เปาลู ฟึไรรา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก เปาโล แฟร์ไรรา)
เปาลู ฟึไรรา
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม เปาลู รึนาตู รึโบชู ฟึไรรา
วันเกิด (1979-01-18) 18 มกราคม ค.ศ. 1979 (45 ปี)
สถานที่เกิด กัชไกช์, ประเทศโปรตุเกส
ส่วนสูง 1.83 เมตร (6 ฟุต 0 นิ้ว)
ตำแหน่ง ฟุลแบ็ก
สโมสรอาชีพ*
ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)
1998–2000 อึชตูริลไปรยา 37 (2)
2000–2002 วีตอรียาดึซึตูบัล 68 (2)
2002–2004 โปร์ตู 96 (0)
2004–2013 เชลซี 212 (2)
รวม 308 (4)
ทีมชาติ
1998–2003 โปรตุเกส อายุไม่เกิน 21 ปี 27 (0)
2002–2010 โปรตุเกส 62[1] (0)
ผู้จัดการทีม
2023– ลีล (ผู้ช่วย)
  • นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้ทีมสโมสร นับเฉพาะลงเล่นในประเทศ.
† ลงเล่น (ประตู).

เปาลู รึนาตู รึโบชู ฟึไรรา (โปรตุเกส: Paulo Renato Rebocho Ferreira OIH (เสียงอ่านภาษาโปรตุเกส: [ˈpawlu fɨˈʁɐjɾɐ]; เกิด 18 มกราคม ค.ศ. 1979) เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกส ซึ่งลงเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ก ปัจจุบันเขาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมล็อสก์ลีล สโมสรในลีกเอิง

ฟึไรราเคยเป็นนักฟุตบอลในทีมชาติโปรตุเกส ตำแหน่งแบ็กขวา แต่ในบางครั้งก็เล่นแบ็กซ้ายและกองหลังกลาง เขาย้ายจากโปร์ตูมาร่วมทีมเชลซีใน ค.ศ. 2004 เมื่อโชเซ มูรีนโย คว้าตัวเขามาด้วยค่าตัว 13.2 ล้านปอนด์ โดยที่ก่อนหน้านั้นทั้งคู่พึ่งคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกและลีกสูงสุดของโปรตุเกสด้วยกันที่โปร์ตู ฟึไรรามีส่วนสำคัญที่ทำให้แนวรับเชลซีเหนียวแน่นมากในฤดูกาลแรกที่เขาย้ายมา แม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนช่วงท้ายฤดูกาล เขาก็ช่วยให้เชลซีคว้าแชมป์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปีและทำสถิติเสียประตูน้อยที่สุด

ฤดูกาลที่ 2 ของฟึไรรา เขาได้รับโอกาสลงสนามไม่มากนัก โดยตำแหน่งแบ็กขวานั้นมักจะเป็นกัลลาสหรือเจเรมีที่ได้ลง แต่เขายังเป็นตัวเลือกแรกในแชมเปียนส์ลีกและทำประตูแรกกับเชลซีได้ในเกมเอฟเอคัพกับโคลชิสเตอร์

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2006 กัลลาสย้ายออกจากทีมไปและคาลิด บูลารูซย้ายเข้ามาแทน ช่วงต้นฤดูกาล 2006/07 บูลารูซยึดตำแหน่งแบ็กขวาตัวจริงไว้ได้ แต่ต่อมาฟึไรราทวงตำแหน่งคืนได้สำเร็จและมีส่วนสำคัญในการหยุดคริสเตียโน โรนัลโดในเอฟเอคัพนัดชิง

ในยุคของอัฟรัม กรันต์ ฟึไรราสลับกันลงในตำแหน่งแบ็กขวากับจูเลียโน เบลเลตตี ที่พึ่งย้ายมาร่วมทีม และลงเล่นเป็นแบ็กซ้ายในเวลาที่แอชลีย์ โคล และเวยน์ บริดจ์ ได้รับบาดเจ็บพร้อมกัน ในช่วงท้ายฤดูกาลเป็นเบลเลตตีที่เล่นเกมรุกได้ดีกว่าได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง แต่ในนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกลับเป็นเอสเซียงที่เล่นเป็นแบ็กขวา ส่วนฟึไรราไม่มีชื่อแม้กระทั่งในม้านั่งสำรอง

ฟึไรราต่อสัญญาไปอีก 5 ปีในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 ภายใต้การคุมทีมของลูอิส ฟีลีปี สโกลารี ที่เคยร่วมงานกันในทีมชาติโปรตุเกสมาก่อน ฟึไรรากลับได้ลงสนามเพียง 7 นาทีโดยเป็นตัวสำรองแทนชูเซ โบซิงกวา ในนัดเปิดฤดูกาล

เขาต้องรอถึงยุคของคืส ฮิดดิงก์ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 กว่าจะได้ลงเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กซ้ายแทนที่แอชลีย์ โคล ขณะนั้นดูเหมือนว่าตัวเลือกแรก ๆ ในตำแหน่งแบ็กขวาจะเป็นของโบซิงกวาและกองหลังสารพัดประโยชน์อย่างอีวานอวิช รวมไปถึงในทีมชาติโปรตุเกสก็เป็นโบซิงกวาที่ยึดตำแหน่งแบ็กขวาไว้

ฟึไรรามีโอกาสลงสนามในคาร์ลิงคัพและทำประตูที่ 2 ของเขากับเชลซีในเกมกับแบล็กเบิร์นซึ่งเป็นเพียงประตูที่ 3 ในการเล่นฟุตบอลอาชีพ ช่วงคริสต์มาสถึงเดือนกุมภาพันธ์ ฟึไรราได้ลงสนามไม่บ่อยนัก หนึ่งในนั้นคือเกมเอฟเอคัพกับคาร์ดิฟที่เขาทำผลงานได้ดี

เมื่อโคลและชีร์คอฟมีอาการบาดเจ็บ ฟึไรราที่รอโอกาสอยู่ก็ทำหน้าที่แทนได้ดี อาการบาดเจ็บของอีวานอวิชในเกมกับแบล็กเบิร์นทำให้ฟึไรราได้เล่นในตำแหน่งแบ็กขวาที่เขาถนัด มีส่วนสำคัญในชัยชนะสำคัญเหนือวิลลาและพอร์ตสมัท ความีวินัยในเกมรับของเขาช่วยให้เชลซีบุกไปชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ถึงโอลด์แทรฟฟอร์ด ฟึไรราเล่นได้อย่างเหนียวแน่นติดต่อกันถึง 10 นัดและช่วยให้เชลซีคว้าดับเบิลแชมป์ได้ในที่สุด

อ้างอิง[แก้]

  1. "Paulo Ferreira". European Football. สืบค้นเมื่อ 3 July 2014.