เพลงสดุดีโอลิมปิก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เพลงประจำการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
อังกฤษ: Olympic Anthem
กรีก: Ολυμπιακός Ύμνος
ฝรั่งเศส: Hymne Olympique
สดุดีโอลิมปิก

เพลงชาติของ กีฬาโอลิมปิกและคณะกรรมการโอลิมปิกสากล
เนื้อร้องโคสติส ปาลามาส
ทำนองสปีรีโดน ซามาราส, 2439
รับไปใช้2501

เพลงสดุดีโอลิมปิก (อังกฤษ: Olympic Hymn, กรีก: Ολυμπιακός Ύμνος, Olympiakós Ýmnos) หรือรู้จักกันอย่างไม่เป็นทางการว่าเพลงประจำการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (อังกฤษ: Olympic Anthem) เป็นเพลงประสานเสียงคันตาตาซึ่งประพันธ์โดยนักประพันธ์เพลงโอเปราชาวกรีก สปีรีโดน ซามาราส (2404–2460) ประพันธ์คำร้องโดยนักกวีชาวกรีก โคสติส ปาลามาส โดยทั้งบทกวีและทำนองได้รับเลือกโดยดีมีตรีโอส วีเกลัส ชาวกรีกซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากลคนแรก

ประวัติ[แก้]

เพลงสดุดีโอลิมปิกได้รับบรรเลงและขับร้องเป็นครั้งแรกในพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน ค.ศ. 1896เอเธนส์ ประเทศกรีซ ต่อมา ประเทศเจ้าภาพทุกประเทศได้มอบหมายให้มีการประพันธ์เพลงสดุดีโอลิมปิกโดยเฉพาะขึ้นเป็นฉบับของการแข่งขันนั้น ๆ

สำหรับเพลงฉบับของซามาราสและปาลามาส ได้รับการรับรองเป็นเพลงประจำการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอย่างเป็นทางการโดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากลในปี 2501 ในการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกสากลครั้งที่ 54โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพลงสดุดีโอลิมปิกถูกขับร้องเป็นภาษาอังกฤษครั้งแรก ณ โอลิมปิกฤดูหนาว ค.ศ. 1960 ณ สควอว์วัลเลย์ นับแต่นั้นเป็นต้นมา เพลงนี้จึงใช้เป็นเพลงหลักในการเชิญธงโอลิมปิกขึ้นสู่ยอดเสาในพิธีเปิด และระหว่างการเชิญธงดังกล่าวลงจากยอดเสาในพิธีปิด[1] รวมถึงยังใช้บรรเลงก่อนเริ่มการประชุมสมัยสามัญ (ไอโอซีเซสชัน) และสมัยวิสามัญ (โอลิมปิกคองเกรส) ของไอโอซีอีกด้วย[ต้องการอ้างอิง]

เนื้อเพลง[แก้]

แปลตรงตัวเป็นภาษาอังกฤษ แปลตรงตัวเป็นภาษาไทย

Ancient Spirit immortal, pure father
of the beautiful, the great and the true,
Get down, show up and sparkle over here
to the glory of your own earth and heaven.

At running and at wrestling and at throwing,
shine in the momentum of noble contests,
and crown with the unfading branch
and make the body worthy and ironlike. (x2)

Plains, mountains and seas shine with you
like a great white-purple temple.
And your pilgrim is running to the temple here, (x2)
Ancient Spirit immortal, every people. (x2)

จิตวิญญาณโบราณอันอมตะ บิดาผู้บริสุทธิ์
แห่งความงดงาม ความยิ่งใหญ่ และความสัจจริง,
โปรดลงมา ปรากฏกาย และก่อเป็นประกาย ณ ที่นี้
เพื่อความรุ่งโรจน์แห่งสรวงสวรรค์แลแผ่นดินของท่านเอง

ในการวิ่งแลการต่อสู้แลการขว้างจักร,
การเคลื่อนไหวโชติช่วงเป็นประกายแห่งการแข่งขันอันสูงศักดิ์,
แลมงกุฎจากกิ่งไม้อันมิร่วงโรย
แลทำให้กายาเป็นที่เคารพและแข็งแกร่งดังเหล็กกล้า (x2)

ที่ราบ ภูเขา แลทะเลเปล่งประกายโชติช่วงไปกับเจ้า
ดุจวิหารม่วงอมขาวอันยิ่งใหญ่
แลผู้เดินทางของเจ้ากำลังวิ่งมายังวิหารที่นี้เอง, (x2)
จิตวิญญาณโบราณอันอมตะ, ปวงประชา (x2)

ต้นฉบับภาษากรีก ถอดเป็นสัทอักษรสากล ถอดเป็นอักษรละติน ถอดเป็นอักษรไทย

Αρχαίο Πνεύμα αθάνατο, αγνέ πατέρα
του ωραίου, του μεγάλου και του αληθινού,
Κατέβα, φανερώσου κι άστραψε εδώ πέρα
στη δόξα της δικής σου γης και τ' ουρανού.

Στο δρόμο και στο πάλεμα και στο λιθάρι
Στων ευγενών αγώνων λάμψε την ορμή
Και με το αμάραντο στεφάνωσε κλωνάρι
και σιδερένιο πλάσε και άξιο το κορμί. (δις)

Κάμποι, βουνά και θάλασσες φέγγουνε μαζί σου
σαν ένας λευκοπόρφυρος μέγας ναός.
Και τρέχει στο ναό εδώ προσκυνητής σου (δις)
Αρχαίο Πνεύμα αθάνατο, κάθε λαός. (δις)

[arˈçeo ˈpnevm(a) aˈθanato aɣˈne paˈtera]
[t(u) oˈre.u tu meˈɣalu ce t(u) aliθiˈnu]
[kaˈteva faneˈrosu c‿ˈastraps(e) eˈðo ˈpera]
[sti ˈðoksa tis ðiˈcis su ʝis ce t‿uraˈnu]

[sto ˈðromo ce sto ˈpalema ce sto liˈθari]
[ston evʝeˈnon aˈɣonon ˈlabse tin orˈmi]
[ce me t(o) aˈmarando steˈfanose kloˈnari]
[ce siðeˈrenio ˈplase c(e) ˈaksio to korˈmi] (2x)

[ˈka(m)bi vuˈna ce ˈθalases ˈfegun(e) maˈzi su]
[san ˈenas lefkoˈporfiros ˈmeɣas naˈos]
[ce ˈtreçi sto naˈo eˈðo prosciniˈtis su] (2x)
[arˈçeo ˈpnevm(a) aˈθanato ˈkaθe laˈos] (2x)

Arkhéo Pnévma athánato, aghné patéra
tou oréou, tou meghálou ke tou alithinoú
Katéva, fanerósou ki ástrapse edhó péra
sti dhóksa tis dhikís sou ghis ke t'ouranoú.

Sto dhrómo ke sto pálema ke sto lithári
Ston evghenón aghónon lámpse tin ormí.
Ke me to amáranto stefánose klonári
ke sidherénio pláse ke áksio to kormí. (2x)

Kámpi, vouná ke thálasses féngoune mazí sou
san énas lefkopórfyros méghas naós
Ke trékhi sto naó edhó proskynitís sou (2x)
Arkhéo Pnévma athánato, káthe laós. (2x)

อาร์เคโอ ปเนฟมา อะทานาโต, อัคเน ปาเตรา
ตู โอเรอู, ตู เมกาโล เค ตู อะลิทินู,
คาเตวา, ฟาเนโรซู คี อัสตรัปเซ เอโด เปรา
สตี โดกซา ติส ดิกีส ซู ยิส เค ตูราโน

สโต โดรโม เค สโต ปาเลมา เค สโต ลิทารี
สโตน เอฟเยโนน อะกอโนน ลามป์เซ ติน โอร์มี
เค เม โต อามารานโด สเตฟาโนเซ โคลนารี
เค ซีเดเรนีโอ ปลาเซ เค อากซิโอ โด โคร์มี (2x)

คามบี, วูนา เค ทาลาสเซส เฟนกูเน มาซี ซู
ซาน เอนาส เอฟโกโปร์ฟีโรส เมกาส นาโอส
เค เตรคี สโต นาโอ เอโด โปรสกีนีติส ซู (2x)
อาร์เคโอ ปเนฟมา อะทานาโต, คาเท ลาโอส (2x)

เวอร์ชันภาษาอังกฤษ[แก้]

เพลงเวอร์ชันภาษาอังกฤษประพันธ์โดย W. Earl Brown และ Shirley Russ โดยถูกใช้เป็นเนื้อร้องในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกบางรายการนับแต่ปี 2527 เป็นต้นมา (โอลิมปิกฤดูหนาวปี ค.ศ. 1960 และ 1980 ใช้คำร้องแตกต่างจากฉบับนี้)

ฉบับภาษาอังกฤษ แปลเป็นภาษาไทย

Olympian flame immortal
Whose beacon lights our way
Emblaze our hearts with the fires of hope
On this momentous day

As now we come across the world
To share these Games of old
Let all the flags of every land
In brotherhood unfold

Sing out each nation, voices strong
Rise up in harmony
All hail our brave Olympians
With strains of victory

Olympic light burn on and on
O’er seas and mountains and plains
Unite, inspire, bring honour
To these ascending games
May valour reign victorious
Along the path of golden way

As tomorrow’s new champions now come forth
Rising to the fervent spirit of the game
Let splendour pervade each noble deed
Crowned with glory and fame

And let fraternity and fellowship
Surround the soul of every nation

Oh flame, eternal in your firmament so bright
Illuminate us with your everlasting light
That grace and beauty and magnificence

Shine like the sun
Blazing above
Bestow on us your honour, truth and love[2]

เพลิงโอลิมปิกอันอมตะ
ของใครผู้ส่องนำทางเราไป
ช่วยจุดดวงใจของเราขึ้นด้วยไฟแห่งความหวัง
ในวันอันสำคัญยิ่งนี้

บัดนี้เรามารวมกันจากทั่วทั้งโลก
เพื่อร่วมกันในการแข่งขันเก่าแก่นี้
ให้ธงทุกผืนของทุกแผ่นดิน
ได้โบกไสวฉันพี่น้องกัน

ต่างร้องเพลงกันออกมา ด้วยเสียงทรงพลัง
ลุกขึ้นมาประสานเสียง
ผู้คนต่างอวยชัยแด่นักกีฬาโอลิมปิกผู้กล้าหาญของเรา
ด้วยสายใยแห่งชัยชนะ

เพลิงโอลิมปิกจะลุกโชติช่วงต่อไป
เหนือท้องทะเลและภูเขาและผืนแผ่นดิน
สามัคคี ดลใจ นำมาซึ่งเกียรติยศ
แด่การแข่งขันนับจากนี้ไป
ขอให้ความกล้าหาญได้ครองชัยชนะ
ไปตามถนนสายทองคำ

เมื่อผู้ชนะคนใหม่ของพรุ่งนี้ออกไปแล้ว
ไปสู่จิตวิญญาณอันแรงกล้าแห่งการแข่งขัน
ขอให้ความงามสง่าจงแผ่ไปทั่วทุกการกระทำอันสูงส่ง
ประดับด้วยชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์

และให้ภราดรภาพและสัมพันธภาพ
โอบล้อมจิตวิญญาณของทุกชาติชนไว้

โอ้เพลิง ลุกโชตินิรันดร์กลางนภาอากาศ
ช่วยส่องนำเรา ด้วยแสงอันเป็นนิรันดร์
ด้วยความดีงามความงดงามและความสง่านั่น

ส่องประกายคล้ายดวงตะวัน
สว่างไสวอยู่เบื้องบน
โปรดมอบเกียรติยศ ความสัจจริง และรักแก่เราเถิด

เพลงในเวอร์ชันอังกฤษ ปกติแล้วจะใช้กันในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก นอกจากนี้ยังมีคำร้องเป็นภาษาอื่นนอกเหนือจากภาษากรีกและภาษาอังกฤษด้วย โดยมักถูกแปลไปเป็นภาษาที่จะใช้ในการร้อง แต่บางการแข่งขันก็แตกต่างออกไป เช่น ในปักกิ่งเกมส์ 2008 มีการใช้เนื้อร้องภาษากรีกแทนภาษาจีน และรีโอเดจาเนโรเกมส์ 2016 มีการร้องเป็นภาษาอังกฤษแทนภาษาโปรตุเกส โตเกียวเกมส์ 2020 ใช้เนื้อเพลงฉบับภาษาอังกฤษแทนภาษาญี่ปุ่น การแข่งขันเดียวที่ใช้เนื้อร้องเวอร์ชันภาษาอังกฤษในการแปลไปเป็นภาษาอื่น คือ ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2010แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา โดยโดโนแวน เซเดล ผู้ช่วยวาทยากรในระหว่างการแข่งขันได้เรียบเรียงเพลงสดุดีโอลิมปิกขึ้นใหม่ มีการแปลบางบทหนึ่งของกวีไปเป็นภาษาฝรั่งเศสเพื่อแสดงถึงการรับรองการมีภาษาราชการสองภาษาในประเทศแคนาดาอย่างเป็นทางการ[3][4][5]

รายการแสดงในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก[แก้]

เพลงสดุดีโอลิมปิกได้รับการบันทึกและบรรเลงเป็นภาษาต่าง ๆ มากมาย โดยมักเป็นผลมาจากการได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันของประเทศต่าง ๆ ซึ่งคณะกรรมการโอลิมปิกสากลมิได้บังคับให้มีการบรรเลงเพลงนี้เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษากรีกเท่านั้น แต่ในพิธีเปิดและปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 และโอลิมปิกฤดูหนาว 2022ปักกิ่ง ประเทศจีน ได้มีการขับร้องเพลงนี้เป็นภาษากรีกแทนที่ภาษาจีนกลางซึ่งเป็นภาษาราชการของประเทศจีน นอกจากนี้ยังมีในพิธีเปิดและพิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2016รีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ที่มีการใช้ภาษาอังกฤษในการขับร้องแทนภาษาโปรตุเกสซึ่งเป็นภาษาราชการของเจ้าภาพเช่นกัน[4]

โอลิมปิก เมืองเจ้าภาพ ภาษาที่ใช้ขับร้อง หมายเหตุ
ฤดูร้อน 1896 เอเธนส์
 กรีซ
กรีก เพลงสดุดีโอลิมปิกบรรเลงครั้งแรกในพิธีเปิดการแข่งขัน
ฤดูหนาว 1960 สควอว์วัลเลย์
 สหรัฐ
อังกฤษ เป็นครั้งแรกที่มีการบรรเลงเพลงสดุดีโอลิมปิกนับตั้งแต่การแข่งขันที่เอเธนส์ในปี 1896
ฤดูร้อน 1960 โรม
ธงของประเทศอิตาลี อิตาลี
อิตาลี
ฤดูหนาว 1964 อินส์บรุค
ธงของประเทศออสเตรีย ออสเตรีย
เยอรมัน[ต้องการอ้างอิง]
ฤดูร้อน 1964 โตเกียว
ธงของประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่น
เพลงบรรเลง (พิธีเปิด)
ญี่ปุ่น (พิธีปิด)
เพลงสดุดีโอลิมปิกได้รับการขับร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นในพิธีปิด[6]
ฤดูหนาว 1968 เกรอนอบล์
ธงของประเทศฝรั่งเศส ฝรั่งเศส
ฝรั่งเศส[ต้องการอ้างอิง]
ฤดูร้อน 1968 เม็กซิโกซิตี
ธงของประเทศเม็กซิโก เม็กซิโก
สเปน
ฤดูหนาว 1972 ซัปโปโระ
ธงของประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น
ฤดูร้อน 1972 มิวนิก
ธงของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เยอรมนีตะวันตก
เพลงบรรเลง ใช้เพลงบรรเลงประสานเสียงในพิธีเปิดและพิธีปิด[7][8]
ฤดูหนาว 1976 อินส์บรุค
ธงของประเทศออสเตรีย ออสเตรีย
กรีก (พิธีเปิด)
เพลงบรรเลง (พิธีปิด)
ในพิธีเปิด มีการขับร้องเป็นภาษากรีก[9] In the closing ceremony, an instrumental arrangement was performed.[10] In both cases, instead of the third verse, the first verse was performed once again.
ฤดูร้อน 1976 มอนทรีออล
ธงของประเทศแคนาดา แคนาดา
กรีก เพลงสดุดีโอลิมปิกขับร้องเป็นภาษากรีก[11]
ฤดูหนาว 1980 เลกพลาซิด
 สหรัฐ
อังกฤษ
ฤดูร้อน 1980 มอสโก
 สหภาพโซเวียต
รัสเซีย (พิธีเปิด)
กรีก (พิธีปิด)
ขับร้องเป็นภาษารัสเซียในพิธีเปิดและภาษากรีกในพิธีปิด[12]
ฤดูหนาว 1984 ซาราเยโว
ยูโกสลาเวีย
เซอร์เบีย-โครเอเชีย
ฤดูร้อน 1984 ลอสแอนเจลิส
 สหรัฐ
อังกฤษ
ฤดูหนาว 1988 แคลกะรี
ธงของประเทศแคนาดา แคนาดา
กรีก เพลงสดุดีโอลิมปิกขับร้องเป็นภาษากรีก[13][14]
ฤดูร้อน 1988 โซล
 เกาหลีใต้
เกาหลี เพลงขับร้องเป็นภาษาเกาหลีในพิธีเปิดและพิธีปิด[15]
ฤดูหนาว 1992 อัลเบร์วีล
ธงของประเทศฝรั่งเศส ฝรั่งเศส
เพลงบรรเลง เพลงสดุดีโอลิมปิกใช้ในเวอร์ชันเพลงบรรเลง[16]
ฤดูร้อน 1992 บาร์เซโลนา
ธงของประเทศสเปน สเปน
กาตาลา สเปน และฝรั่งเศส (พิธีเปิด)
สเปนและอังกฤษ (พิธีปิด)
ในพิธีเปิดการแข่งขัน อัลเฟรโด เกราส์ร้องเพลงนี้ในสองบทแรกเป็นภาษาคาตาลา ส่วนที่เหลือเป็นภาษาสเปนและภาษาฝรั่งเศส[17] ในพิธีปิดการแข่งขัน ปลาซีโด โดมิงโกร้องเพลงนี้ในภาษาสเปนและภาษาอังกฤษ[18]
ฤดูหนาว 1994 ลิลเลอฮาเมอร์
ธงของประเทศนอร์เวย์ นอร์เวย์
นอร์เวย์ ซิสเซล ชีร์เชเบอะร้องเพลงนี้ในทั้งพิธีเปิดและพิธีปิดพร้อมด้วยคณะเสียงประสานเยาวชน
ฤดูร้อน 1996 แอตแลนตา
 สหรัฐ
อังกฤษ ขับร้องโดยคณะเสียงประสานโอลิมปิกร้อยปีและคณะเสียงประสานแอตแลนตา จำนวน 300 คน ในพิธีเปิด ในพิธีปิดขับร้องโดยเจนนิเฟอร์ ลาร์มอร์และชมรมร้องประสานเสียงวิทยาลัยมอร์เฮาส์กับคณะออร์เคสตราเยาวชน
ฤดูหนาว 1998 นางาโนะ
ธงของประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น ขับร้องโดยคณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนเมืองนางาโนะเป็นภาษาญี่ปุ่น และบรรเลงโดยวงดนตรีนางาโนะเฟสติวัลออร์เคสตรา
ฤดูร้อน 2000 ซิดนีย์
ธงของประเทศออสเตรเลีย ออสเตรเลีย
กรีก (พิธีเปิด)
อังกฤษ (พิธีปิด)
เป็นการแข่งขันครั้งแรกจนกระทั่งโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่มีการบรรเพลงเพลงทั้งสองภาษาที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากลเลือกใช้[4] ในพิธีเปิดการแข่งขัน ขับร้องเป็นภาษากรีกโดยคณะขับร้องประสานเสียงมิลเลนเนียมแห่งเขตปกครองนิกายออร์ทอดอกซ์กรีกแห่งออสเตรเลียกับวงดนตรีออร์เคสตราซิมโฟนีซิดนีย์เพื่อการรับรู้ถึงการมีอยู่ของชาวออสเตรเลียเชื้อสายกรีก[19] ในพิธีปิดขับร้องเป็นภาษาอังกฤษโดยอีวอนน์ เคนนี นักร้องโซปราโนชาวออสเตรเลีย
ฤดูหนาว 2002 ซอลต์เลกซิตี
 สหรัฐ
อังกฤษ ขับร้องโดยคณะขับร้องประสานเสียงมอร์มอนทาเบอร์นาเคิลในพิธีเปิด และขับร้องโดยลอรา การ์ฟ-เลวิสในพิธีปิด
ฤดูร้อน 2004 เอเธนส์
ธงของประเทศกรีซ กรีซ
กรีก ขับร้องเป็นภาษากรีก และบรรเพลงโดยจอห์น ซาทัส[20]
ฤดูหนาว 2006 ตูริน
ธงของประเทศอิตาลี อิตาลี
เพลงบรรเลง ในการแข่งขันนี้มีการบรรเลงเป็นเพลงรูปแบบย่อทั้งพิธีเปิดและพิธีปิด[21]
ฤดูร้อน 2008 ปักกิ่ง
ธงของประเทศจีน จีน
กรีก ขับร้องเป็นภาษากรีกทั้งพิธีเปิดและพิธีปิด[22]
ฤดูหนาว 2010 แวนคูเวอร์
ธงของประเทศแคนาดา แคนาดา
อังกฤษและฝรั่งเศส เป็นการแข่งขันเดียวที่แสดงเป็นภาษาราชการทั้งสองของการแข่งขันโอลิมปิก โดยสะท้อนถึงการมีภาษาราชการสองภาษาของประเทศแคนาดา[4] ในพิธีเปิดขับร้องโดยมีอาชา บรูกเกอร์กอสเมน และในพิธีปิดขับร้องโดยเบน เฮปเปอร์ ซึ่งขับร้องสองบทแรก บทที่สี่ และบทที่หกเป็นภาษาอังกฤษ และที่เหลือเป็นภาษาฝรั่งเศส[3]
เยาวชน 2010  สิงคโปร์ กรีก ขับร้องในภาษากรีก
เยาวชน 2012 อินส์บรุค
ธงของประเทศออสเตรีย ออสเตรีย
เพลงบรรเลง เพลงบรรเลงใช้ในทั้งพิธีเปิดและพิธีปิด
ฤดูร้อน 2012 ลอนดอน
ธงของสหราชอาณาจักร สหราชอาณาจักร
เพลงบรรเลง (พิธีเปิด)
อังกฤษ (พิธีปิด)
เพลงบรรเลงในพิธีเปิดโดยวงออร์เคสตราซิมโฟนีลอนดอนและวงดนตรีกรีเมทอร์ปคอลลีรี[23] ขับร้องเป็นภาษาอังกฤษในพิธีปิดโดยคณะนักร้องเสียงประสานชายเวลส์ลอนดอนและคณะนักร้องเสียงประสานของชมรมรักบีเวลส์ลอนดอนในเนื้อร้องฉบับย่อ[24]
ฤดูหนาว 2014 โซชี
รัสเซีย สหพันธรัฐรัสเซีย
รัสเซีย (พิธีเปิด)
เพลงบรรเลง (พิธีปิด)
ขับร้องเป็นภาษารัสเซียโดยใช้เนื้อเพลงแปลฉบับเดียวกันกับโอลิมปิกฤดูร้อน 1980 ที่มอสโก โดยแอนนา เนเทรบโกและคณะนักร้องเสียงประสานชายสเรเทนสกี โมนาสเทรีในพิธีเปิด และเพลงบรรเลงในพิธีปิดใช้เพลงเดียวกับที่บรรเลงในพิธีปิดโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ที่ลอนดอน
เยาวชน 2014 หนานจิง
ธงของประเทศจีน จีน
เพลงบรรเลง เพลงบรรเลงใช้เพลงเดียวกับที่บรรเลงในพิธีปิดโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ที่ลอนดอน
เยาวชน 2016 ลิลเลอฮาเมอร์
ธงของประเทศนอร์เวย์ นอร์เวย์
นอร์เวย์ ขับร้องประสานเสียงในภาษานอร์เวย์ทั้งพิธีเปิดและพิธีปิดโดยใช้เนื้อร้องเดียวกับโอลิมปิกฤดูหนาว 1994[25]
ฤดูร้อน 2016 รีโอเดจาเนโร
ธงของประเทศบราซิล บราซิล
อังกฤษ ขับร้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งพิธีเปิดและพิธีปิด โดยคณะนักร้องเสียงประสานเยาวชนมอร์โปรเจกต์จากเทศบาลนีเตรอยในเขตมหานครรีโอเดจาเนโร
ฤดูหนาว 2018 พย็องชัง
ธงของประเทศเกาหลีใต้ เกาหลีใต้
กรีก (พิธีเปิด)
อังกฤษ (พิธีปิด)
เป็นการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกนับตั้งแต่โอลิมปิกฤดูร้อน 2000 และเป็นโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งเดียวจนถึงขณะนี้ ที่มีการขับร้องเพลงทั้งสองภาษาที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากลเลือกใช้ โดยถูกร้องเป็นภาษากรีกโดยซูมิ ฮวังในพิธีเปิด และเป็นภาษาอังกฤษโดยโอย็อนจุนในพิธีปิด
เยาวชน 2018 บัวโนสไอเรส
ธงของประเทศอาร์เจนตินา อาร์เจนตินา
อังกฤษ ขับร้องโดยลูนา ซูยาโตวิกในพิธีเปิด และโดยเมลินา โมกีเลฟสกีในพิธีปิด[26][27]
เยาวชน 2020 โลซาน
ธงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์
อังกฤษและฝรั่งเศส (พิธีเปิด)
เพลงบรรเลง (พิธีปิด)
เพลงถูกขับร้องเป็นเวอร์ชันสองภาษาในพิธีเปิดโดยคณะนักร้องเสียงประสานเยาวชน "Les Petits Chanteurs de Lausanne"
ฤดูร้อน 2020 โตเกียว
ธงของประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่น
อังกฤษ ขับร้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งพิธีเปิดและพิธีปิด โดยพิธีเปิดขับร้องโดยนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมศึกษาฟูกูชิมะโคริยามะและโรงเรียนมัธยมศึกษาสตรีโทชิมากาโอกะ และโดยโทโมทากะ โอกาโมโตะในพิธีปิด[28][29]
ฤดูหนาว 2022 ปักกิ่ง
ธงของประเทศจีน จีน
กรีก ขับร้องเป็นภาษากรีกทั้งพิธีเปิดและพิธีปิด โดยคณะนักร้องประสานเสียงยุวชน Malanhua'er จากมณฑลเหอเป่ย์
เยาวชน 2024 คังว็อน
ธงของประเทศเกาหลีใต้ เกาหลีใต้
ฤดูร้อน 2024 ปารีส
ธงของประเทศฝรั่งเศส ฝรั่งเศส
ฤดูหนาว 2026 มิลาน
ธงของประเทศอิตาลี อิตาลี
เยาวชน 2026 ดาการ์
ธงของประเทศเซเนกัล เซเนกัล
ฤดูร้อน 2028 ลอสแอนเจลิส
 สหรัฐ
ฤดูร้อน 2032 บริสเบน
ธงของประเทศออสเตรเลีย ออสเตรเลีย

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Olympic Anthem Symbolism" (PDF). LA84 Foundation.
  2. Michael Beek, "Olympic hymn - what is it and what are its lyrics?" Classical Music, 14 July 2021.] Accessed 9 August 2021.
  3. 3.0 3.1 Measha Sings the Olympic Hymn.mp4 (video).
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 Lederman, Marsha (17 February 2010). "More French in Closing Ceremonies, Executive Producer Says". The Globe and Mail. p. S1.
  5. Dave Pierce, Donovan Seidle (2010). Sounds of Vancouver 2010: Opening Ceremony Commemorative Album (CD).
  6. Tokyo Olympiad Closing Ceremony digest (video). 4:38–5:14 นาที.
  7. Olympische Hymne 72 Olympic anthem 1972 (video).
  8. Olympische Spiele München 1972: Schlussfeier (video).
  9. Olympic Hymn (Innsbruck 1976) (video).
  10. Olympic Hymn Innsbruck 1976 (closing ceremony) (video).
  11. Montreal 1976 Olympics Music – Olympic Hymn (video).
  12. 1980 Olympic Closing Ceremony – Part IV Olympic Anthem & Extinguishing of the Flame (video).
  13. 1988 Winter Olympics Opening Ceremony Part 22 (video).
  14. 1988 Winter Olympics Opening Ceremony Part 23 (video).
  15. https://olympics.com/en/video/closing-ceremony-seoul-1988
  16. drapeau et flamme olympiques / Albertville '92 (video).
  17. Barcelona 1992 Opening Ceremony (video).
  18. Barcelona 1992 Closing Ceremony ที่ยูทูบ
  19. The Olympic Hymn (video).
  20. Olympic Anthem Athens 2004 (video).
  21. Olympic Anthem and Torino 2006 Anthem Claudio Baglioni 2006 (video).
  22. Olympics Beijing 2008 – Hasteamento da bandeira olímpica – Pequim 2008 (video).
  23. Opening Ceremony – London 2012 Olympic Games (video).
  24. London Hand Over To Rio (Raising Of The Flags) – Closing Ceremony | London 2012 Olympics (video).
  25. https://www.youtube.com/watch?v=BkvUckI-WH8&t=57m48s
  26. "Himno olimpico Luna Sujatovich Ceremonia de Apertura Juegos Olímpicos Juventud – #BuenosAires2018". YouTube. สืบค้นเมื่อ 11 November 2018.
  27. "Buenos Aires 2018: Closing Ceremony". insidethegames. 18 October 2018. สืบค้นเมื่อ 11 November 2018.
  28. Olympic Anthem|Tokyo 2020 Opening Ceremony|Official Anthem ที่ยูทูบ
  29. "Recapping the Olympics closing ceremony: Bidding farewell to Summer Games in Tokyo". USA Today. 8 August 2021. สืบค้นเมื่อ 8 August 2021.