เสถียร เพิ่มทองอินทร์
![]() | บทความนี้ถูกกึ่งล็อกมิให้แก้ไข เนื่องจากถูกก่อกวนหลายครั้งติดต่อกัน (ดูปูม) ผู้ไม่ลงทะเบียนหรือผู้ใช้ใหม่ไม่สามารถแก้ไขบทความนี้ได้ แต่ผู้ใช้ทั่วไปยังแก้ไขได้ตามปกติ (ล็อกอินที่นี่) ทุกคนสามารถเสนอความคิดเห็นและข้อควรปรับปรุงได้ในหน้าอภิปราย หรือแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อขอยกเลิกการป้องกันหรือเพิ่มการป้องกันเป็นการล็อกสมบูรณ์ |
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง คุณสามารถพัฒนาบทความนี้ได้โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงตามสมควร เนื้อหาที่ขาดแหล่งอ้างอิงอาจถูกลบออก |
เสถียร เพิ่มทองอินทร์ | |
---|---|
![]() | |
ปลัดกระทรวงกลาโหม | |
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554 – 30 กันยายน พ.ศ. 2555 | |
ก่อนหน้า | พลเอก กิตติพงษ์ เกษโกวิท |
ถัดไป | พลเอก ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
คู่สมรส | ดร.ณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ |
การเข้าเป็นทหาร | |
สังกัด | กองทัพบกไทย กระทรวงกลาโหม |
ปีปฏิบัติงาน | ? - 2555 |
ยศ | ![]() ![]() ![]() |
บังคับบัญชา | ปลัดกระทรวงกลาโหม |
พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์[1] อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตราชองครักษ์พิเศษ [2] อดีตเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม[3][4] สืบต่อจาก พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ที่เกษียณอายุราชการ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554
เนื้อหา
การศึกษา[แก้]
พล.อ.เสถียร เป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 11 โรงเรียนนายร้อย จปร. รุ่นที่ 22 เคยผ่านการศึกษาอบรมจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 48 จบการศึกษาด้านรัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และปริญญาโท จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
การทำงาน[แก้]
พล.อ.เสถียร เคยดำรงตำแหน่งสำคัญดังนี้
ผู้บังคับกองร้อยทหารปืนใหญ่ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 6
ผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 6
เสนาธิการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 6
รองผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 6
ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 56
ผู้อำนวยการกองยุทธการ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา
ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2549 ได้รับตำแหน่งรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา
เป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารพัฒนาเมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2551
ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553
เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ต่อมาได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555[5] ก่อนจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนของปีเดียวกัน ต่อมาภายหลังศาลปกครอง ได้มีคำสั่งให้ถอนคำสั่งดังกล่าว[6]
เกียรติยศ[แก้]
พล.อ.เสถียร ได้รับเกียรติยศและได้รับการยกย่องหลายด้าน อาทิ ศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนวัดราชาธิวาส ศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนเสนาธิการทหารบก บุคคลดีเด่นประจำปี 2551 MAN OF THE YEAR จากนิตยสารเส้นทางไทย เป็นประธานนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 22 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เป็นประธานนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 11 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 รางวัลเกียรติยศจักรดาวปี พ.ศ. 2552
พล.อ.เสถียร ได้รับโปรดเกล้าเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาลูกเสือแห่งชาติปี พ.ศ. 2552 ได้รับพระราชทานโล่เกียรติคุณ รางวัลบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนแห่งชาติปี พ.ศ. 2552 เป็นตุลาการศาลทหารสูงสุด ปี พ.ศ. 2553 เป็นนายกสมาคม ลอนโบวล์สแห่งประเทศไทยปี พ.ศ. 2554 และเป็นประธานนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นปี 2548 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554
คดีความ[แก้]
วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่า พลเอก เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ผู้คัดค้าน จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๖๔ ประกอบมาตรา ๒๖๓ วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๑ ห้ามผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๑๙ ลงโทษจำคุก ๒ เดือน และปรับ ๔,๐๐๐ บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ [7]
ชีวิตส่วนตัว[แก้]
พล.อ.เสถียร มีชื่อเล่นว่า "เปี๊ยก" สื่อมวลชนจึงมักเรียกชื่อตามภาษาของสื่อฯว่า "บิ๊กเปี๊ยก" ชีวิตครอบครัวสมรสกับ ดร.ณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ นายกเทศมนตรีตำบลคำขวาง มีบุตรี 1 คน คือ ร.อ.หญิง ณิชาพัฒน์ เพิ่มทองอินทร์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
- พ.ศ. 2554 -
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[8]
- พ.ศ. 2553 -
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
อ้างอิง[แก้]
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหารและแต่งตั้งนายทหารพิเศษราชกิจจานุเบกษา เล่ม 129 ตอนที่ 7 ข วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/092/T_0001.PDF
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ (จำนวน 584 ราย)ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 128 ตอนพิเศษที่ 115 ง วันที่ 1 ตุลาคม 2554
- ↑ เปิดรายชื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร 584 ตำแหน่ง
- ↑ เด้ง!'พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์'พ้นปลัดกห.
- ↑ ศาลปกครอง เพิกถอนคำสั่งกลาโหม เด้ง เสถียร-ชาตรี
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2556/A/100/1.PDF
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทยประจำปี 2554
- บุคคลที่ยังไม่ทราบปีที่เกิด
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- ทหารบกชาวไทย
- ปลัดกระทรวงกลาโหมไทย
- บุคคลจากโรงเรียนเตรียมทหาร
- บุคคลจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
- บุคคลจากสาขาวิชาวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
- บุคคลจากคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม.
- ผู้ได้รับเหรียญจักรมาลา
- บุคคลจากโรงเรียนวัดราชาธิวาส