉิงเซี่ยง) ในช่วงที่เอียงเหียงดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี เอียงเหียงและขุนพลเตียวปอ (張布 จางปู้) สนับสนุนกันและกันในฐานะที่ทั้งคู่ผูกขาดอำนาจในราชสำนักง่อก๊ก[9] พฤติกรรมการกุมอำนาจของทั้งสองทำให้ทั้งเหล่าข้าราชสำนักและเหล่าราษฎรต่างรู้สึกผิดหวังอย่างมาก[10]

เมื่อซุนฮิวประชวรหนักในปี ค.ศ. 264 พระองค์ทรงเรียกเอียงเหียงมาเข้าเฝ้าที่พระราชวัง พระองค์มีรับสั่งต่อซุนเปียน (孫𩅦 ซุน วาน) พระโอรสองค์โตและรัชทายาทของพระองค์ให้ทรงคำนับเอียงเหียง ในเวลาเดียวกันนั้น พระองค์ทรงจับแขนของเอียงเหียงและฝากฝังซุนเปียนไว้กับเอียงเหียง[11]

รับราชการกับซุนโฮ

[แก้]

หลังการสวรรคตของซุนฮิวในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 264 เอียงเหียงไม่ได้ตั้งซุนเปียน (孫𩅦 ซุน วาน) ขึ้นครองราชย์ตามที่ถวายคำมั่นกับซุนฮิว เอียงเหียงและเตียวปอกลับสนับสนุนซุนโฮซึ่งเป็นพระภาดา (ลูกพี่ลูกน้อง) ของซุนเปียน หลังบั้นเฮ็กโน้มน้าวทั้งสองให้ตั้งซุนโฮขึ้นครองราชย์ ซุนโฮจึงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งง่อก๊กองค์ใหม่ หลังการขึ้นครองราชย์ ซุนโฮทรงแต่งตั้งตำแหน่งเพิ่มเติมให้เอียงเหียงเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) และตั้งให้เป็นเจ้ามณฑลในนามของมณฑลเฉงจิ๋ว (ซึ่งไม่อยู่ในอาณาเขตของง่อก๊ก)[12]

ภายหลังซุนโฮทรงกลายเป็นผู้ปกครองเผด็จการที่โหดเหี้ยม เชื่อถือโชคลาง และเอาแต่พระทัยพระองค์เอง แทนที่จะเป็นผู้ปกครองที่ชาญฉลาดอย่างที่เอียงเหียงและเตียวปอหวังไว้ เอียงเหียงและเตียวปอแสดงความรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของพวกตนที่ตั้งให้ซุนโฮขึ้นครองราชย์ บั้นเฮ็กได้ยินเรื่องนี้จึงลอบทูลรายงานซุนโฮ ต่อมาในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 264[a] เอียงเหียงและเตียวปอถูกจับกุมในทันทีที่ทั้งสองมาถึงราชสำนักของซุนโฮ จากนั้นซุนโฮจึงปลดทั้งสองออกจากตำแหน่งและเนรเทศให้ไปอยู่มณฑลกว่างโจว (廣州; ครอบคลุมพื้นที่มณฑลกวางตุ้งและเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงในปัจจุบัน) อันห่างไกล ซุนโฮทรงเปลี่ยนพระทัยในภายหลังและทรงส่งมือสังหารไปสังหารเอียงเหียงและเตียวปอขณะที่กำลังเดินทางไปมณฑลกว่างโจว และมีรับสั่งให้ประหารชีวิตคนในครอบครัวของทั้งสองด้วย[14][15]

คำวิจารณ์

[แก้]

ตันซิ่ว (陳壽 เฉิน โช่ว) นักประวัติศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 3 ผู้เขียนบทประวัตเอียงเหียงในสามก๊กจี่ แสดงความเห็นว่าเอียงเหียงสมควรที่จะล่มจมแล้ว จากการที่ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเหมาะสมในฐานะอัครมหาเสนาบดี จากการที่ผูกขาดอำนาจร่วมกับเตียวปอ และจากการที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของบั้นเฮ็กที่ให้ตั้งซุนโฮขึ้นครองราชย์[16]

ดูเพิ่ม

[แก้]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. จือจื้อทงเจี้ยนเล่มที่ 78 บันทึกว่าเอียงเหียงและเตียวปอถูกจับกุมในวันที่ 1 ในเดือน 11 ของศักราชเสียนซี (咸熙) ในรัชสมัยโจฮวนแห่งวุยก๊ก เทียบได้กับวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 264 ในปฏิทินจูเลียน[13]

อ้างอิง

[แก้]
  1. ("ครั้นพระเจ้าซุนโฮได้เสวยราชสมบัติแล้วก็มีพระทัยกำเริบ เชื่อฟังถ้อยคำงิมหุนผู้เปนขันที มิได้เอาใจใส่กิจการบ้านเมืองทั้งปวงเสพย์สุราเปนนิจ เอียงเหียงเตียวเป๋าซึ่งเปนขุนนางผู้ใหญ่เห็นผิดก็เข้าไปทูลทัดทานห้ามปรามเปนหลายครั้ง พระเจ้าซุนโฮมิได้เชื่อฟังโกรธขุนนางทั้งสองคนก็สั่งให้เอาตัวไปฆ่าเสีย") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๗". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ April 5, 2025.
  2. (陳國陳融、陳留濮陽逸、沛郡蔣纂、廣陵袁迪等,皆單貧有志,就瑁游處,瑁割少分甘,與同豐約。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 57.
  3. (濮陽興字子元,陳留人也。父逸,漢末避亂江東,官至長沙太守。逸事見陸瑁傳。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
  4. (興少有士名,孫權時除上虞令,稍遷至尚書左曹,以五官中郎將使蜀,還為會稽太守。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
  5. (時琅邪王休居會稽,興深與相結。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
  6. (及休即位,徵興為太常衞將軍、平軍國事,封外黃侯。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
  7. (永安三年,都尉嚴密建丹楊湖田,作浦里塘。詔百官會議,咸以為用功多而田不保成,唯興以為可成。遂會諸兵民就作,功傭之費不可勝數,士卒死亡,或自賊殺,百姓大怨之。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
  8. ([永安五年]冬十月,以衞將軍濮陽興為丞相, ...) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
  9. (休以丞相興及左將軍張布有舊恩,委之以事,布典宮省,興關軍國。休銳意於典籍,欲畢覽百家之言,尤好射雉,春夏之間常晨出夜還,唯此時舍書。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
  10. (興遷為丞相。與休寵臣左將軍張布共相表裹,邦內失望。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
  11. (江表傳曰:休寢疾,口不能言,乃手書呼丞相濮陽興入,令子𩅦出拜之。休把興臂,而指𩅦以託之。) อรรถาธิบายจากเจียงเปี่ยวจฺว้านในสามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
  12. (七年七月,休薨。左典軍萬彧素與烏程侯孫皓善,乃勸興、布,於是興、布廢休適子而迎立皓,皓旣踐阼,加興侍中,領青州牧。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
  13. [(咸熙元年)十一月,朔,兴、布入朝,吴主执之...] จือจื้อทงเจี้ยน เล่มที่ 78
  14. (皓旣得志,麤暴驕盈,多忌諱,好酒色,大小失望。興、布竊悔之。或以譖皓,十一月,誅興、布。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 48.
  15. (俄彧譖興、布追悔前事。十一月朔入朝,皓因收興、布,徙廣州,道追殺之,夷三族。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.
  16. (濮陽興身居宰輔,慮不經國,協張布之邪,納萬彧之說,誅夷其宜矣。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 64.

บรรณานุกรม

[แก้]