เรือควีนเอลิซาเบธ 2
![]() ควีนเอลิซาเบธ 2 ในฐานะโรงแรมลอยน้ำในดูไบ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2020
| |
ประวัติ | |
---|---|
ชื่อ | ควีนเอลิซาเบธ 2 |
เจ้าของ |
|
ผู้ให้บริการ |
|
ท่าเรือจดทะเบียน |
|
เส้นทางเดินเรือ | แอตแลนติกเหนือและเรือสำราญระหว่างให้บริการกับคูนาร์ด |
Ordered | 1964 |
อู่เรือ | จอห์นบราวน์แอนด์คอมปานี (อู่ต่อเรืออัปเปอร์ไคลด์), ไคลด์แบงก์, สกอตแลนด์ |
มูลค่าสร้าง | 29,091,000 ปอนด์สเตอร์ลิง |
Yard number | 736 |
ปล่อยเรือ | 5 กรกฎาคม 1965 |
เดินเรือแรก | 20 กันยายน 1967 โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 |
สร้างเสร็จ | 26 พฤศจิกายน 1968 (ผ่านการทดสอบทางทะเลแล้ว) |
Maiden voyage | 2 พฤษภาคม 1969 |
บริการ | 1969–2008 |
หยุดให้บริการ | 27 พฤศจิกายน 2008 |
รหัสระบุ |
|
สถานะ | โรงแรมลอยน้ำและพิพิธภัณฑ์ที่ท่าเรือเราะชีด ดูไบ |
ลักษณะเฉพาะ | |
ขนาด (ตัน): |
|
ขนาด (ระวางขับน้ำ): | 49,738[3] |
ความยาว: | 963 ฟุต (293.5 เมตร) |
ความกว้าง: | 105 ฟุต (32.0 เมตร) |
ความสูง: | 171 ฟุต (52.1 เมตร) |
กินน้ำลึก: | 32 ฟุต (9.8 เมตร) |
ดาดฟ้า: | 10 |
ระบบพลังงาน: |
|
ระบบขับเคลื่อน: |
|
ความเร็ว: |
|
ความจุ: |
|
ลูกเรือ: | 1,040 |
ควีนเอลิซาเบธ 2 (อังกฤษ: Queen Elizabeth 2 หรือ QE2) เป็นเรือโดยสารสัญชาติบริติชปลดระวางและถูกดัดแปลงเป็นโรงแรมลอยน้ำ เดิมสร้างขึ้นให้กับบริษัทคูนาร์ดไลน์ และให้บริการโดยคูนาร์ดทั้งในฐานะเรือโดยสารข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกและเรือสำราญตั้งแต่ ค.ศ. 1969 ถึง 2008 จากนั้นได้ถูกจอดเก็บไว้กระทั่งมีการดัดแปลง และนับตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 2018 ก็ได้ทำหน้าที่เป็นโรงแรมลอยน้ำในดูไบ[4]
ควีนเอลิซาเบธ 2 ถูกออกแบบมาเพื่อให้บริการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากท่าเรือต้นทางที่เซาแทมป์ตัน ประเทศอังกฤษ ไปยังนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา[5] ทำหน้าที่เป็นเรือธงของบริษัทตั้งแต่ ค.ศ. 1969 ถึง 2004 ก่อนที่อาร์เอ็มเอส ควีนแมรี 2 จะมาทำหน้าที่แทน เรือลำนี้ได้รับการออกแบบโดยสำนักงานของคูนาร์ดในลิเวอร์พูลและเซาแทมป์ตัน และถูกสร้างขึ้นในไคลด์แบงก์ ประเทศสกอตแลนด์ เรือลำนี้เคยถูกมองว่าเป็นเรือเดินสมุทรลำสุดท้ายกระทั่งคูนาร์ดไลน์ได้ประกาศ "โครงการเจเนซิส" (Project Genesis) ใน ค.ศ. 1995 หลังมิกกี แอริสัน ประธานบริษัทคาร์นิวัล และคาร์นิวัล ยูเค (Carnival UK) เข้าซื้อกิจการของคูนาร์ด โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างชีวิตใหม่แก่ตำนานเรือเดินสมุทร และใน ค.ศ. 1998 คูนาร์ดก็ได้เปิดเผยชื่อเรือลำใหม่ นั่นคือ อาร์เอ็มเอส ควีนแมรี 2 (RMS Queen Mary 2)
ควีนเอลิซาเบธ 2 ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลสมัยใหม่ใน ค.ศ. 1986–87 เรือลำนี้ทำการเดินทางรอบโลกเป็นประจำเกือบ 40 ปี และต่อมาได้ให้บริการส่วนใหญ่ในฐานะเรือสำราญ โดยออกเดินทางจากเซาแทมป์ตัน ประเทศอังกฤษ ควีนเอลิซาเบธ 2 ไม่มีเรือคู่วิ่งและไม่เคยให้บริการเรือด่วนข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกรายสัปดาห์ตลอดทั้งปีไปยังนิวยอร์ก กระนั้น เรือลำนี้ก็ยังคงสืบทอดประเพณีของคูนาร์ดในการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกตามตารางเวลาตลอดอายุใช้งาน
ควีนอลิซาเบธ 2 เกษียณจากการให้บริการกับคูนาร์ดในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 และถูกซื้อโดยหน่วยงานทุนเอกชนของดูไบเวิลด์ ซึ่งมีแผนดัดแปลงเรือลำนี้ให้เป็นโรงแรมลอยน้ำขนาด 500 ห้องจอดเทียบท่าอยู่ที่ปาล์มอัลญุมัยเราะฮ์ ดูไบ[6][7] อย่างไรก็ตาม วิกฤตการณ์การเงิน ค.ศ. 2007 ทำให้เรือลำดังกล่าวต้องถูกจอดไว้ที่อู่แห้งดูไบ และต่อมาที่ท่าเรือเราะชีด[8] เมื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะโรงแรมลอยน้ำที่ท่าเรือเราะชีด ในช่วงเวลาดังกล่าว เรือได้เดินทาง 1,400 เที่ยวเป็นระยะทางกว่า 6 ล้านไมล์ทะเล ขณะเดียวกันก็ขนส่งผู้โดยสารรวมกว่า 2.5 ล้านคนในการเดินทางรอบโลก 25 เที่ยว[9] ต่อมามีการประกาศแผนการดัดแปลงเรือใน ค.ศ. 2012[10] และอีกครั้งโดยกลุ่มโอเชียนิกใน ค.ศ. 2013 แต่ทั้งสองแผนก็ล้มเลิกไป[11] ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2015 นิตยสาร Cruise Arabia & Africa ได้อ้างคำพูดของสุลต่าน อาฮ์เมท บิน สุลาเยม ประธานบริษัทดีพีเวิลด์ (DP World) ที่กล่าวว่าควีนเอลิซาเบธ 2 จะไม่ถูกนำไปแยกชิ้นส่วน[12] และในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2017 บริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในดูไบได้ประกาศว่าได้รับการว่าจ้างให้ปรับปรุงเรือลำนี้[13] ควีนเอลิซาเบธ 2 ที่ผ่านการบูรณะเปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรกในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 2018[14] แต่เป็นการเปิดบางส่วน
การพัฒนา
[แก้]
ใน ค.ศ. 1957 การเดินทางทางทะเลข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเริ่มถูกแทนที่ด้วยการเดินทางโดยเครื่องบินเพราะความรวดเร็วและต้นทุนสัมพันธ์ที่ต่ำ โดยจำนวนผู้โดยสารแบ่งออกเป็น 50:50[15] ด้วยเครื่องบินไอพ่นที่สามารถบินข้ามมหาสมุทรได้อย่างต่อเนื่องเข้ามาแทนที่เครื่องบินใบพัด และการเปิดตัวเครื่องบินโบอิง 707 และดักลาส ดีซี-8 ใน ค.ศ. 1958 ทำให้กระแสนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว[16] เวลาเดียวกัน ควีนแมรีและควีนเอลิซาเบธที่เก่าแก่ก็มีค่าดำเนินงานสูงขึ้นเรื่อย ๆ และทั้งภายในกับภายนอกก็ล้วนเป็นสิ่งที่เหลืออยู่จากสมัยก่อนสงคราม
แม้รายได้จากผู้โดยสารจะลดลง แต่คูนาร์ดก็ไม่ต้องการทิ้งบทบาทดั้งเดิมของตนในฐานะผู้ให้บริการผู้โดยสารบนแอตแลนติกเหนือและบริษัทโรยัลเมลแคเรียร์ (Royal Mail Carrier) จึงตัดสินใจที่จะแทนที่เรือควีนที่ล้าสมัยด้วยเรือโดยสารรุ่นใหม่[17]
เมื่อครั้งยังเป็นโครงการ Q3 เรือลำนี้ถูกคาดหมายว่าจะมีขนาด 75,000 ตันกรอส บรรทุกผู้โดยสารได้ 2,270 คน และค่าใช้จ่ายราว 30 ล้านปอนด์[16][18]
งานได้ดำเนินไปถึงขั้นการเตรียมข้อเสนอจากอู่ต่อเรือหกแห่งและการยื่นขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลสำหรับการสร้างเมื่อความกังวลในหมู่ผู้บริหารและกรรมการบางคน ประกอบกับการต่อต้านของผู้ถือหุ้น นำไปสู่การประเมินผลประโยชน์ของโครงการอีกครั้ง และท้ายที่สุดก็ถูกยกเลิกในวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 1961[16][19]
คูนาร์ดตัดสินใจเดินหน้าแผนการจัดหาเรือลำใหม่ต่อไปแต่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานและการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เมื่อตระหนักถึงความเสื่อมถอยของการค้าข้ามแอตแลนติก จึงมีการวาดภาพว่าเรือ "ควีน" ลำใหม่นี้จะเป็นเรือเอนกประสงค์ 3 ชั้นโดยสาร ได้แก่ ชั้นหนึ่ง ชั้นโดยสาร และชั้นท่องเที่ยว เพื่อให้บริการเป็นเวลา 8 เดือนต่อปีบนเส้นทางข้ามแอตแลนติก จากนั้นจะใช้เป็นเรือสำราญในสภาพอากาศอบอุ่นและในช่วงฤดูหนาว[16][20]
เมื่อเทียบกับเรือรุ่นก่อนที่มีห้องเครื่องสองห้องและใบจักรสี่เพลา เรือ Q4 ที่ได้รับการออกแบบใหม่จะมีขนาดเล็กกว่ามาก โดยมีห้องหม้อไอน้ำหนึ่งห้อง ห้องเครื่องหนึ่งห้อง และใบจักรสองเพลา ซึ่งเมื่อรวมกับการนำระบบอัตโนมัติมาใช้จะทำให้จำนวนเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรมลดลง[21] เรือลำใหม่นี้ผลิตกำลังเครื่องยนต์ได้ 110,000 shp และมีความเร็วให้บริการเท่ากับเรือรุ่นก่อนที่ 28.5 นอต (52.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ขณะเดียวกันก็บริโภคเชื้อเพลิงเพียงครึ่งเดียว คาดว่าการลดลงเหลือ 520 ตันต่อวัน [22] จะช่วยให้คูนาร์ดประหยัดเงินได้ 1 ล้านปอนด์ต่อปี[21] เรือสามารถแล่นผ่านคลองปานามาและคลองสุเอซได้ โดยมีระยะกินน้ำลึก 7 ฟุต (2.1 เมตร) ที่ 32 ฟุต (9.8 เมตร) ช่วยให้เรือเข้าเทียบท่าเรือที่มีขนาดเล็กและจำนวนมากกว่าเรือรุ่นก่อน โดยเฉพาะในน่านน้ำเขตร้อน[17]
การออกแบบ
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การสร้าง
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประจำการ
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
โรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยว
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Rouquayrol, Gautier (9 May 2022). "Accor adds legendary Queen Elizabeth 2 to its portfolio in Dubai" (Press release). Paris: Accor – Newsroom.
- ↑ Frame, Chris (2024), QE2 Facts
- ↑ Maritime Information Exchange, search for Queen Elizabeth 2
- ↑ Frame, Chris (10 April 2018). "QE2 reopens as a Hotel in Dubai on 18 April after 9 ½ years of retirement". Tumblr. สืบค้นเมื่อ 15 September 2022.
- ↑ Frame, Chris (2 May 2019). "QE2 50th Anniversary". Tumblr. สืบค้นเมื่อ 15 September 2022.
- ↑ Fitch, Asa (19 January 2013). "QE II Ocean Liner Heads to Asia to Become Floating Hotel". Zawya.
- ↑ "QE2 To Leave Cunard Fleet And Be Sold To Dubai World To Begin A New Life at the Palm". Cunard.com. 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 July 2007. สืบค้นเมื่อ 20 June 2007.
- ↑ Morris, Hugh (13 January 2016). "'Forlorn' QE2 is not coming home from Dubai, campaigners concede". Telegraph Media Group. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 January 2022. สืบค้นเมื่อ 18 January 2016.
- ↑ "Queen Elizabeth 2 (QE2) turns 50 in Dubai, its longevity is testimony to resilience and reinvention". gulfnews.com (ภาษาอังกฤษ). 2019-05-01. สืบค้นเมื่อ 2024-09-26.
- ↑ "Cruise liner Queen Elizabeth 2 to be converted into hotel". HT Media Limited. 3 July 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 September 2015. สืบค้นเมื่อ 29 August 2015.
- ↑ "New home for Queen Elizabeth 2". CNN International. 18 January 2013. สืบค้นเมื่อ 18 January 2016.
- ↑ "There is a new plan for former Cunard liner QE2 – she will not be scrapped insists DP World Chairman" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 10 November 2015. สืบค้นเมื่อ 2018-02-06.
- ↑ "Queen Elizabeth 2 – Refurbishment Works" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). Shafa Al Nahda. สืบค้นเมื่อ 2018-02-06.
- ↑ "Queen Mary 2 Guests to be First to Board the QE2 Hotel in Dubai".
- ↑ Glen. Page 296.
- ↑ 16.0 16.1 16.2 16.3 Payne. Page 31.
- ↑ 17.0 17.1 "QE2 Facts". Chris' Cunard Page. 2010. สืบค้นเมื่อ 13 May 2010.
- ↑ "A new Cunard Liner". University of Glasgow. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 February 2018. สืบค้นเมื่อ 5 September 2022.
- ↑ Cross.
- ↑ "Queen Elizabeth 2: History". Members.tripod.com. สืบค้นเมื่อ 5 September 2022.
- ↑ 21.0 21.1 Payne. Page 32.
- ↑ Glen. Page 303.