เดอะ เมทริกซ์ เรฟโวลูชั่นส์ ปฏิวัติมนุษย์เหนือโลก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เดอะ เมทริกซ์ เรฟโวลูชั่นส์ ปฏิวัติมนุษย์เหนือโลก
กำกับพี่น้องวาชอวสกี
เขียนบทพี่น้องวาชอวสกี
สร้างจากตัวละคร
โดย พี่น้องวาชอวสกี
อำนวยการสร้างโจเอล ซิลเวอร์
นักแสดงนำ
กำกับภาพบิลล์ โพป
ตัดต่อแซ็ก สเตนเบิร์ก
ดนตรีประกอบดอน เดวิส
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายวอร์เนอร์บราเธอส์พิกเชอส์
วันฉาย5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 (2003-11-05)
ความยาว129 นาที[1]
ประเทศสหรัฐ[2][3]
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง110–150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[4][5]
ทำเงิน427.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[5]

เดอะ เมทริกซ์ เรฟโวลูชั่นส์ ปฏิวัติมนุษย์เหนือโลก (อังกฤษ: The Matrix Revolutions) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวโลดโผนและนิยายวิทยาศาสตร์ ฉายเมื่อปี ค.ศ. 2003 เขียนบทและกำกับโดย พี่น้องวาชอวสกี เป็นภาพยนตร์ภาคต่อของ เดอะ เมทริกซ์ รีโหลดเดด สงครามมนุษย์เหนือโลก (2003) และเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สามในภาพยนตร์ชุด เดอะ เมทริกซ์

ภาพยนตร์ฉายพร้อมกันใน 108 ดินแดนเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 จัดจำหน่ายโดย วอร์เนอร์บราเธอส์พิกเชอส์ ถึงแม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในไตรภาคเดิมของภาพยนตร์ชุด เส้นเรื่องของ เมทริกซ์ ดำเนินต่อไปในวิดีโอเกม เดอะ เมทริกซ์ออนไลน์ เดอะ เมทริกซ์ เรฟโวลูชั่นส์ เป็นภาพยนตร์คนแสดงเรื่องแรกที่ฉายพร้อมกันในโรงภาพยนตร์ระบบปกติและไอแมกซ์ ถึงแม้ว่าภาพยนตร์จะได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลายจากนักวิจารณ์ ภาพยนตร์ทำเงินมากกว่า 427 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก ภาพยนตร์เรื่องที่สี่ เดอะ เมทริกซ์ เรเซอเร็คชั่นส์ เริ่มถ่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 กำหนดฉายวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2021

โครงเรื่อง[แก้]

นีโอและเบนนอนหมดสติอยู่ในห้องพยาบาลของยานแฮมเมอร์ ในเมทริกซ์นีโอติดอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดินที่ชื่อว่า Mobil Ave (คำที่เกิดจากการสลับตัวอักษร Limbo) ดินแดนเปลี่ยนผ่านระหว่างเมทริกซ์และเมืองเครื่องจักร เขาพบกับครอบครัวของโปรแกรมรวมทั้งเด็กหญิงที่ชื่อซาติ พ่อของเธอบอกกับนีโอว่ารถไฟใต้ดินนี้ถูกควบคุมโดยเทรนแมน โปรแกรมที่ภักดีต่อเมโรวินเจี้ยน เมื่อนีโอพยายามขึ้นรถไฟไปพร้อมกับครอบครัวนี้ เทรนเมนปฎิเสธและเอาชนะเขาได้

เซอเรฟตัวแทนออราเคิลติดต่อมอร์เฟียสและทรินิตี้ซึ่งได้แจ้งข่าวพวกเขาเกี่ยวกับนีโอที่ติดอยู่ เซอเรฟ มอร์เฟียส และทรินิตี้เข้าไปยังคลับเฮลซึ่งพวกเขาเผชิญหน้ากับเมโรวินเจี้ยนโดยบังคับให้เขาปล่อยตัวนีโอ นีโอไปพบกับออราเคิลซึ่งเผยว่าสมิทตั้งใจทำลายทั้งเมทริกซ์และโลกจริง เธอบอกว่า”ทุกสิ่งที่มีจุดเริ่มต้นนั้นมีจุดจบ” และว่าสงครามจะสิ้นสุดลง หลังจากนีโอออกไปสมิทกลุ่มหนึ่งก็เข้ายึดครองร่างของซาติและเซอเรฟ  ออราเคิลยอมให้ถูกยึดครองร่างแต่โดยดี จากนั้นสมิทก็ได้รับพลังการมองเห็นอนาคตของออราเคิล แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเธอหายไปตลอดกาลหรือไม่

ในโลกจริงลูกเรือของเนบูคาเนซซาและแฮมเมอร์เจอยานของไนโอบี โลกอส และทำให้ยานใช้งานได้อีกครั้ง พวกเขาสอบสวนเบนซึ่งบอกว่าเขาจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ ในขณะที่กัปตันวางแผนป้องกันไซออน นีโอขอยานลำหนึ่งเพื่อเดินทางไปยังเมืองเครื่องจักร ไนโอบีซึ่งเคยเจอกับออราเคิลได้มอบยานโลกอสให้เขาไป นีโอออกเดินทางพร้อมกับทรินิตี้ เบนซึ่งซ่อนตัวอยู่ในโลกอสจับทรินิตี้เป็นตัวประกัน นีโอรู้ว่าเบนถูกสมิทควบคุมร่างอยู่จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น เบนเผาตาของนีโอด้วยสายไฟฟ้าทำให้เขาตาบอดถาวร นีโอค้นพบความสามารถให้การรับรู้อะไรก็ตามที่เป็นส่วนหนึ่งของซอร์ซโคัดของเครื่องจักรในโลกจริงเป็นการเรืองแสงสีทอง เขาเห็นและฆ่าเบน ทรินิตี้ขับยานไปยังเมืองเครื่องจักร

ไนโอบีและมอร์เฟียสรีบกลับไปยังไซออนบนยานแฮมเมอร์เพื่อช่วยพวกมนุษย์ปกป้องเมือง อู่เรือไซออนเต็มไปด้วยพวกเซนติเนล กัปตันมิฟูเน่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสสั่งให้คิดส์เปิดประตูให้แฮมเมอร์ เมื่อยานมาถึงก็ได้ปล่อย EMP ออกมาทำให้พวกเซนตินัลตรงนั้นหยุดทำงานลง แต่ระบบป้องกันที่เหลืออยู่ของไซออนก็ด้วยเช่นกัน  พวกมนุษย์ถูกบังคับให้ต้องล่าถอยและรอคอยการโจมตีครั้งต่อไปโดยคิดว่านี่จะเป็นที่มั่นสุดท้ายของพวกเขา

ใกล้กับเมืองเครื่องจักร โลกอสถูกกระหน่ำด้วยการระดมยิงทำให้ยานตกและทรินิตี้บาดเจ็บสาหัส นีโอเข้าไปยังเมืองเครื่องจักรและเผชิญหน้ากับบอสเครื่องจักร นีโอเตือนว่าสมิทวางแผนยึดทั้งเดอะเมทริกซ์และโลกจริงและเสนอจะหยุดสมิทเพื่อแลกเปลี่ยนกับสันติสุขของไซออน บอสเครื่องจักรตกลงจากนั้นเซนติเนลก็หยุดโจมตีไซออน

เครื่องจักรจัดการเชื่อมต่อเพื่อให้นีโอเข้าไปยังเมทริกซ์ ภายในเมทริกซ์สมิทที่มีพลังของออราเคิลก้าวออกมาและพูดว่าเขามองเห็นชัยชนะในอนาคตของเขากับนีโอ หลังจากการต่อสู้อันยืดเยื้อ นีโอตระหนักว่าไม่มีวิธีอื่นใดอีกที่จะเอาชนะได้และทำให้ตัวเขาเองถูกเข้ายึดครองร่าง เมื่อเชื่อมต่อกับเดอะซอร์ซ บอสแมชชีนส่งคำสั่งลบโปรแกรมสมิทผ่านทางร่างของนีโอในโลกจริง ทำให้โคลนนีโอ/สมิทและโคลนสมิทคนอื่นๆถูกทำลาย ลบสมิททิ้งไปในที่สุด พวกเซนติเนลถอนตัวจากไซออน มอเฟียสกับไนโอบีสวมกอดกัน แล้วนีโอเห็นภาพของเมืองเครื่องจักรเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่ร่างของเขาถูกพวกเครื่องจักรพาไป

เดอะเมทริกซ์ถูกรีบูต อาร์คิเทคพบกับออราเคิลในสวนสาธารณะ พวกเขาเห็นด้วยว่าสันติสุขจะคงอยู่ตราบนานเท่าที่จะนานได้ และว่าพวกมนุษย์ที่ปรารถนาจะได้รับโอกาสออกจากเดอะเมทริกซ์ เมื่อถูกถามถึงชะตากรรมของนีโอ ออราเคิลบอกซาติว่าเธอคิดว่าพวกเขาจะเจอนีโออีกครั้ง ซาติบอกว่าเธอสร้างพระอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้าเพื่อเป็นเกียรติแก่นีโอ เซอเรฟถามออราเคิลว่าเธอรู้หรือไม่ว่านี่จะเกิดขึ้น เธอตอบว่าเธอไม่รู้แต่เธอเชื่อ

เครื่องจักรและยานพาหนะ[แก้]

โฮเวอร์คราฟ
ยานของฝ่ายไซออน ติดตั้งระบบพยุงตัวยานด้วยไฟฟ้า และอีเอ็มพี(คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า)ที่เด่นๆ มี แฮมเมอร์ และ โลโกส มีอาวุธป้อมปืนกล
อาร์เมอร์ เพอร์โซนอล ยูนิต หรือ เอพียูส์
หุ่นรบของไซออน ปรากฏตัวครั้งแรกในรีโหลดเดด แต่มีบทมากในภาคนี้ ใช้ป้องกันไซออน เติมกระสุนโดยการขน มีอาวุธปืนกล 2 กระบอก
เซนทิเนล
เครื่องจักรปลาหมึก ตัวหลักของพวกเครื่องจักร มีขนาดใหญ่กว่าคนปกติ จึงสามารถฆ่าทหารไซออนได้ง่ายๆ ในภาคนี้ มีไม่ต่ำกว่าแสนในหนึ่งระลอก มีอาวุธในแขนขาตัวเอง
เครื่องจักรสว่าน
เครื่องจักรที่ใช้เจาะเข้าไปในไซออน สมารถเก็บขาได้ ต้องใช้มิสไซล์ยิงขาจัดการ มีอาวุธเป็นสว่าน

อ้างอิง[แก้]

  1. "The Matrix Revolutions". British Board of Film Classification. สืบค้นเมื่อ September 15, 2013.
  2. "The Matrix Revolutions (2003)". Lumiere. สืบค้นเมื่อ November 22, 2017.
  3. "Matrix Revolutions, The". tcm.com. Turner Classic Movies. สืบค้นเมื่อ June 29, 2020.
  4. "The Matrix Revolutions (2003) – Andy Wachowski, Larry Wachowski – Synopsis, Characteristics, Moods, Themes and Related – AllMovie". AllMovie. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 25, 2010. สืบค้นเมื่อ October 8, 2017.
  5. 5.0 5.1 "The Matrix Revolutions (2003)". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ February 13, 2015.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]