ข้ามไปเนื้อหา

เรดบูล จีเอ็มบีเอช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เรดบูล จีเอ็มบีเอช
ประเภทเอกชน
อุตสาหกรรมบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลายประเภทรวมกัน
ก่อตั้ง1984; 41 ปีที่แล้ว (1984)
ผู้ก่อตั้ง
สำนักงานใหญ่ประเทศออสเตรีย
ผลิตภัณฑ์
ตราสินค้าเรดบูล
บริการ
รายได้เพิ่มขึ้น 10,554 ล้านยูโร (2023)[1]
รายได้จากการดำเนินงาน
เพิ่มขึ้น 1,300 ล้านยูโร (2018)
รายได้สุทธิ
เพิ่มขึ้น 650 ล้านยูโร (2018)
เจ้าของ
พนักงาน
15779 (2022)[1]
เว็บไซต์www.redbull.com

เรดบูล จีเอ็มบีเอช (อังกฤษ: Red Bull GmbH) เป็นบริษัทเอกชนข้ามชาติสัญชาติออสเตรียที่ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อเรดบูล[3] นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักในเรื่องกิจกรรมกีฬาและทีมกีฬาที่หลากหลายอีกด้วย สำนักงานใหญ่ของเรดบูลจีเอ็มบีเอชตั้งอยู่ที่ Fuschl am See, ซัลทซ์บวร์ค[4]

ประวัติ

[แก้]

ดีทริช มาเทสชิทซ์ นักธุรกิจชาวออสเตรีย และเฉลียว อยู่วิทยา นักธุรกิจชาวไทยก่อตั้งเรดบูล จีเอ็มบีเอชขึ้นในปี ค.ศ. 1984 ในขณะที่ทำงานให้กับ Blendax (ซึ่งต่อมาถูกซื้อกิจการโดยพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล) ในปี ค.ศ. 1982 ดีทริชเดินทางมาประเทศไทยและได้พบกับเฉลียวเจ้าของบริษัท TC Pharmaceuticals เขาพบว่ากระทิงแดง เครื่องดื่มชูกำลังที่บริษัทของเฉลียวคิดค้นขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1970 ช่วยบรรเทาอาการเจ็ตแล็กของเขาได้[5] หลังจากเห็นศักยภาพทางการตลาดของเครื่องดื่มนี้แล้ว เขาจึงร่วมมือกับเฉลียวเพื่อนำเครื่องดื่มชนิดนี้เข้าสู่ตลาดยุโรป ภายใต้ข้อตกลงของพวกเขา หุ้นส่วนทั้งสองได้ลงทุนคนละ 500,000 ดอลลาร์ในการก่อตั้งเรดบูล จีเอ็มบีเอช โดยทั้งสองจะได้ถือหุ้นร้อยละ 49 ในบริษัท ส่วนหุ้นร้อยละ 2 ที่เหลือจะตกเป็นของเฉลิม บุตรชายคนโตของเฉลียว พวกเขายังตกลงกันว่าดีทริชจะเป็นผู้บริหารบริษัทด้วย[6]

ระหว่างปี ค.ศ. 1984 ถึง ค.ศ. 1987 บริษัทเรดบูล จีเอ็มบีเอชได้ปรับปรุงสูตรเครื่องดื่มกระทิงแดงเพื่อให้เข้ากับรสนิยมของชาวยุโรปมากขึ้นด้วยการเติมคาร์บอนไดออกไซด์ลงในเครื่องดื่มและลดความหวานลง ในปี ค.ศ. 1987 บริษัทได้เปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังรุ่นปรับปรุงใหม่ในประเทศออสเตรียภายใต้ชื่อเรดบูล พบว่าประสบความสำเร็จอย่างมากจากการทำตลาดกับกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ตราสินค้าดังกล่าวขยายตัวไปทั่วยุโรปในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 และขยายสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1997 โดยครองส่วนแบ่งตลาดได้ 75% ภายในเวลาเพียงปีเดียว[6] ความมั่งคั่งของผู้ก่อตั้งเรดบูลเติบโตขึ้นพร้อมกับความสำเร็จของบริษัท และในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2012 ทั้งเฉลียวและดีทริชต่างก็มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณมากกว่า 5.3 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อคน[7][8] บริษัทได้ขยายการจำหน่ายไปกว่า 171 ประเทศ และจำหน่ายเรดบูลได้มากกว่า 11,500 ล้านกระป๋องในปี ค.ศ. 2022 ทำให้เป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่มีผู้บริโภคมากที่สุดในโลก[9]

ในปี ค.ศ. 2018 เรดบูลได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์โซดาออร์แกนิกภายใต้ชื่อ Organics by Red Bull ซึ่งไม่มีคาเฟอีน[10]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "Red Bull Energy Drink – Official Website". Red Bull (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-05-28.
  2. Chalerm Yoovidhya & family. Forbes. Retrieved 5 January 2020.
  3. "Red Bull GmbH, Fuschl am See, Salzburg". FirmenABC.at. สืบค้นเมื่อ 2020-07-08.
  4. "Red Bull Energy Drink – Official Website". www.redbull.com.
  5. "Selling energy". The Economist. 9 May 2002.
  6. 6.0 6.1 Kerry A. Dolan (28 March 2005). "The Soda With Buzz". Forbes. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 March 2005. สืบค้นเมื่อ 20 June 2015.
  7. "Dietrich Mateschitz, Forbes, March 2012". Forbes. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 March 2011.
  8. "Yoovidhya Family, Forbes, March 2012". Forbes. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 September 2012.
  9. "Red Bull Energy Drink – Official Website". www.redbull.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-01-10.
  10. Meyer, Zlati. "Red Bull launches its own line of organic sodas, most of it (gasp!) not caffeinated". USA TODAY.