เจ้าราชดนัย (ยอดฟ้า ณ น่าน)
เจ้าราชดนัย (ยอดฟ้า ณ น่าน) | |
---|---|
พระนาม | เจ้าน้อยยอดฟ้า ณ น่าน |
พระอิสริยยศ | พระยาราชบุตรนครแพร่ เจ้าราชดนัยนครน่าน |
ฐานันดร | เจ้า |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ |
ข้อมูลส่วนพระองค์ | |
ประสูติ | พ.ศ. 2413 |
พิราลัย | 2 มีนาคม พ.ศ. 2460 |
พระบิดา | พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช |
พระมารดา | แม่เจ้ายอดหล้า |
พระชายา | เจ้าหญิงสุพรรณวดี เทพวงศ์ |
พระบุตร | เจ้าสร้อยฟ้า โลหะพจน์พิลาศ เจ้าวิลาวัณย์ ณ น่าน |
ร้อยตำรวจเอก เจ้าราชดนัย (ยอดฟ้า ณ น่าน) หรือ เจ้าน้อยยอดฟ้า เจ้าราชดนัยแห่งนครน่าน อดีตพระยาราชบุตรแห่งนครแพร่ และเป็นราชโอรสในพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 กับแม่เจ้ายอดหล้า
ประวัติ[แก้]
เจ้าราชดนัย (ยอดฟ้า ณ น่าน) หรือ เจ้าน้อยยอดฟ้า ณ น่าน เป็นราชโอรสในพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 กับแม่เจ้ายอดหล้า มีเชษฐาเชษฐภิคินีร่วมเจ้ามารดารวม 13 องค์ คือ
- เจ้าคำบุ
- เจ้าคำเครื่อง
- เจ้ายศ
- เจ้านางอัมรา
- เจ้าน้อยรัตน ได้เป็นเจ้าราชวงษ์
- เจ้าน้อยบริยศ
- เจ้านางบัวเขียว ภายหลังได้สมรสกับเจ้าบุรีรัตน์ (บรม)
- อำมาตย์ตรีเจ้าบุรีรัตน์ (สุทธิสาร)
- เจ้าราชภาติกวงษ์ (จันทวงษ์)
- เจ้าหนานบุญรังษี
- เจ้าราชภาคินัย (น้อยมหาวงษ์)
- เจ้าราชดนัย (น้อยยอดฟ้า)
- เจ้านางสมุท
เจ้าน้อยยอดฟ้า เสกสมรสกับเจ้าหญิงสุพรรณวดี เทพวงศ์ ราชธิดาในเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย กับแม่เจ้าบัวไหล เจ้าน้อยยอดฟ้า มีตำแหน่งเดิมเป็น พระยาราชบุตร พระยาราชบุตรนครแพร่ และรับราชการเป็นนายตำรวจอยู่ในเมืองนครแพร่ มียศเป็น ร้อยตำรวจเอกพระยาราชบุตร ต่อมาปีพ.ศ. 2446 ภายหลังจากกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองนครแพร่ พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน เจ้าบิดาได้ขอย้ายพระยาราชบุตรไปรับราชการที่เมืองนครน่าน และขอรับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น เจ้าราชดนัย เจ้าราชดนัยแห่งนครน่าน[1] ท่านจึงได้พาครอบครัวไปพำนักอยู่นครน่าน จึงกระทั่งถึงวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2460 เจ้าราชดนัยป่วยเป็นโรคฝีในปอด ถึงแก่กรรมเมื่อชนมายุได้ 47 ปี
เหตุการณ์กบฎเงี้ยวปล้นเมืองแพร่[แก้]
ในปี พ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองนครแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองนครแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลินที่ตำบลบ่อแก้ว อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองแพร่เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว เจ้าพิริยเทพวงษ์จึงต้องเสด็จหรีภัยการเมืองไปประทับเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว[2] และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพิราลัยในปี พ.ศ. 2455 ส่วนเจ้านายองค์อื่น ๆ ถูกถอดยศศักดิ์ ถูกควบคุมลงไปกักตัวไว้ที่กรุงเทพฯ และให้ชดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ร่วมถึงพระยาราชบุตร (เจ้าน้อยยอดฟ้า ณ น่าน) ก็ถูกถอดยศศักดิ์ ริบทรัพย์สมบัติ ให้ชดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ และให้ย้ายออกจากนครแพร่ ภายหลังเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี มีคำสั่งให้ร้อยตำรวจเอกพระยาราชบุตรนำกองกำลังตามขึ้นไปตีพวกโจรเงี้ยวที่แตกไปอยู่ตำบลสะเอียบ ซึ่งร้อยตำรวจเอกเพระยาราชบุตรก็สามารถกระทำงานที่มอบหมายสำเร็จ คือตีพวกกองโจรเงี้ยวจนแตกพ่ายไป ได้ริบทรัพย์จับเชลยกลับมาเป็นจำนวนมาก อันเป็นวิธีสร้างความดีลบล้างความผิดเพื่อหลีกเลี่ยงการประหารชีวิตเพราะสยามไม่ประสงค์จะให้กระทบกระเทือนใจเจ้านายเมืองเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระยาราชบุตรเป็นราชโอรสในพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน ต่อมาปี พ.ศ. 2446 เจ้าบิดาได้ขอย้ายพระยาราชบุตรไปรับราชการที่เมืองนครน่าน และขอรับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น “เจ้าราชดนัย” อันเป็นตำแหน่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นชอบด้วย
ธิดา[แก้]
เจ้าราชดนัย (ยอดฟ้า ณ น่าน) มีธิดากับเจ้าสุพรรณวดี เทพวงศ์ 2 คน คือ
- เจ้าสร้อยฟ้า ณ น่าน สมรสกับรองอำมาตย์โทขุนโลหะพจน์พิลาศ มีบุตรธิดา 4 คน
- เจ้าวิลาวัณย์ ณ น่าน ไม่มีบุตรธิดา[3]
โดยธิดาทั้งสองคือสายสัมพันธ์สองแผ่นดินแห่งนครแพร่ และนครน่าน
อ้างอิง[แก้]
- ↑ ประวัติศาสตร์ที่ชีวิตคุณอาจไม่เคยรู้ กบฏเงี้ยวเมืองแพร่ http://www.oknation.net/blog/kingkaoz
- ↑ องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ ประวัติเจ้าพิริยเทพวงศ์ (เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่) เรียกดูเมื่อ 7 มิถุนายน 2556
- ↑ หมู่บ้าน วังฟ่อน. เจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์(ทายาท)