เจ้าหญิงมารีอา ตีเรซาแห่งโปรตุเกส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซ่าแห่งโปรตุเกส

เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซ่าแห่งโปรตุเกส หรือพระนามเต็ม มาเรีย เทเรซ่า เดอ อิมมาคูเลด้า คอนเซคาว เฟอร์นันด้า ยูลาเลีย ลีโอโพลดีน่า อาเดลเลด อิสซาเบล แคโรลิน่า มิคาเอลล่า ราฟาเอลล่า กาบริเอลล่า ฟรานซิสก้า เดอ แอสซิส เอ เดอ เปาลา กอนซาก้า ไอเนส โซฟี บาร์โทโลเมีย โดส แอนโจส (โปรตุเกส: Maria Teresa de Portugal, arquiduquesa da Áustria; อังกฤษ: Princess Maria Theresa of Portugal; เยอรมัน: Prinzessin Maria Theresa von Portugal; พระนามเต็ม Maria Teresa de Imaculada Conceição Fernanda Eulália Leopoldina Adelaide Isabel Carolina Micaela Rafaela Gabriela Francisca de Assis e de Paula Gonzaga Inès Sofie Bartolomea dos Anjos von Habsburg-Lothringen (ราชสกุลเดิม de Bragança)) ทรงเป็นเจ้าฟ้าหญิงแห่งโปรตุเกส และอาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรีย หลังจากทรงอภิเษกสมรส และเป็นพระชายาองค์ที่ 3 ในอาร์คดยุคคาร์ล ลุดวิกแห่งออสเตรียด้วย[1]

พระราชประวัติ[แก้]

เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซ่า ประสูติเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1855 เป็นพระราชธิดาในพระเจ้ามีแกลแห่งโปรตุเกส และเจ้าหญิงอเดเลดแห่งโลเวนสไตน์-เวิร์ทเฮล์ม-โรเซนเบิร์ก[2] เมื่อขณะยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระราชาธิบดีมิเกล พระราชบิดาได้เสด็จสวรรคตกะทันหัน สมเด็จพระราชินีอาเดลเลดจึงทรงพาพระราชบุตรทั้งหมดย้ายไปประทับที่พระตำหนักส่วนพระองค์ที่ราชอาณาจักรบาวาเรีย ตามคำทูลเชิญของเจ้าหญิงโซฟีแห่งบาวาเรีย ซึ่งเป็นพระสหายสนิท โดยเมื่อทุกพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาถึงบาวาเรีย เจ้าหญิงโซฟีได้เสด็จพระราชดำเนินออกจากประเทศออสเตรีย ไปยังบาวาเรียเพื่อทรงรับเสด็จพระสหายสนิท เมื่อเจ้าหญิงโซฟีได้ทอดพระเนตรเห็น เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซ่า พระองค์จึงมีพระราชวินิจฉัยกับสมเด็จพระราชินีว่า เจ้าหญิงองค์นี้ทรงเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นพระชายาองค์ต่อไปของพระโอรสของพระองค์ ซึ่งก็คืออาร์คดยุคคาร์ล ลุดวิกแห่งออสเตรีย ด้วยความที่เป็นพระสหายสนิทกัน ทั้ง 2 พระองค์จึงทรงจัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงมาเรีย เทเรซ่ากับอาร์คดยุคคาร์ล ลุดวิก ในกรุงเวียนนา เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1873 โดยภายหลังอภิเษกสมรส พระองค์ทรงได้รับการสถาปนาเป็นอาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรีย ทั้ง 2

เจ้าหญิงมาเรียมีพระธิดา 2 พระองค์ ดังนี้

หลังจากพระสวามีสิ้นพระชนม์[แก้]

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1896 อาร์คดยุคคาร์ล ลุดวิกสิ้นพระชนม์ด้วยโครไข้ไทฟอยด์ โดยก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงทูลขอพระชายาว่า ดูแลพระบุตรทั้งหมดให้ดี ทำให้ทุกองค์มีความสุขที่สุด ดังนั้น อาร์ชดัชเชสมาเรีย เทเรซ่าทรงต้องแบกพระภาระดูแลพระโอรส และพระธิดาทุกพระองค์ รวมทั้งพระบุตรที่ประสูติแต่เจ้าหญิงมาเรีย แอนนันซิเอต้าแห่งทู ซิชิลีส์ พระชายาองค์ก่อนด้วย ซึ่งพระองค์ก็ทรงดูแลเป็นอย่างดี แม้กระทั่งเมื่อมีการอภิเษกสมรสของอาร์คดยุคฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ และเค้านท์เตสโซฟี โชเท็ค ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎมณเฑียรบาลของการอภิเษกสมรสว่า จะต้องอภิเษกสมรสกับเชื้อพระวงศ์ด้วยกันเท่านั้น พระองค์ก็ทรงยอมให้มีการจัดอภิเษก โดยอาร์ชดัชเชสโซฟี ผู้เป็นพระสหายสนิทก็ทรงร่วมจัดพิธีด้วย[3]

สงครามโลกครั้งที่ 1[แก้]

หลังจากการลอบปลงพระชนม์ของอาร์คดยุคฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์และพระชายาที่เมืองซาราเยโว ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา พระองค์ทรงเป็นหัวหน้ากองพยาบาล ทรงรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งทหารที่บาดเจ็บจากสมรภูมิ เมื่อสงครามสงบ เป็นเหตุให้มีการล้มล้างและโค่นพระราชอำนาจของพระราชวงศ์อิมพีเรียลลง พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปพร้อมกับสมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ล และสมเด็จพระจักรพรรดินีซีต้า อพยพไปที่เกาะมาไดร่า ประเทศโปรตุเกส ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์ทรงใช้เป็นที่ประทับอยู่หลายปี ก่อนที่จะเสด็จกลับกรุงเวียนนา

สิ้นพระชนม์[แก้]

อาร์ชดัชเชสมาเรีย เทเรซ่าสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1944 สิริพระชนมายุได้ 88 ชันษา พระศพถูกฝังไว้เคียงข้างพระสวามี และรวมกับพระบรมวงศานุวงศืพระองค์อื่นๆที่วิหารฮาพส์บวร์ค

อ้างอิง[แก้]

  1. Radziwill, p. 59
  2. Almanach de Gotha (179th ed.). Justus Perthes. 1942. p. 37.
  3. Maria Teresa da Immaculda de Bragança, Infanta de Portugal