เศรษฐีกับลาซารัส
นักบุญลาซารัส | |
---|---|
![]() ลาซารัสกับเศรษฐี (Lazarus and Dives) ภาพวาดจาก Codex Aureus of Echternach ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ช่องบน: ลาซารัสที่ประตูบ้านของเศรษฐี ช่องกลาง: วิญญาณของลาซารัสถูกทูตสวรรค์สองตนพาไปยังสวรรค์; ลาซารัสอยู่ในอ้อมกอดของอับราฮัม ช่องล่าง: วิญญาณของเศรษฐีถูกซาตานพาไปยังนรก; เศรษฐีทุกข์ทรมานในแดนคนตาย | |
นับถือ ใน | โรมันคาทอลิก |
วันฉลอง | 21 มิถุนายน |
องค์อุปถัมภ์ | คนยากจน, คนโรคเรื้อน, ภาคีนักบุญลาซารัส |
เศรษฐีกับลาซารัส (อังกฤษ: Rich man and Lazarus หรือ Dives and Lazarus[a]) เป็นอุปมาของพระเยซูจากพระวรสารนักบุญลูกาบทที่ 16[6] เมื่อพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์และพวกฟาริสีบางคน พระองค์ทรงเล่าเรื่องของเศรษฐีที่ไม่ระบุชื่อคนหนึ่งกับขอทานชื่อลาซารัส เมื่อทั้งคู่เสียชีวิต เศรษฐีถูกพาไปแดนคนตายและวิงวอนต่ออับราฮัมให้ส่งลาซารัสจากอ้อมกอดของอับราฮัมให้ไปเตือนครอบครัวของเศรษฐีเพื่อไม่ให้ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับตน อับราฮัมตอบว่า "ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็ยังจะไม่เชื่อ"
นอกเหนือจากอุปมาเรื่องหญิงพรหมจารีสิบคน, บุตรหายไป และชาวสะมาเรียใจดีแล้ว เรื่องเศรษฐีกับลาซารัสเป็นหนึ่งในอุปมาที่มีการนำมาวาดเป็นภาพจิตรกรรมบ่อยครั้งที่สุดในศิลปะยุคกลาง[7] อาจเป็นเพราะเป็นเรื่องราวที่แสดงภาพชีวิตหลังความตายอย่างชัดเจน
ความในคัมภีร์ไบเบิล
[แก้]
"มีเศรษฐีคนหนึ่งนุ่งห่มผ้าสีม่วงและผ้าป่านเนื้อดี อยู่อย่างรื่นเริงฟุ่มเฟือยทุกๆ วัน และมีคนยากจนคนหนึ่งชื่อลาซารัส เป็นแผลทั้งตัว นอนอยู่ที่ประตูรั้วบ้านของเศรษฐี เขาอยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐีคนนั้น แม้สุนัขก็มาเลียแผลของเขา ต่อมาคนยากจนนั้นตาย และพวกทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่กับอับราฮัม ส่วนเศรษฐีคนนั้นก็ตายด้วย และถูกฝังไว้ และเมื่อเขาเป็นทุกข์ทรมานอยู่ในแดนคนตาย เขาแหงนหน้าดู เห็นอับราฮัมอยู่แต่ไกล และลาซารัสก็อยู่กับท่าน
"เศรษฐีจึงร้องว่า 'อับราฮัมบิดาเจ้าข้า ขอเมตตาข้าพเจ้าเถิด ขอใช้ลาซารัสเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นของข้าพเจ้าให้เย็น เพราะข้าพเจ้าต้องทุกข์ระทมอยู่ในเปลวไฟนี้' แต่อับราฮัมตอบว่า 'ลูกเอ๋ย เจ้าจงระลึกว่าเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าได้สิ่งที่ดีสำหรับตัว และลาซารัสได้แต่สิ่งเลว เวลานี้เขาได้รับการปลอบโยนแล้ว แต่เจ้าได้รับแต่ความทุกข์ระทม ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างเรากับพวกเจ้าก็มีเหวใหญ่ตั้งขวางอยู่ เพื่อว่าถ้าใครอยากจะข้ามจากที่นี่ไปถึงพวกเจ้าก็ทำไม่ได้ หรือถ้าจะข้ามจากที่นั่นมาถึงเราก็ทำไม่ได้'
"เศรษฐีคนนั้นจึงกล่าวว่า 'ถ้าอย่างนั้น บิดาเจ้าข้า ขอท่านใช้ลาซารัสไปที่บ้านบิดาของข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ามีน้องชายห้าคน ให้ลาซารัสไปเตือนพวกเขา เพื่อไม่ให้เขาต้องมาอยู่ในที่ทุกข์ทรมานแห่งนี้' แต่อับราฮัมตอบว่า 'เขามีโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะแล้ว ให้พวกเขาฟังคนเหล่านั้นเถิด' เศรษฐีคนนั้นจึงกล่าวว่า 'ไม่ได้ อับราฮัมบิดาเจ้าข้า แต่ถ้ามีใครสักคนหนึ่งจากพวกคนตายไปหาพวกเขา เขาคงจะกลับใจใหม่' อับราฮัมจึงตอบเขาว่า 'ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็ยังจะไม่เชื่อ' "
ดูเพิ่ม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Hultgren, Arland J (2002-01-01). The Parables of Jesus: A Commentary. pp. 110–118. ISBN 978-0-8028-6077-4.
- ↑ "Luke, chapter 16 verse 19". The Bible – Latin Vulgate. The Vatican. สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
homo quidam erat dives et induebatur purpura et bysso et epulabatur cotidie splendide
- ↑ Fitzmyer, Joseph A. (1995-03-01). The Gospel According to Luke (I-IX). p. 1110. ISBN 978-0-385-52247-2.
- ↑ Metzger, Bruce M. (1977). The Early Versions of the New Testament: Their Origin, Transmission, and Limitations. Clarendon Press. p. 136. ISBN 978-0-19-826170-4.
- ↑ Fitzmyer IX, Ad populum I (CSEL 18.91), spelled Finees; and in Ps.-Cyprian, De pascha computus 17 (CSEL 3/3.265), spelled Finaeus
- ↑ ลูกา 16:19 -31
- ↑ Mâle, Émile (1961). The Gothic Image: Religious Art in France of the Thirteenth Century. p. 195. ISBN 978-0-00-630601-6.
อ่านเพิ่มเติม
[แก้]- Aquinas, Thomas (1867). . Ninety-nine Homilies of S. Thomas Aquinas Upon the Epistles and Gospels for Forty-nine Sundays of the Christian Year. Church Press Company.
- Baxter, Roger (1823). . Meditations For Every Day In The Year. New York: Benziger Brothers. pp. 472–474.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ศิลปะคัมภีร์ไบเบิล