เหตุเพลิงไหม้รถบัสบนถนนวิภาวดีรังสิต พ.ศ. 2567

รถบัสนักเรียนไฟไหม้บนถนนวิภาวดีรังสิต
นักดับเพลิงฉีดน้ำเพื่อดับไฟที่กำลังลุกไหม้รถบัส
รายละเอียด
วันที่	1 ตุลาคม พ.ศ. 2567 12.00 เวลาประเทศไทย (UTC+07:00)
สถานที่	ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
พิกัด	13.9550604°N 100.6208852°E / 13.9550604; 100.6208852
ประเทศ	ประเทศไทย
เจ้าของ	ชินบุตรทัวร์
จำนวน
ผู้โดยสาร	45
เสียชีวิต	23
บาดเจ็บ	8
แผนที่เส้นทาง โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อุทัยธานี วัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา ถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า กม.28 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บางกรวย

ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567 รถบัสโดยสารนักเรียนและครูเกิดเหตุเพลิงไหม้ขณะเดินทางอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต ในเขตอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 23 ราย ในจำนวนนี้เป็นนักเรียนจำนวน 20 คนมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 4 ราย นับเป็นหนึ่งในเหตุโศกนาฏกรรมบนท้องถนนครั้งใหญ่ของไทยโดยมีความเสียหายในแง่จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บร้ายแรงเป็นอันดับที่ 4

ภูมิหลัง

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอุบัติเหตุจราจรมากที่สุดในโลก อันมีสาเหตุมาจากยานพาหนะที่ไม่ปลอดภัยและการขับขี่ที่อันตราย ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรในไทยอยู่ที่ประมาณ 20,000 รายต่อปี

ในบริบทของรถที่ขนส่งนักเรียน เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันในประเทศไทยหลายครั้ง เช่นเหตุการณ์รถบัสนักเรียนชนรถบรรทุกในอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567 เสียชีวิต 1 ราย และเหตุรถรับจ้างส่งนักเรียนเสียหลักชนต้นไม้ในอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เสียชีวิต 10 ราย

อุบัติเหตุ

รถบัสโดยสารเกิดเหตุเพลิงไหม้ในเวลาประมาณ 12.29 นาฬิกา ขณะเดินทางอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิตขาออก ในพื้นที่ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี บริเวณตรงข้ามซอยพหลโยธิน 72 ระหว่างเซียร์ รังสิต และอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ทั้งนี้ พาหนะดังกล่าวเป็นของบริษัทชินบุตรทัวร์ เดินทางขนส่งนักเรียนและครูจากโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี เพื่อมาทัศนศึกษาที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในจังหวัดนนทบุรี ในคณะเดินทางประกอบด้วยรถสามคัน รถเกิดเหตุหนึ่งคันโดยเป็นรถทะเบียนจังหวัดสระบุรี เดินทางมาเป็นคันที่สองในขบวน

ขณะเกิดเหตุ จำนวนคนบนรถรวม 46 คน ประกอบด้วยนักเรียน 39 คนจากระดับอนุบาลถึงประถมศึกษาที่ 4 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และครู 6 คน โดยสามารถหนีออกมาจากรถได้ 19 คน เป็นครู 3 คน นักเรียน 16 คน และคนขับรถ 1 คน สาเหตุเบื้องต้นระบุว่าเกิดจากยางล้อรถระเบิดส่งผลให้รถชนเข้ากับแบริเออร์บนถนนจนเกิดไฟไหม้ซึ่งลุกจากช่วงล่างของรถ โดยรถใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเชื้อเพลิงดังกล่าวใช้มาแล้ว 15 ปี และจะหมดอายุในปี พ.ศ. 2569

มติชนรายงานว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงเหตุการณ์ตั้งแต่เกิดเพลิงไหม้ แสดงคนขับรถบัสได้เปิดประตูฝั่งคนขับวิ่งลงมาจากรถ พยายามไปเปิดประตูกลางรถแต่เปิดไม่ออก จึงเดินไปบริเวณประตูฉุกเฉินท้ายรถแล้วพยายามจะเปิดประตูอีกครั้ง แต่เห็นว่าเปิดไม่ออก ไฟได้ลุกไหม้อย่างรุนแรง จึงวิ่งอ้อมไปทางด้านท้ายรถ และภาพจากติ๊กต็อกแสดงเหตุการณ์คนขับจากด้านท้ายรถ ถือถังดับเพลิงที่มีพลเมืองดีนำมาให้ไปพยายามดับไฟ หลังเกิดเหตุคนขับรถดังกล่าวได้หนีหายตัวไปและปิดมือถือไม่สามารถติดต่อได้ ก่อนจะเข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจภูธรวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง

การสอบสวน

รถบัสที่เกิดอุบัติเหตุเป็นรถโดยสารไม่ประจำทางของ บริษัท ชินบุตร เอ็นจิเนียริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด มีความจุ 41 ที่นั่ง จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2513 อายุใช้งาน 54 ปี 7 เดือน 12 วัน ก่อนจะจดทะเบียนใหม่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เนื่องจากมีการดัดแปลงโครงเลขคัทซี เปลี่ยนขนาดสัดส่วน - ชนิดรถ ISUZU เลขตัวรถ 2105472 , เปลี่ยนเครื่องยนต์ และดัดแปลงโดยติดตั้งแก๊สเอ็นจีวีจำนวน 11 ถัง ได้แก่ บริเวณด้านหน้าขวา 1 ถัง บริเวณด้านหน้าซ้าย 2 ถัง บริเวณกลางรถฝั่งซ้าย 4 ถัง และกลางรถฝั่งขวา 4 ถัง มีชนิดเครื่องยนต์ BENZ เลขเครื่องยนต์ 422915-20-590053 ชนิดเชื้อเพลิงก๊าซ CNG

เหยื่อ

มีการยืนยันยอดผู้เสียชีวิตที่ 23 ราย ประกอบด้วย นักเรียนรวม 20 คน ได้แก่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 รวม 3 คน, ประถมศึกษาปีที่ 2 รวม 2 คน, ประถมศึกษาปีที่ 3 รวม 6 คน, ประถมศึกษาปีที่ 4 รวม 6 คน และมัธยมศึกษาปีที่ 3 รวม 3 คน และครู 3 คน

ยอดบาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุอยู่ที่ 8 คน นอนโรงพยาบาล (บาดเจ็บสาหัส) ทั้งหมด 4 ราย เป็นครูหนึ่งราย เป็นเด็กนักเรียนหญิง 3 ราย โดยส่งไปที่โรงพยาบาลแพทย์รังสิต 1 คน โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 2 ราย โรงพยาบาลเด็ก สังกัดกรมการแพทย์ 1 ราย

ผลสืบเนื่อง

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงรับศพผู้เสียชีวิต และผู้ป่วยจากเหตุการณ์นี้ทุกคน ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงโพสต์แสดงความเสียพระทัยต่อเหตุการณ์นี้ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนพระองค์

นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ผ่านทางทวิตเตอร์ และยกเลิกภารกิจช่วงบ่ายทั้งหมดเพื่อลงพื้นที่เยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ

ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากร่วมแสดงความคิดเห็นสนับสนุนให้โรงเรียนยกเลิกการจัดทัศนศึกษาสำหรับนักเรียนเด็กเล็กที่ต้องเดินทางโดยรถบัส เนื่องจากกังวลว่าอุบัติเหตุเช่นนี้อาจเกิดขึ้นซ้ำ อย่างไรก็ตาม ความเห็นบางส่วนแม้จะสนับสนุนการยกเลิกดังกล่าว แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าความปลอดภัยในการเดินทาง และการฝึกให้เด็กเอาตัวรอดก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน

กระทรวงศึกษาธิการสั่งงดการทัศนศึกษาที่ไม่จำเป็นโดยทันทีอย่างไม่มีกำหนด โดยเฉพาะนักเรียนระดับชั้นต่ำกว่า ป.4 ให้ทัศนศึกษาภายในจังหวัดของโรงเรียนต้นสังกัดเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากโรงเรียนใดมีความจำเป็นต้องดูเป็นรายกรณี พร้อมมีการดูแลความปลอดภัยนักเรียนอย่างเข้มงวดและครอบคลุมทุกมิติ อีกทั้งไม่บังคับให้มีการเก็บคะแนนสะสมจากการทัศนศึกษา โดยให้โรงเรียนเก็บคะแนนจากกิจกรรมอื่น ๆ แทน

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังจากวันเกิดเหตุ ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ เสนอให้มีการปรับปรุงมาตรฐานรถสาธารณะ รวมถึงเรียกร้องให้มีการนำเสนอข่าวที่ไม่ตอกย้ำการสูญเสีย ด้านชวน หลีกภัย จากพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกการทัศนศึกษา ส่วนพริษฐ์ วัชรสินธุ เสนอให้ทบทวนมาตรการพานักเรียนไปทัศนศึกษา รวมถึงปฎิรูปงบประมาณด้านการศึกษาให้คำนึงถึงปัจจัยอื่นประกอบนอกจากจำนวนนักเรียน

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่ง และบริจาคเวชภัณฑ์ประเภทครีมสารสกัดจากบัวหิมะเพื่อรักษาบาดแผลไฟไหม้ ผ่าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม