อิมโนเดริเอโก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก เอลอิมโนเดเรียโก)
อิมโนเดริเอโก
คำแปล: เพลงของริเอโก
Himno de Riego
ราฟาเอล เดล ริเอโก ผู้เป็นที่มาของชื่อเพลง

เพลงชาติของ สาธารณรัฐสเปน
เนื้อร้องเอวาริสโต เฟร์นันเดซ เด ซาน มิเกล, ค.ศ. 1820
ทำนองโฆเซ มัลคอร์ โกมิส, ค.ศ. 1820
รับไปใช้ค.ศ. 1822 1873 และ 1931
เลิกใช้ค.ศ. 1823 1874 และ 1939[1]
ตัวอย่างเสียง
อิมโนเดริเอโก (ขับร้อง)
อิมโนเดริเอโก (บรรเลง)

อิมโนเดริเอโก (สเปน: Himno de Riego) เป็นบทเพลงปลุกใจของสเปน มีต้นกำเนิดในช่วงทรีนิโอลิเบรัล (Trienio Liberal "ไตรวรรษเสรีนิยม") ระหว่าง ค.ศ. 1820–ค.ศ. 1823 ชื่อของเพลงนี้มีที่มาจากราฟาเอล เดล ริเอโก นายทหารและนักการเมืองสายเสรีนิยมของสเปน ผู้นำในการลุกฮือเพื่อนำรัฐธรรมนูญสเปนฉบับ ค.ศ. 1812 ที่มีเนื้อหาเชิงเสรีนิยมกลับมาใช้อีกครั้ง เอวาริสโต เฟร์นันเดซ เด ซาน มิเกล (Evaristo Fernández de San Miguel [es]) เป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้อง และเชื่อกันว่าโฆเซ มัลคอร์ โกมิสเป็นผู้ประพันธ์ทำนอง

เพลงนี้ได้รับการประกาศให้เป็นเพลงชาติของสเปนใน ค.ศ. 1822 และถูกใช้สืบต่อมาจนกระทั่งรัฐบาลสายเสรีนิยมถูกล้มล้างในปีถัดไป อิมโนเดริเอโกเป็นหนึ่งในเพลงที่นิยมใช้ในฐานะเพลงชาติระหว่างสมัยสาธารณรัฐสเปนที่หนึ่ง (ค.ศ. 1873–1874) และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้นในสมัยสาธารณรัฐสเปนที่สอง (ค.ศ. 1931–1939) ภายหลังจากการสิ้นสุดสงครามกลางเมืองสเปนใน ค.ศ. 1939 เพลงนี้ถูกใช้เป็นเพลงชาติของรัฐบาลสาธารณรัฐสเปนพลัดถิ่น จนกระทั่งมีการยุบรัฐบาลพลัดถิ่นใน ค.ศ. 1977 สองปีหลังจากระบอบเผด็จการฟรังโกสิ้นสุดลง

ประวัติ[แก้]

เนื้อร้อง[แก้]

เนื้อร้องต้นฉบับ (ค.ศ. 1820–1823)[แก้]

เนื้อร้องดังกล่าวนี้ถือเป็นเนื้อร้องฉบับดั้งเดิมที่ใช้ในสมัยทรีนิโอลิเบรัล (ค.ศ. 1820–1823)[1]: 289 

ภาษาสเปน[2] คำแปล
สร้อย:
Soldados, la patria nos llama a la lid;
Juremos por ella vencer o morir.
Serenos, alegres, valientes, osados,
Cantemos, soldados, el himno a la lid.
Y a nuestros acentos el orbe se admire
Y en nosotros mire los hijos del Cid.
สร้อย
Blandamos el hierro que el tímido esclavo
Del libre, del bravo, la faz no osa ver.
Sus huestes cual humo veréis disipadas,
Y a nuestras espadas fugaces correr.
สร้อย
¿El mundo vio nunca, más noble osadía?
¿Ni vio nunca un día más grande el valor,
Que aquel, inflamados, nos vimos del fuego,
Excitar a Riego de Patria el amor?
สร้อย
Honor al caudillo, honor al primero
Que el cívico acero osó fulminar.
La patria afligida oyó sus acentos
Y vió sus tormentos en gozo tornar.
สร้อย
Su voz fué seguida, su voz fué escuchada,
Tuvimos en nada soldados morir.
Y osados quisimos romper la cadena
Que de afrenta llena del bravo el vivir.
สร้อย
Mas ya la alarma tocan; las armas tan sólo
El crimen, el dolo, podrán abatir.
Que tiemblen, que tiemblen, que tiemble el malvado
Al ver al soldado la lanza esgrimir.
สร้อย
La trompa guerrera sus ecos al viento,
Horror al sediento, ya ruge el cañón.
A Marte sañudo la audacia provoca
Y el ingenio invoca de nuestra nación.
สร้อย
Se muestran: volemos, volemos, soldados.
¿Los veis aterrados, su frente bajar?
Volemos, que el libre por siempre ha sabido
del siervo vendido la audacia humillar.
สร้อย
สร้อย:
ทหารทั้งหลาย ประเทศชาติเรียกร้องให้พวกเราสู้
เราขอสาบานว่า จะมีแต่ชัยชนะหรือความตายเท่านั้น
ด้วยความสงบและความสุข ด้วยความกล้าหาญและองอาจ
ทหารทั้งหลาย จงร่วมขับขานเพลงศึกกันเถิด
เสียงของเราจะยังความพิศวงแก่โลก
ซึ่งมองเราในฐานะลูกหลานของเอลซิด
สร้อย
We brandish the iron that the timid slave
Of the free man, of the brave man, the face does not dare to see.
Like smoke, you will see his host dissipated
And run to our fleeting swords.
สร้อย
โลกเคยพานพบหรือไม่ ซึ่งความหาญกล้าอันทรงศักดิ์?
ฤๅความองอาจใดที่ยิ่งใหญ่กว่าได้เคยปรากฏ
กว่าวันอันน่าตื่นเต้นที่เราได้เห็นไฟแห่งการต่อสู้
ปลุกความรักแผ่นดินเกิดในตัวของท่านริเอโกขึ้น?
สร้อย
Honour to the leader, honour to the first
That the civic sword dared to strike down.
The afflicted homeland heard their voices
And saw their torments turn into joy.
สร้อย
His voice was followed, his voice was heard,
We had soldiers dying in nothing.
And we bold ones wanted to break the chain
That fills the brave man with disgrace to live.
สร้อย
But the alarm is already sounding; only weapons
Will be able to bring down crime, fraud.
Let them tremble, let them tremble, let the wicked man tremble
At the sight of the soldier wielding the spear.
สร้อย
เสียงแตรศึกดังก้องในสายลม
ก่อความตระหนกแก่พวกคนโลภ บัดนี้ปืนใหญ่แผดเสียงก้อง
ความกล้าของชนชาติเราถูกปลุกขึ้น
และเหล่าปัญญาชน [ของประเทศเรา] เพรียกหาโทสะของเทพมาส์
สร้อย
They show themselves: let us fly, let us fly, soldiers.
Do you see them terrified, their head lowering?
Let us fly, such that the free man has always known
Of the sold servant, the audacity bowing.
สร้อย

เนื้อร้องฉบับสังเขปแบบแรก (ค.ศ. 1931–1939)[แก้]

เนื้อร้องดังกล่าวนี้เป็นฉบับที่ใช้ในสมัยสาธารณรัฐสเปนที่สอง (ค.ศ. 1931–1939) ประกอบไปด้วยบทที่หนึ่ง บทที่สาม และบทที่เจ็ดของเนื้อร้องต้นฉบับ โดยมีการปรับเปลี่ยนเนื้อเพลงเล็กน้อย[1]: 247 

ภาษาสเปน[3]: 263  คำแปล
Serenos y alegres, valientes y osados,
Cantemos, soldados, el himno a la lid.
De nuestros acentos el orbe se admire
Y en nosotros mire los hijos del Cid.
สร้อย:
Soldados, la patria nos llama a la lid.
Juremos por ella vencer o morir.
El mundo vio nunca, más noble osadía,
Ni vio nunca un día más grande el valor,
Que aquel, inflamados, nos vimos del fuego,
Excitar a Riego de Patria el amor.
สร้อย
La trompa guerrera sus ecos al viento,
Horror al sediento, ya ruge el cañón.
A Marte sañudo la audacia provoca
Y el ingenio invoca de nuestra nación.
สร้อย
ด้วยความสงบและความสุข ด้วยความกล้าหาญและองอาจ
ทหารทั้งหลาย จงร่วมขับขานเพลงศึกกันเถิด
เสียงของเราจะยังความพิศวงแก่โลก
ซึ่งมองเราในฐานะลูกหลานของเอลซิด
สร้อย:
ทหารทั้งหลาย ประเทศชาติเรียกร้องให้พวกเราสู้
เราขอสาบานว่า จะมีแต่ชัยชนะหรือความตายเท่านั้น
โลกมิเคยพบมาก่อน ซึ่งความหาญกล้าอันทรงศักดิ์
ไม่มีวันใดที่ความองอาจอันยิ่งใหญ่ได้เคยปรากฏ
ยิ่งไปกว่าวันอันน่าตื่นเต้นที่เราได้เห็นไฟแห่งการต่อสู้
ตื่นขึ้นในตัวของท่านริเอโก ด้วยความรักในแผ่นดิน
สร้อย
เสียงแตรศึกดังก้องในสายลม
ก่อความตระหนกแก่พวกคนโลภ บัดนี้ปืนใหญ่แผดเสียงก้อง
ความกล้าของชนชาติเราถูกปลุกขึ้น
และเหล่าปัญญาชน [ของประเทศเรา] เพรียกหาโทสะของเทพมาส์
สร้อย

เนื้อร้องฉบับสังเขปแบบที่สอง[แก้]

เนื้อร้องดังกล่าวนี้ประกอบไปด้วยบทแรกและบทสุดท้ายของเนื้อร้องต้นฉบับ โดยมีการปรับเปลี่ยนเนื้อเพลงเล็กน้อย[3]: 264 

ภาษาสเปน คำแปล
Serenos y alegres, valientes y osados,
Cantemos, soldados, un himno a la lid.
Y a nuestros acentos el orbe se admire
Y en nosotros mire los hijos del Cid.
สร้อย:
Soldados, la patria nos llama a la lid.
Juremos por ella vencer o morir.
Se muestran: volemos, volemos, soldados.
¿Los veis aterrados, sus frentes bajar?
Volemos, que el libre por siempre ha sabido
del siervo vencido su frente humillar.
ด้วยความสงบและความสุข ด้วยความกล้าหาญและองอาจ
ทหารทั้งหลาย จงร่วมขับขานเพลงศึกกันเถิด
โลกจักยังความพิศวงในเสียงของเรา
และมองเราในฐานะลูกหลานของเอลซิด
สร้อย:
ทหารทั้งหลาย ประเทศชาติเรียกร้องให้พวกเราสู้
เราขอสาบานว่า จะมีแต่ชัยชนะหรือความตายเท่านั้น
They show themselves: let us fly, let us fly, soldiers.
Do you see them terrified, their heads lowering?
Let us fly, such that the free man has always known
Of the defeated servant, his head bowing.

ข้อขัดแย้ง[แก้]

ในประวัติของเพลงอิมโนเดริเอโก มีเรื่องราวของความขัดแย้งที่สำคัญเกิดขึ้นดังนี้

กุสโก ค.ศ. 1951[แก้]

ในบันทึกเรื่อง The Motorcycle Diaries (สเปน: Diarios de motocicleta) หรือบันทึกการเดินทางไปทั่วทวีปอเมริกาใต้ของเออร์เนสโต "เช" เกบารา ซึ่งเขียนขึ้นในช่วงก่อนที่เขาจะเป็นนักปฏิวัติ เขาได้บรรยายถึงเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับเพลงนี้ที่เขาพบในเมืองกุสโก ประเทศเปรู ว่า ชาวเมืองกุสโกต้องการที่จะบรรเลงเพลงชาติสเปนเพื่อแสดงความขอบคุณจอมพลฟรันซิสโก ฟรังโก ผู้ปกครองประเทศสเปนขณะนั้น ที่ช่วยเหลือในการบูรณะโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งที่เสียหายจากภัยธรรมชาติ แต่ด้วยความเข้าใจผิด แทนที่วงดนตรีจะบรรเลงเพลงมาร์ชากราเดนารา (ชื่อเดิมของเพลงมาร์ชาเรอัล เพลงชาติสเปนในปัจจุบัน) พวกเขากลับบรรเลงเพลงอิมโนเดริเอโก ซึ่งเป็นเพลงต้องห้ามของสเปนเวลานั้น สร้างความไม่พอใจต่อชาวสเปนที่อยู่ในที่นั้นด้วย[4]

การแข่งขันเทนนิสเดวิสคัพ 2003[แก้]

ก่อนเริ่มการแข่งขันเทนนิสเดวิสคัพ 2003 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างสเปนกับออสเตรเลีย ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ได้เกิดเหตุผิดพลาดขึ้นจากการบรรเลงเพลงอิมโนเดริเอโกในฐานะเพลงชาติสเปน แทนที่จะเป็นเพลงมาร์ชาเรอัล ซึ่งเป็นเพลงชาติของราชอาณาจักรสเปนปัจจุบัน[5][6] จากเหตุการณ์นี้ทำให้รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาของสเปนยื่นหนังสือประท้วงต่อคณะกรรมการจัดการแข่งขัน พร้อมเรียกร้องให้มีการขอโทษจากฝ่ายออสเตรเลีย ด้วยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็น "การคุกคามชาติสเปน"[7][8] ซึ่งภายหลังได้มีคำชี้แจงและขอโทษจากฝ่ายจัดการแข่งขันว่าเกิดจากความเข้าใจผิดของนักดนตรีผู้บรรเลงเพลง[9] อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายสเปนเห็นว่ายังไม่เป็นการเพียงพอ และต้องการให้รัฐบาลออสเตรเลียทำหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการด้วย[10]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 Téllez Cenzano, Enrique (2015). "La música como elemento de representación institucional: el himno de la Segunda República española" [Music as an element of institutional representation: the anthem of the Second Spanish Republic] (PDF). eprints.ucm.es. มหาวิทยาลัยกอมปลูเตนเซแห่งมาดริด. สืบค้นเมื่อ 2021-08-25.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  2. Ribas, Federico (1931-05-23). "El Himno de Riego – Sus olvidados autores" [The Himno de Riego – Its forgotten authors] (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-08-25. สืบค้นเมื่อ 2021-08-25.
  3. 3.0 3.1 González Díez, Alfredo. "Alegres Soldados-Capitulo XXXIII" (PDF). สืบค้นเมื่อ 2021-08-25.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  4. ข้อความในบันทึกมีดังนี้
    Los campanarios de la catedral, derribados por el terremoto de 1950, había sido reconstruidos por cuenta del gobierno del general Franco y en prueba de gratitud se ordenó a la banda ejecutar el himno español. Sonaron los primeros acordes y se vio el bonete rojo del obispo encarnarse más aún mientras sus brazos se movían como los de una marioneta: “Paren, paren, hay un error”, decía, mientras se oía la indignada voz de un gaita: “dos años trabajando, ¡para esto!”. La banda -no sé si bien o mal intencionada-, había iniciado la ejecución del himno republicano.
    คัดจาก Diarios de motocicleta, capítulo El Señor de los Temblores, Ernesto Che Guevara
  5. Diario AS, 28 de noviembre de 2003
  6. Fragmento de cobertura informativa en CNN+ (video)
  7. El País, 28 de noviembre de 2003
  8. Libertad Digital, 28 de noviembre de 2003
  9. BBC Sport: Spain demands Davis Cup apology. Friday, 28 November, 2003, 14:22 GMT
  10. Himne de la República a la Copa Davis (บันทึกการรายงานข่าวของสำนักข่าว CNN)

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]