เต่าใบไม้อกดำ
เต่าใบไม้อกดำ | |
---|---|
![]() | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ ![]() | |
โดเมน: | ยูแคริโอตา Eukaryota |
อาณาจักร: | สัตว์ Animalia |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง Chordata |
ชั้น: | สัตว์เลื้อยคลาน |
อันดับ: | เต่า |
อันดับย่อย: | เต่า Cryptodira |
วงศ์ใหญ่: | Testudinoidea |
วงศ์: | วงศ์เต่านา |
สกุล: | Geoemyda (Gmelin, 1789) |
สปีชีส์: | Geoemyda spengleri |
ชื่อทวินาม | |
Geoemyda spengleri (Gmelin, 1789) | |
ชื่อพ้อง[4] | |
เต่าใบไม้อกดำ (อังกฤษ: Black-breasted leaf turtle, Vietnamese leaf turtle หรือ Black-breasted hill turtle; ชื่อวิทยาศาสตร์: Geoemyda spengleri)[5] เป็นชนิดของเต่า (อันดับ Testudines) ซึ่งถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์เต่าที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก[6] โดยเป็นสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอยู่ในบัญชีรายชื่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 2018[7]
การจำแนก
[แก้]เต่าใบไม้อกดำ เป็นเต่าชนิดหนึ่งในวงศ์ Geoemydidae (เดิมชื่อ Bataguridae)
ศัพทมูลวิทยา
[แก้]ชื่อเฉพาะ spengleri ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นักธรรมชาติวิทยาชาวเดนมาร์ก Lorenz Spengler[8]
ลักษณะ
[แก้]เป็นชนิดเต่าที่เล็กที่สุดชนิดหนึ่ง โดยมีน้ำหนักระหว่าง 90 ถึง 150 กรัม[9] และสามารถจดจำได้จากลวดลายสีดำบริเวณกระดองท้องในขณะที่กระดองหลังมีลักษณะคล้ายใบไม้ ไม่มีการทราบข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับพฤติกรรมของ G. spengleri แต่กล่าวกันว่าเป็นสัตว์สันโดษและอาศัยอยู่บนบก[9] และยังสามารถขยับตาได้เพื่อสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วย[9] เต่าเหล่านี้มีอายุขัยประมาณ 20–24 ปี[7][6]
ขอบเขตทางภูมิศาสตร์
[แก้]G. spengleri พบได้ในป่าดิบเขาของประเทศจีน ประเทศเวียดนาม[7] และประเทศลาว[10] และสามารถพบได้ในหมู่เกาะรีวกีวของประเทศญี่ปุ่น ผ่านประเทศจีน ไปจนถึงจังหวัดกว๋างนามของประเทศเวียดนาม[10] นอกจากนี้ ยังพบได้ในพื้นที่ที่ไม่ใช่ถิ่นกำเนิดอันเนื่องจากการค้าหรือการปล่อยสู่ธรรมชาติ[11] มีการบันทึกการพบ G. spengleri ในระดับความสูงที่สูงและระดับความสูงปานกลางที่ 1,000 เมตร และ 500 เมตร แต่ไม่มีการกระจายพันธุ์ทางภูมิศาสตร์ที่แน่นอนอันเนื่องจากการสำรวจที่จำกัด[6][11][7]
ที่อยู่อาศัย
[แก้]G. spengleri อาศัยอยู่ในป่าดิบและป่าไม้ใกล้ธารน้ำจืดตื้น[12][7] แหล่งที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมได้แก่ ป่าดิบชื้นเขตร้อน กึ่งเขตร้อน และป่าชุ่มน้ำ[13] G. spengleri ตัวเต็มวัยจะอาศัยอยู่ใต้ร่มเงาหรือใต้ต้นไม้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยอาจต่ำถึง 40 องศาฟาเรนไฮต์ ถึง 90 องศาฟาเรนไฮต์[14] โดยชนิดนี้ต้องการที่อยู่อาศัยที่เพียงพอเพื่อทำรังในพื้นที่เปิดโล่ง[7]
อาหาร
[แก้]แม้ว่าจะยังไม่ได้สังเกตพฤติกรรมการกินในป่า แต่พบว่า G. spengleri เป็นสิ่งมีชีวิตกินทั้งพืชและสัตว์ และมักจะกินหอยทาก ใบไม้ ผลไม้ และแมลง[7] และยังอาจกินสัตว์จำพวกกุ้งด้วย[6] เมื่อถูกเลี้ยงในที่เลี้ยง เต่าชนิดนี้จะกินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็กและเนื้อสัตว์ แต่จะชอบเหยื่อที่มีชีวิต เช่น ไส้เดือน จิ้งหรีด ทาก และตัวกะปิมากกว่า[14]
การสืบพันธุ์
[แก้]ความแตกต่างทางเพศ การเคลื่อนตัวของกระดูกกระดองท้องพบได้ใน G. spengleri โตเต็มวัย โดยตัวเมียจะมีการเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่นได้ระหว่างกระดองหลังและกระดูกกระดองท้องไฮโพพลาสตรอน (Hypoplastron) ในขณะที่เพศผู้จะมีโครงสร้างกระดูกแข็ง[12] ยังไม่มีการบันทึกการสืบพันธุ์ในป่า แต่ในที่เลี้ยง เพศเมียมักจะวางไข่ 1-2 ฟองต่อคอก[6]
การล่าเหยื่อ
[แก้]เต่าใบไม้อกดำสามารถหลบเลี่ยงการถูกล่าได้ด้วยการพรางตัวด้วยกระดองหลัง[6] นักล่าที่เป็นที่รู้จักของ G. spengleri ประกอบด้วยสาเหตุจากการกระทำของมนุษย์ หมูป่า สุนัขล่าเนื้อ และชะมด[7][10]
ความเสี่ยง
[แก้]จากตัวอย่างในมณฑลกวางตุ้ง มณฑลกวางสี และมณฑลไหหลำของประเทศจีน พบว่า G. spengleri เป็นหนึ่งในชนิดที่ยังคงเหลืออยู่เนื่องจากรูปแบบการดำรงชีวิตบนบกที่เงียบสงบและมีขนาดเล็ก พบชนิดเหล่านี้ใกล้สูญพันธุ์เนื่องจากการใช้ประโยชน์มากเกินไปและการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยในระดับใหญ่ เช่น การทำไม้ นอกจากนี้ยังใช้ในธุรกิจสัตว์เลี้ยงและธุรกิจยาด้วย เต่าจำนวนมากเหล่านี้ถูกขายในตลาดของมณฑลกวางตุ้ง มณฑลกวางสี และมณฑลไหหลำในประเทศจีนและฮ่องกง ส่งผลให้จำนวนเต่า G. spengleri ลดลงประมาณร้อยละ 70[7]
G. spengleri ยังคงมีอยู่ในหลายภูมิภาคที่เต่าชนิดอื่น ๆ สูญพันธุ์หรือใกล้สูญพันธุ์
การอนุรักษ์
[แก้]ไอยูซีเอ็นได้ขึ้นทะเบียน G. spengleri ให้เป็นชนิดใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงอยู่ในบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครองระดับ 2 ของประเทศจีน[7] อย่างไรก็ตาม ชนิดนี้ไม่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายคุ้มครองของประเทศเวียดนาม
สามารถพบ G. spengleri ได้ในสวนสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครอง เช่น Central Florida Zoo & Botanical Gardens[6] Cincinnati Zoo[15] Fort Wayne's Zoo[9] และสวนสัตว์อื่น ๆ หลายแห่งในสหรัฐอเมริกา
เชิงอรรถและอ้างอิง
[แก้]- ↑ Fong, J.; Hoang, H.; Li, P.; McCormack, T.; Rao, D.-Q.; Timmins, R.J.; Wang, L. (2020), Geoemyda spengleri, p. e.T39552A2929166, doi:10.2305/IUCN.UK.2020-2.RLTS.T39552A2929166.en
{{citation}}
:|access-date=
ต้องการ|url=
(help) - ↑ "Appendices | CITES". cites.org. สืบค้นเมื่อ 2022-01-14.
- ↑ Gong, Shiping; Shi, Haitao; Mo, Yunming; Auer, Markus; Vargas-Ramirez, Mario; K. Hundsdörfer, Anna; Fritz, Uwe (2009). "Phylogeography of the endangered black-breasted leaf turtle (Geoemyda spengleri) and conservation implications for other chelonians". Amphibia-Reptilia. 30 (1): 57–62. doi:10.1163/156853809787392711. สืบค้นเมื่อ 16 March 2023.
- ↑ Fritz, Uwe; Havaš, Peter (2007). "Checklist of Chelonians of the World" (PDF). Vertebrate Zoology. 57 (2): 222–223. doi:10.3897/vz.57.e30895. ISSN 1864-5755. S2CID 87809001.
- ↑ Fritz, Uwe; Havaš, Peter (2007-10-31). "Checklist of Chelonians of the World". Vertebrate Zoology. 57 (2): 149–368. doi:10.3897/vz.57.e30895. ISSN 2625-8498.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 6.5 6.6 "Black-Breasted Leaf Turtle Attraction | CFZ Animals". Central Florida Zoo & Botanical Gardens. สืบค้นเมื่อ 2024-02-19.
- ↑ 7.00 7.01 7.02 7.03 7.04 7.05 7.06 7.07 7.08 7.09 IUCN (2018-07-16). Geoemyda spengleri: Fong, J., Hoang, H., Li, P., McCormack, T., Rao, D.-Q., Timmins, R.J. & Wang, L.: The IUCN Red List of Threatened Species 2020: e.T39552A2929166 (Report). International Union for Conservation of Nature. doi:10.2305/iucn.uk.2020-2.rlts.t39552a2929166.en.
- ↑ Beolens, Bo; Grayson, Michael; Watkins, Michael (2011). The eponym dictionary of reptiles. Baltimore: Johns Hopkins University Press. ISBN 978-1-4214-0135-5.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 "Black-Breasted Leaf Turtle | Our Animals | Fort Wayne Children's Zoo". 2015-02-19. สืบค้นเมื่อ 2024-04-15.
- ↑ 10.0 10.1 10.2 Stuart, Bryan L.; Hallam, Chris D.; Sayavong, Sengphachanh; Nanthavong, Chanthalaphone; Sayaleng, Sengmany; Vongsa, Outhai; Robichaud, William G. (July 2011). "Two Additions to the Turtle Fauna of Laos". Chelonian Conservation and Biology. 10 (1): 113–116. doi:10.2744/CCB-0856.1. ISSN 1071-8443.
- ↑ 11.0 11.1 Dawson, Jeffrey; Gaillard, Daniel; Gong, Shiping; Lin, Liu; McCormack, Timothy; Nanthavong, Chanthalaphone; Tai Nguyen, Thang; Quang Nguyen, Truong; Pham, Van Thong (August 2022). Geographical and elevational distributions of the Black-breasted Leaf Turtle, Geoemyda spengleri. Amphibian & Reptile Conservation. pp. 2–8.
- ↑ 12.0 12.1 Yasukawa, Y. (2010, December 14). Geoemyda spengleri (Gmelin 1789) – black-breasted leaf ... Geoemyda spengleri (Gmelin 1789) – Black-Breasted Leaf Turtle. https://iucn-tftsg.org/wp-content/uploads/file/Accounts/crm_5_047_spengleri_v1_2010.pdf
- ↑ IUCN (2018-07-16). Geoemyda spengleri: Fong, J., Hoang, H., Li, P., McCormack, T., Rao, D.-Q., Timmins, R.J. & Wang, L.: The IUCN Red List of Threatened Species 2020: e.T39552A2929166 (Report). International Union for Conservation of Nature. doi:10.2305/iucn.uk.2020-2.rlts.t39552a2929166.en.
- ↑ 14.0 14.1 Pierlioni, Anthony (2016-07-13). "The Vietnamese Black-breasted Leaf Turtle". Reptiles Magazine. สืบค้นเมื่อ 2024-02-19.
- ↑ "Black-Breasted Leaf Turtle". Cincinnati Zoo & Botanical Garden. สืบค้นเมื่อ 2024-04-23.
7.^Gong, S., Shi, H., Mo, Y., Auer, M., Vargas-Ramírez, M., Hundsdörfer, A. K., & Fritz, U. (2009). Phylogeography of the endangered black-breasted leaf turtle (Geoemyda spengleri) and conservation implications for other chelonians. Amphibia-Reptilia, 30(1), 57-62.
8.^Dawson, Jeffrey E., et al. "Geographical and elevational distributions of the Black-breasted Leaf Turtle, Geoemyda spengleri (Gmelin, 1789)(Testudines: Geoemydidae)." Amphibian & Reptile Conservation 16.1 (2022): 235-244.
อ่านเพิ่มเติม
[แก้]- Wilke, Hartmut (1998). Tortoises and Box Turtles. New York: Barron's Educational Series, Hauppauge Inc.