เรือนแพ (ภาพยนตร์)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เรือนแพ
กำกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
เนรมิต
เขียนบทพระนิพนธ์ :
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
บทภาพยนตร์ :
เวตาล
อำนวยการสร้างพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
จรี อมาตยกุล
นักแสดงนำไชยา สุริยัน
ส. อาสนจินดา
มาเรีย จาง
จินฟง
อดุลย์ ดุลยรัตน์
สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย
เชาว์ แคล่วคล่อง
สาหัส บุญ-หลง
ทัต เอกทัต
สถาพร มุกดาประกร
ชาลี อินทรวิจิตร
เมืองเริง ปัทมินทร์
จำรูญ หนวดจิ๋ม
กำกับภาพพูนสวัสดิ์ ธีมากร
ตัดต่ออำนวย กลัสนิมิ
พร้อม รุ่งรังษี
ดนตรีประกอบพระยาโกมารกุลมนตรี
หม่อมหลวงพวงร้อย สนิทวงศ์
หม่อมหลวงประพันธ์ สนิทวงศ์
สง่า อารัมภีร
ชาลี อินทรวิจิตร
ผู้จัดจำหน่ายอัศวินภาพยนตร์
วันฉาย23 ธันวาคม พ.ศ. 2504
ฉายที่ศาลาเฉลิมไทย
ความยาว125 นาที
ประเทศไทย
ภาษาไทย
ข้อมูลจากฐานข้อมูลภาพยนตร์ไทย

เรือนแพ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายเมื่อปี พ.ศ. 2504 ร่วมทุนสร้างระหว่าง บริษัทอัศวินภาพยนตร์ กับ บริษัทชอว์บราเดอร์สแห่งฮ่องกง ระบบถ่ายทำด้วย 35 มม.ซูเปอร์ซีเนสโคป สีอิสแมนต์ เสียงพากย์ในฟิล์ม กำกับโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล หรือพระนาม ภาณุพันธ์ และ เวตาล ร่วมกับ ครูเนรมิต นักแสดงนำประกอบด้วยนักแสดงไทย และนักแสดงฮ่องกง[1] เพลงประกอบภาพยนตร์ที่ยังมีชื่อเสียงอยู่จนถึงทุกวันนี้ คือเพลง เรือนแพ ประพันธ์คำร้องโดย ชาลี อินทรวิจิตร ทำนองโดย สง่า อารัมภีร ขับร้องโดย ชรินทร์ นันทนาคร ถือได้ว่าเป็นเพลงประจำตัวของชรินทร์ เลยทีเดียว

ฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2504 ที่ศาลาเฉลิมไทย ต้อนรับปีใหม่ปี พ.ศ. 2505 และได้นำกลับมาฉายอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2506[2] สร้างใหม่ครั้งที่สองเมื่อ พ.ศ. 2532 ผลิตโดย ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น กำกับโดย วิจิตร คุณาวุฒิ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งรายได้และรางวัล จากพิธีมอบรางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 5 ประจำปี พ.ศ. 2505 ประกาศผลอย่างเป็นทางการ ณ สวนอัมพร เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 คือรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้แสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม ผู้แสดงประกอบฝ่ายชายยอดเยี่ยม รางวัลออกแบบและสร้างฉากยอดเยี่ยม และรางวัลบันทึกเสียงยอดเยี่ยม[3]

ต่อมา เสด็จพระองค์ชายใหญ่ทรงประทานบทภาพยนตร์ให้นำมาเรียบเรียงดัดแปลงเป็นนวนิยายครั้งแรก ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม เมื่อปี พ.ศ. 2538 ในชื่อ "เรือนแพ" [4] ต่อมาทางค่ายเอ็กแซ็กท์ นำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในปี พ.ศ. 2538 และ พ.ศ. 2554 ถือว่าเป็นหนึ่งในบทประพันธ์อมตะของเมืองไทย

ในปี พ.ศ. 2551 หอภาพยนตร์แห่งชาติ มูลนิธิหนังไทย ได้รับฟิล์มฉบับบูรณะใหม่ เพื่อเก็บรักษาไว้จนถึงปัจจุบัน และเป็นหนึ่งใน 100 ภาพยนตร์ไทยที่คนไทยควรดู ในปี พ.ศ. 2548 อีกด้วย[5] และในปีพ.ศ. 2555 ได้รับคัดเลือกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ ประจำปี 2555 เนื่องในวันอนุรักษ์ภาพยนตร์ไทย (4 ต.ค.) ของหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)[6]

เรื่องย่อ[แก้]

เจน (ส. อาสนจินดา) แก้ว (ไชยา สุริยัน) และริน (จินฟง) เป็นสามคนเพื่อนรักซึ่งหลงรัก เพ็ญ (มาเรีย จาง) ผู้หญิงคนเดียวกัน ทั้งหมดอาศัยอยู่ด้วยกันที่เรือนแพริมน้ำ ซึ่งเช่ามาจากเตี่ยของเพ็ญ ซึ่งมั่นหมายจะให้เพ็ญแต่งงานกับเจน ต่อมาทั้งสามต่างต้องแยกย้ายจากกัน โดยเจน ซึ่งเรียนจบปริญญาด้วยคะแนนเกียรตินิยม ไปสมัครเป็นตำรวจ, ริน ไปเป็นนักร้อง ส่วนแก้ว ไปเป็นนักมวย

ในคืนฝนตกหนัก เพ็ญตกเป็นเมียของแก้ว ทั้งคู่สัญญาจะเป็นผัวเมียกันตลอดไป แก้วตกลงใจจะล้มมวยในการชกที่ลพบุรีเพื่อหาเงินมาแต่งงานกับเพ็ญ แต่เมื่อถึงเวลาชกจริงเขากลับชกอย่างสุดฝีมือเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง ฝ่ายที่เสียพนันกลับจะมาเอาเรื่องกับแก้ว และถูกแก้วพลั้งมือฆ่าตาย แก้วกลายเป็นฆาตกรมีรางวัลนำจับ หลบหนีและไปเข้าร่วมกับแก๊งโจรจนได้เป็นหัวหน้าแก๊งแทนเสือหาญ

ทางการมีคำสั่งให้จับตายหัวหน้าแก๊งโจร เจน นายตำรวจใหม่ซึ่งได้รับคำสั่งให้ตามจับแก้ว ได้รับขอร้องจากเพ็ญให้ไว้ชีวิตแก้ว เจนพยายามเกลี้ยกล่อมให้แก้วยอมมอบตัวแต่ไม่สำเร็จ

ด้วยฝืมือการปราบปรามของนายเจน ทำให้แก๊งโจรของแก้วต้องหนีไปที่หาดใหญ่ เช่นเดียวกับรินซึ่งเป็นนักร้องประจำบาร์สตาร์ที่หาดใหญ่ เพื่อเก็บเงินเดินทางกลับกรุงเทพฯ แก้วตั้งชุมโจรกับเสือหาญที่หาดใหญ่ เขาคิดจะวางมือจากการเป็นโจร แต่เสือหาญไม่ยอมให้แก้ววางมือ เจนได้ติดตามแก๊งโจรจนถึงหาดใหญ่ ทำให้รู้ที่กบดานของแก้วและสมุน จึงเข้าจับกุม แก้วและสมุนหนีรอดไปได้ สร้างความแค้นเป็นอย่างยิ่ง โดยโจรระบุว่าสายลับของตำรวจคือนักร้องที่อยู่บาร์สตาร์ แก้วจึงสั่งฆ่าโดยหารู้ไม่ว่านักร้องคนนั้นคือ ริน

ขณะที่แก้วยืนอยู่ที่หน้าบาร์ แก้วได้ยินเสียงร้องของรินที่กำลังร้องเพลงเรือนแพอยู่ แก้วพยายามห้ามเสือหาญ ขณะที่รินร้องเพลงเรือนแพจนจบ เสือหาญก็ยิงรินเสียชีวิต เจนเข้ามาในขณะที่แก้วยืนถือปืนอยู่ จึงเข้าใจผิดคิดว่าแก้วเป็นคนฆ่าริน เจนจึงติดตามจับกุมจนแก้วและสมุนต้องเข้ามากรุงเทพอีกครั้ง เจนขอร้องให้เพ็ญนัดแก้วมาพบที่เรือนแพ เพ็ญจึงตัดสินใจนัดแก้วมาพบที่เรือนแพ ในตอนกลางคืน แก้วมาตามนัด เจนจึงปรากฏตัวพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เพ็ญขอร้องให้แก้วยอมมอบตัว แก้วจึงตัดสินใจยอมมอบตัว

แต่เสือหาญบุกเข้ายิงเจน แล้วยิงแก้วไปอีกคน สมุนโจรถูกสังหารและถูกจับทั้งหมด เสือหาญจึงจะฆ่าเจน แต่แก้วก็ตัดเชือกปล่อยเรือทิ่มตรงเสือหาญ เสือหาญจึงกระหน่ำยิงแก้วก่อนตาย ก่อนที่แก้วตายแก้วมอบแหวนให้กับเพ็ญ แล้วบอกว่าไม่ได้ฆ่าริน แล้วเรือนแพจึงล่มพังไป [7] [8]

นักแสดงหลัก[แก้]

ปี พ.ศ. 2504 พ.ศ. 2532 พ.ศ. 2538 พ.ศ. 2554
รูปแบบการนำเสนอ ภาพยนตร์ 35มม. ภาพยนตร์ 35 มม. ละคร ช่อง 5
ผู้สร้าง อัศวินภาพยนตร์
ชอว์บราเดอร์สแห่งฮ่องกง
ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น เอ็กแซ็กท์
ทีมผู้ผลิต
บทแสดง เวตาล
ผู้กำกับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
เนรมิต
วิจิตร คุณาวุฒิ สุพล วิเชียรฉาย สันต์ ศรีแก้วหล่อ
เจน ส. อาสนจินดา รอน บรรจงสร้าง ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ยุกต์ ส่งไพศาล
แก้ว ไชยา สุริยัน สันติสุข พรหมศิริ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ภาคิน คำวิลัยศักดิ์
ริน จินฟง วิระ บำรุงศรี จอนนี่ แอนโฟเน่ นภัทร อินทร์ใจเอื้อ
เพ็ญ มาเรีย จาง สมรัชนี เกสร นุสบา วาณิชอังกูร บุษกร ตันติภนา
นกเอี้ยง - - - แอริณ ยุกตะทัต

เพลงประกอบ[แก้]

บรรเลงโดย จุลดุริยางค์ กองทัพเรือ และวงดนตรี 'อัศวิน' เพลงเด่นในเรื่อง ได้แก่

เวอร์ชันละครโทรทัศน์[แก้]

รางวัล (ภาพยนตร์ พ.ศ. 2504)[แก้]

ได้รับรางวัลในพิธีมอบรางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 5 ประจำปี พ.ศ. 2505 ซึ่งประกาศผลอย่างเป็นทางการ ณ สวนอัมพร เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 รวม 5 สาขา ได้แก่

เกร็ดเบื้องหลัง[แก้]

  • ภาพยนตร์ระบบซีเนมาสโคป เรื่องแรกของ อัศวินภาพยนตร์ โปสเตอร์รุ่นแรก โดยฝีมือของ เปี๊ยก โปสเตอร์ ส่งพิมพ์ระบบอ๊อฟเซ็ทที่ฮ่องกง เนื่องจากเป็นระบบใหม่ล่าสุดที่ยังไม่มีในเมืองไทยสมัยนั้น
  • ภาพยนตร์เรื่องแรกของ พูนสวัสดิ์ ธีมากร ในฐานะช่างกล้อง หลังจากฝึกงานที่โรงถ่ายโตโฮ ประเทศญี่ปุ่น
  • ส.อาสนจินดา สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย สาหัส บุญ-หลง ทัต เอกทัต และ จำรูญ หนวดจิ๋ม พากย์เสียงตนเองลงฟิล์ม
  • ยุพน ธรรมศรี และ จุรี โอศิริ พากย์เสียง ไชยา สุริยัน และ มาเรีย จาง ตามลำดับ
  • พูนสวัสดิ์ ธีมากร พากย์เสียง จินฟง
  • สวลี ผกาพันธ์ และ ชรินทร์ นันทนาคร ร้องเพลงแทน มาเรีย จาง และ จินฟง ตามลำดับ
  • เพลงประกอบในเรื่องเคยใช้ในภาพยนตร์ของบริษัทไทยฟิล์ม ได้แก่ บัวขาว จากเรื่อง แม่สื่อสาว (2481) วันเพ็ญ จากเรื่อง วันเพ็ญ (2482) และ เงาไม้ จากเรื่อง ลูกทุ่ง (2483)
  • ฉากซ้อมการแสดงในห้องส่งทีวี แก้ว อัจฉริยะกุล เป็นดารารับเชิญบทผู้กำกับการแสดง, สง่า อารัมภีร เป็น คามีโอ (cameo) บทนักเปียโน
  • เจือ จักษุรักษ์ เป็นดารารับเชิญบทกรรมการมวย บนเวทีราชดำเนิน
  • มาเรีย จาง เป็นชื่อใหม่ของดารานำหญิงที่ใช้เฉพาะภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อความไพเราะในการออกเสียงภาษาไทย ส่วนชื่อในไตเติ้ลภาพยนตร์ของ ชอว์บราเดอร์ส บริษัทต้นสังกัดของเธอคือ หยี-กวาง
  • ในการฉายรอบแรกซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า รอบปฐมทัศน์เพื่อการกุศล คือวันที่ 22 ธันวาคม 2504 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรภาพยนตร์ ณ โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ด้วย [9]
  • รางวัลตุ๊กตาทองตัวแรกของ ไชยา สุริยัน ในฐานะดารานำชายยอดเยี่ยม และ ส.อาสนจินดา ในฐานะดาราประกอบชายยอดเยี่ยม
  • ดนตรีประกอบมาจากงานคลาสสิคที่มีชื่อเสียง "แกรนด์แคนยอนซูอิด" (Grand Canyon Suite) ท่อนสุดท้าย "เมฆก่อตัว" (Cloudburst) ในฉากพายุและเหตุการณ์ต่าง ๆ, "คัมแบ็คทูซอร์เร็นโต้" (Come back to Sorrento) ตอนอาจารย์กิตติ (อบ บุญติด) เล่นเปียโน และ "วอลทซ์บลูดานูบ" (Blue Danube Waltz) ในฉากรินสอนดนตรี (ต่อมาใช้ในฉากนางเอกเต้นรำกับเจ้าพระยา เรื่อง เป็ดน้อย ด้วย)

การบูรณะฟิล์มภาพยนตร์[แก้]

มูลนิธิหนังไทย ร่วมกับ เทคนิคคัลเลอร์ (ประเทศไทย) และหอภาพยนตร์แห่งชาติ ได้บูรณะฟิล์มพร้อมกับเรื่อง พระเจ้าช้างเผือก ปี 2484 ด้วยเทคโนโลยีดิจิตัล โดยการสนับสนุนของ บริษัท เทคนิคคัลเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2548 ใช้เวลาดำเนินงานกว่า 3 ปี งบประมาณ 10 ล้านบาท [10]

เมื่อการบูรณะสำเร็จและส่งมอบคืนแก่หอภาพยนตร์แห่งชาติแล้ว ได้จัดฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551 เมื่อเวลา 17.30 น. ถึง 20.00 น. ที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีเนเพล็กซ์ รัชโยธิน[11]

ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่หอภาพยนตร์ มูลนิธิหนังไทย ส่วนฟิล์มก๊อบปี้เก่าที่เคยนำออกฉายทั่วไปสมัยก่อนซึ่งบางส่วนขาดหายไป ทริปเปิ้ลเอ๊กซ์ฟิล์มได้วางจำหน่ายในรูปแบบวีซีดีและดีวีดี เมื่อ พ.ศ. 2549

การนำกลับมาสร้างใหม่[แก้]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. http://www.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=35325[ลิงก์เสีย]
  2. เรือนแพ (กลับมาฉายใหม่) (2506)
  3. "รางวัลพระสุรัสวดี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-24. สืบค้นเมื่อ 2011-04-18.
  4. http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2193637
  5. "100 ภาพยนตร์ไทยที่คนไทยควรดู ฉายตลอดปี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-06. สืบค้นเมื่อ 2011-11-19.
  6. หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 4 ต.ค. 2555
  7. http://www.scenario.co.th/forum/viewtopic.php?f=146&t=15576[ลิงก์เสีย]
  8. "หนังสือนวนิยาย"เรือนแพ" (พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-01. สืบค้นเมื่อ 2012-01-15.
  9. 50 ปี เรือนแพ โดย มนัส กิ่งจันทร์
  10. บรรยากาศภายในงาน พิธีมอบฟิล์มภาพยนตร์เรื่อง เรือนแพ
  11. "ฟิล์มบูรณะใหม่ "เรือนแพ" ฉบับปี ๒๕๐๕ พร้อมฉายให้แฟนหนังไทยชื่นชม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-02-06. สืบค้นเมื่อ 2011-05-28.
  12. http://www.thaifilmdb.com/th/tt00793
  13. http://www.scenario.co.th/forum/viewtopic.php?f=10&t=11627[ลิงก์เสีย]
  14. http://www.exact.co.th/news/news663.html[ลิงก์เสีย]
  15. เรือนแพ (ช่อง 5)

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]