ข้ามไปเนื้อหา

เวิ้งนครเกษม

พิกัด: 13°44′42″N 100°30′16″E / 13.745096°N 100.50451°E / 13.745096; 100.50451
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เวิ้งนครเกษม เยาวราช
โครงการ
เริ่มสร้าง23 มกราคม พ.ศ. 2568
แล้วเสร็จพ.ศ. 2572
เปิดใช้งานพ.ศ. 2572
ค่าก่อสร้าง16,595.5 ล้านบาท
สถานะกำลังก่อสร้าง
พื้นที่14 ไร่ 1 งาน 91 ตารางวา
ผู้พัฒนาโครงการแอสเสท เวิรด์ คอร์ป
เจ้าของบริษัท ทีซีซี เวิ้งนาครเขษม จำกัด
ลักษณะทางกายภาพ
อาคารหลักศาลาจีน
โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล
โรงแรมคิมป์ตัน
อาคารพาณิชย์
พื้นที่สาธารณะสวนลอยฟ้า, ลานกิจกรรม
การจัดสรรพื้นที่ศาลาจีน, โรงแรม, ศูนย์การค้า
ขนส่งมวลชน สามยอด
สิ่งอำนวยความสะดวกลานจอดรถ 750 คัน
ที่ตั้ง
พิกัด: 13°44′42″N 100°30′16″E / 13.745096°N 100.50451°E / 13.745096; 100.50451
ประเทศ ไทย
จังหวัดกรุงเทพมหานคร
เขตสัมพันธวงศ์
แขวงสัมพันธวงศ์

เวิ้งนครเกษม (อังกฤษ: Woeng Nakornkasem) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ เวิ้งนครเกษม เยาวราช (อังกฤษ: Woeng Nakornkasem Yaowaraj) เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชยกรรมแบบผสมใจกลางกรุงเทพมหานคร บนที่ดินเวิ้งนาครเขษมจำนวน 14 ไร่ 1 งาน 91 ตารางวา ล้อมรอบด้วยถนนเยาวราช ถนนจักรวรรดิ ถนนเจริญกรุง และคลองรอบกรุง ในย่านไชนาทาวน์ บนพื้นที่ต่อเนื่องจากเขตอนุรักษ์เกาะรัตนโกสินทร์ แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ ของบริษัท ทีซีซี เวิ้งนาครเขษม จำกัด พัฒนาโดยบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ในเครือกลุ่มทีซีซี โครงการประกอบด้วยศูนย์การค้า พื้นที่ 68,000 ตารางเมตร, โรงแรม 2 แห่ง และศาลาจีน โดยใช้มูลค่าการลงทุนทั้งหมดประมาณ 16,595.5 ล้านบาท (รวมที่ดิน) ถือเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เงินลงทุนสูงสุดของแอสเสท เวิรด์ คอร์ป มีพิธียกเสาเอกเริ่มต้นการก่อสร้างเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568 มีกำหนดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2572

ประวัติ

[แก้]

ภูมิหลัง

[แก้]
เวิ้งนาครเขษมฝั่งถนนเจริญกรุงในปี พ.ศ. 2559

เวิ้งนี้เดิมถูกเรียกว่า "เวิ้งท่านเลื่อน" เพราะเป็นที่ดินของคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ มารดาของพระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ก่อนขายที่ดินบางส่วนให้กรมพระคลังข้างที่ (ปัจจุบันคือสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์) หลังจากมีการตัดถนนเยาวราช โดยพระคลังข้างที่ได้นำที่ดินมาก่อสร้างเป็นห้องแถวทั้ง 2 ฝั่งถนน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดสระให้ประชาชนใช้อาบ เรียกว่า "วังน้ำทิพย์" ก่อนพระราชทานต่อให้แก่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระองค์ทรงเห็นว่ามีชุมชนเกิดขึ้น จึงให้ถมสระเป็นพื้นที่โล่ง และเรียกว่า เวิ้งนาครเขษม หมายถึง "เวิ้งอันเป็นที่รื่นรมย์ของชาวเมือง" ก่อนที่ประชาชนจะเรียกเพี้ยนมาเป็น เวิ้งนครเกษม[1]

หลังการเลิกทาสและไพร่ในประเทศไทย มีอดีตทาสในวังนำทรัพย์สินจากวังออกมาขายในเวิ้งนาครเขษม จึงถูกเรียกว่า "ตลาดโจร" (อังกฤษ: Thief Market) และมีชาวตะวันตกที่นำของมาแลกเปลี่ยน เวิ้งนาครเขษมจึงเป็นตลาดค้าของเก่า ก่อนพัฒนาเป็นศูนย์การค้าขนาดย่อม และมีโรงภาพยนตร์นาครเขษมเป็นโรงภาพยนตร์ภายในศูนย์การค้าแห่งแรกของประเทศไทย[2] หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ดนตรีตะวันตกเริ่มแพร่หลาย จึงมีการจำหน่ายเครื่องดนตรีตะวันตกในเวิ้งนาครเขษมเพิ่ม ทำให้เป็นแหล่งค้าของเก่า เครื่องดนตรี รวมทั้งภัตตาคาร ต่อมาศูนย์การค้าที่เดิมเป็นห้องแถวไม้ชั้นเดียวเกิดไฟไหม้ในปี พ.ศ. 2508 จึงปรับปรุงเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กแบบตะวันตกสองชั้นและสามชั้น และสร้างตลาดขึ้นใหม่ซึ่งแล้วเสร็จในปีระกา จึงถูกเรียกว่า "ตลาดปีระกา"

ภายใต้กลุ่มทีซีซี

[แก้]

การประมูลที่ดินโดยทีซีซีแลนด์

[แก้]

ที่ดินในเวิ้งนาครเกษมในช่วงที่มีการเช่าพัฒนาเป็นศูนย์การค้านี้ถือกรรมสิทธิ์โดยกองมรดกรวมของพระธิดาทั้งหมดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทั้งหมด 5 ราชสกุล คือ กิติยากร สวัสดิวัตน์ เทวกุล โสณกุล และ บุณยะปานะ โดยมีสำนักงานบริพัตรเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์[3] แต่ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2554 สำนักงานบริพัตรตัดสินใจไม่ต่อสัญญาเช่าให้กับผู้เช่าทั้งหมดที่จะหมดลงในเดือนกันยายน พ.ศ. 2555 และประกาศประมูลขายที่ดินเวิ้งนาครเขษมทั้งหมดด้วยราคาเปิดประมูลเริ่มต้นที่ 3,800 ล้านบาท โดยก่อนหน้านั้น เจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกลุ่มทีซีซี เคยเสนอซื้อที่ดินนี้ด้วยมูลค่า 3,500 ล้านบาท

การประมูลดังกล่าวถูกต่อต้านจากชาวชุมชนที่อยู่อาศัยบนที่ดินเวิ้งนาครเขษม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีประวัติมายาวนานและมีคุณค่า โดยชาวชุมชนได้รวมตัวกันจัดตั้ง บริษัท เวิ้งนาครเขษม จำกัด นำโดย วิศิษฎ์ เตชะเกษม เพื่อระดมทุนและเข้าประมูลซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวคืน[2] โดยแข่งขันกับกลุ่มทุนต่าง ๆ เช่น เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป, กลุ่มสยามแก๊ส, กลุ่มอักษราที่เป็นหนึ่งในผู้เช่าพื้นที่เวิ้งนาครเขษมเดิม รวมถึงบีอีซีเวิลด์ของตระกูลมาลีนนท์ และกลุ่มทีซีซีของเจริญ ซึ่ง บจก.เวิ้งนาครเขษม ระดมทุนได้จำนวน 4,800 ล้านบาท แต่ผู้ที่ชนะการประมูลในครั้งแรกคือกลุ่มอักษรา ที่เสนอราคาที่จำนวน 5,500 ล้านบาท สูงกว่ากลุ่มบีอีซีเวิลด์ที่เสนอราคาเป็นอันดับที่ 2 ที่จำนวน 5,300 ล้านบาท ก่อนที่กลุ่มอักษราจะขอถอนตัวในเวลาต่อมา เนื่องจากไม่สามารถจ่ายเงินก้อนแรกจำนวน 1,500 ล้านบาทได้ เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจทั่วโลก และกลุ่มทุนของกลุ่มอักษราที่มาจากประเทศจีนหันไปลงทุนในที่ดินในประเทศพม่าแทน[4] สำนักงานบริพัตรจึงนำที่ดินมาเปิดประมูลใหม่ในราคาเปิดประมูลเริ่มต้นที่ 4,800 ล้านบาท และผู้ที่ชนะการประมูลคือ บริษัท ทีซีซี เวิ้งนาครเขษม จำกัด ในเครือทีซีซี แลนด์ ของกลุ่มทีซีซี ด้วยราคาขายสุทธิ 5,000 ล้านบาท แต่แจ้งโอนที่ราคา 4,507 ล้านบาท รวมค่าโอนอีก 300 ล้านบาท เป็น 4,807 ล้านบาท โดยสำนักงานบริพัตรได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ บจก.ทีซีซี เวิ้งนาครเขษม เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555 หลังจากนั้น เจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกลุ่มทีซีซี ได้ยืนยันว่าจะต่อสัญญาเช่าให้ผู้เช่าทุกราย และพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวในเชิงพาณิชยกรรมให้ดียิ่งขึ้น[1]

การเข้าซื้อโดยแอสเสท เวิรด์ คอร์ป

[แก้]

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) มีมติเอกฉันท์ให้เสนอวาระการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ทีซีซี เวิ้งนาครเขษม จํากัด พร้อมรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเวิ้งนาครเขษมทั้งหมดจากกลุ่มทีซีซี แลนด์ มูลค่าประมาณ 8,265 ล้านบาท ให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณา[5] และที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติธุรกรรมดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 เมษายน ปีเดียวกัน[6]

การเปิดตัวโครงการและก่อสร้าง

[แก้]

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568 แอสเสท เวิรด์ คอร์ป ได้จัดงานเปิดตัวและพิธีลงเสาเอกโครงการใหม่ในเวิ้งนาครเขษม ในชื่อ เวิ้งนครเกษม เยาวราช (อังกฤษ: Woeng Nakornkasem Yaowaraj) ภายใต้แนวคิด "Legacy of the Past, Inspiration of Tomorrow" โดยใช้เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 16,595.5 ล้านบาท (รวมที่ดิน) ถือเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เงินลงทุนสูงสุดของแอสเสท เวิรด์ คอร์ป โดยมีบริษัท นันทวัน จำกัด (ไทย โอบายาชิ) เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง[7]

การจัดสรรพื้นที่

[แก้]

โครงการเวิ้งนครเกษมแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้[7]

  1. ศาลาจีน (Chinese Pavilion) ความสูง 8 ชั้น เป็นภูมิสัญลักษณ์แห่งใหม่ของไชนาทาวน์ ภายในมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้คนเข้าสักการะ และพิพิธภัณฑ์เวิ้งนครเกษม จัดแสดงภาพประวัติศาสตร์ ตลอดจนสิ่งของในวิถีชีวิตของชุมชนในเวิ้งนาครเขษมเดิม
  2. โรงแรม (Hospitality) โดยเป็นแห่งแรกในไชน่าทาวน์ที่จะเป็นโรงแรมหรู (Luxury) จำนวน 2 โรงแรม รวมห้องพักมากกว่า 500 ห้อง ดังนี้
    1. โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (InterContinental) จำนวนมากกว่า 300 ห้องพัก เป็นอาคารหลักความสูง 10 ชั้น และอาคารพาณิชย์เก่าแก่ที่อนุรักษ์โครงสร้างภายนอกเดิม ส่วนภายในปรับปรุงเป็นห้องสวีท และมีห้องบอลรูมขนาดใหญ่ที่สุดในไชนาทาวน์ ที่พื้นที่มากกว่า 1,100 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้เข้าร่วมได้สูงสุด 750 คน
    2. โรงแรมคิมป์ตัน (Kimpton) เป็นเครือโรงแรมหรูแนวไลฟ์สไตล์ในเครืออินเตอร์คอนติเนนตัลเช่นกัน แต่เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มครอบครัว จำนวนมากกว่า 200 ห้องพัก บนอาคารหลักสูง 10 ชั้น และอาคารพาณิชย์อนุรักษ์ริมคลองรอบกรุง เน้นผสมผสานระหว่างประเพณีท้องถิ่น ความทันสมัยในการบริการ ห้องอาหาร และบาร์
  3. ศูนย์การค้า (Retail) มีพื้นที่รวมทั้งหมด 68,000 ตารางเมตร ภายในพื้นที่อาคารหลัก ประกอบด้วยจัตุรัสเมืองขนาดใหญ่ใจกลางไชนาทาวน์ ซึ่งเป็นลานสี่เหลี่ยมอาคารล้อมภายในกลุ่มอาคารพาณิชย์อนุรักษ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นของเวิ้งนาครเขษมเดิม สำหรับเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ, พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่และสวนลอยฟ้าที่ชั้นบนของด้านหน้าอาคาร, พื้นที่ใต้ดิน ประกอบด้วย ส่วนจำหน่ายสินค้าชั้นใต้ดินขนาดใหญ่ในชั้น B1 และ B2 ประกอบด้วยร้านขายสินค้าฟุ่มเฟือย ร้านค้ารูปแบบใหม่ ภัตตาคารที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ ร้านกาแฟ และร้านค้าท้องถิ่นของชุมชน ที่เน้นการถ่ายทอดเรื่องราวของเวิ้งนาครเขษมในฐานะย่านการค้าไทย-จีนในอดีต ผ่านการตกแต่งในสถาปัตยกรรมร่วมสมัย และชั้น B3 ถึง B5 เป็นลานจอดรถใต้ดินที่รองรับได้ทั้งหมด 750 คัน

โดยเชื่อมต่อกับสถานีสามยอด ของรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม ที่ชั้น B1 อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับรถรางไฟฟ้าที่แอสเสท เวิรด์ คอร์ป ให้บริการเพื่อรับ-ส่งผู้โดยสารโดยรอบไชนาทาวน์โดยเฉพาะ[8]

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 ป่านแก้ว, วราพงษ์ (15 กรกฎาคม 2012). "เวิ้งนาครเขษมจากเมืองราชสกุลถึงเจ้าสัว". โพสต์ทูเดย์. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม 2025.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  2. 2.0 2.1 "กู๊ดบายประวัติศาสตร์ ทุนนิยมโกยเงิน แปลงร่าง'เวิ้งนาครเขษม'". ไทยรัฐ. 27 กรกฎาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2014.
  3. "ธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ยังต้องปรับตัวอีกมาก". หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ. พฤศจิกายน 1999. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม 2025. สำนักงานบริพัตร เป็นผู้จัดการผลประโยชน์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนคร สวรรค์วรพินิจ ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นตึกแถวตลาด และที่ดินบริเวณเวิ้งนาครเขษม
  4. "'เวิ้งนาครเขษม' ตอนที่ 1 : เจ้าสัวเจริญตั้งโจทย์ขอ 300 ล้าน!!!". ไทยรัฐ. 6 สิงหาคม 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มีนาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2014.
  5. "ปิดดีล AWC ซื้อ 'เวิ้งนาครเขษม ' 8.2 พันล้าน". ฐานเศรษฐกิจ. 15 กุมภาพันธ์ 2021. สืบค้นเมื่อ 27 มกราคม 2025.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  6. "เจ้าสัวเจริญ ปั้น"เวิ้งนาครเขษม" 30ปีโกย 1.5 แสนล้าน". ฐานเศรษฐกิจ. 10 พฤษภาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 27 มกราคม 2025.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  7. 7.0 7.1 "AWC ลงเสาเอก 'เวิ้งนครเกษม เยาวราช'". SPACEBAR. 24 มกราคม 2025. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม 2025.
  8. จุลพันธ์, พรไพลิน (24 มกราคม 2025). "AWC ลงเสาเอก 'เวิ้งนครเกษม เยาวราช' มิกซ์ยูส 1.6 หมื่นล้าน ใหญ่สุดไชน่าทาวน์!". กรุงเทพธุรกิจ. สืบค้นเมื่อ 27 มกราคม 2025.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

13°44′42″N 100°30′16″E / 13.745096°N 100.50451°E / 13.745096; 100.50451