เงินไซซี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เงินไซซี เป็นเงินแท่งซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยพ่อค้าชาวจีนนำเข้ามาเพื่อใช้ในการซื้อสินค้าเมื่อครั้งสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี โดยอาณาเขตทางตอนเหนือของสุโขทัยคือ อาณาจักรล้านนาไทย มีเนื้อที่ครอบคลุมถึงจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และน่าน ก็มีเงินท้องถิ่นของตนใช้อยู่ ได้แก่ เงินกำไล เงินเจียง เงินดอกไม้ และเงินท้อก แต่เงินไซซีก็เป็นเงินตราอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับการยอมรับและใช้เป็นสื่อกลางในการค้าขายในอาณาจักรล้านนาไทยในขณะนั้นด้วย

ประวัติ[แก้]

เงินไซซีเรือสำเภา

“ไซซี” (細絲) เป็นคำภาษาจีน แปลว่า ไหมบริสุทธิ์ ที่เรียกเงินแท่งว่าเงินไซซี ก็เป็นการเปรียบเทียบกับโลหะเงินหรือทองที่ถูกหลอมจนเหลวและไหลเป็นสายลงไปในแม่พิมพ์ มองดูคล้ายสายไหมนั่นเอง เงินไซซีมีวิธีการทำโดยการหล่อจากแม่พิมพ์ให้มีรูปร่างตามต้องการ และขณะที่โลหะยังแข็งตัวไม่เต็มที่ก็จะตีตราประทับชื่อผู้ออกเงิน สถานที่ผลิตเงิน และข้อความอื่นๆ ลงบนด้านบนของเงินไซซี นอกจากนั้นยังเป็นเงินที่ไม่มีราคาหน้าเหรียญเพราะเป็นแท่งเงินที่กำหนดค่าโดยน้ำหนักและเนื้อเงิน ทั้งนี้ ลักษณะรูปร่าง ขนาด น้ำหนัก และเนื้อเงินของเงินไซซีอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแหล่งที่ทำ จึงไม่จำเป็นที่เงินไซซีจะต้องทำจากเนื้อเงินบริสุทธิ์เสมอไป แต่เงินไซซีที่ทำด้วยเนื้อเงินบริสุทธิ์ก็มี เงินไซซีอานม้า (Saddle money) เงินไซซีรองเท้า (Shoe money) เงินไซซีเรือสำเภา (Boat money) เงินไซซีขนมครก เป็นต้น และเมื่อต้องการใช้เงินปลีกย่อยก็จะตัดเงินไซซีออกเป็นส่วนย่อยๆ ตามน้ำหนักที่ต้องการ โดยเงินไซซีที่พบมากที่สุดคือ เงินไซซีรองเท้า ซึ่งมีลักษณะคล้ายรองเท้าของสตรีจีนที่นิยมสวมใส่ในสมัยโบราณ สำหรับเงินไซซีทองคำนั้นมีการพบน้อยมาก และเงินไซซีที่มีน้ำหนักมากที่สุดที่พบในประเทศไทยคือ เงินไซซีเรือสำเภาซึ่งมีน้ำหนักถึง ๑๒๕ บาท (ประมาณ ๑,๘๗๕ กรัม) ด้วยเหตุที่เป็นเงินแท่งที่มีความบริสุทธิ์สูง สามารถตีให้ยาวเหยียดคล้ายเส้นไหมได้ คนไทยจึงเรียกเงินไซซีนี้ว่า เงินมุ่น ซึ่งแปลว่า ละเอียดเหมือนมุ่นไหม ชาวลานนาจึงนิยมนำมาใช้เครื่องประดับ ตลอดจนเครื่องใช้ในครัวเรือน เช่น ขันเงิน เชี่ยนหมากเงิน เข็มขัดเงิน ตลอดจนใช้เป็นเงินตราของอาณาจักรล้านนาด้วย

การใช้เงินไซซีในประเทศจีนมีดังนี้[แก้]

สมัยราชวงศ์ฮั่น

การใช้เงินไซซีในประเทศจีนเริ่มปรากฏหลักฐานการใช้ในสมัยราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty) ซึ่งมีเงินไซซีที่ทำด้วยโลหะเงินและทองคำสำหรับใช้ในการค้าขายรายใหญ่ๆ โดยเงินไซซีทองคำจะใช้เป็นรางวัลบำเหน็จความชอบในราชการด้วย สำหรับการซื้อขายรายย่อยๆ จะใช้เงินเหรียญที่ชาวตะวันตกเรียกว่า cash coin ซึ่งส่วนใหญ่ทำด้วยทองเหลืองและทองแดงลักษณะเป็นเหรียญกลมแบน มีรูตรงกลางสำหรับห้อยกับเชือกเป็นพวงเพื่อสะดวกในการพกพา

สมัยราชวงศ์มองโกล

ในสมัยราชวงศ์มองโกล (Mangol Dynasty) ประมาณปี พ.ศ. ๑๘๒๓-๑๙๑๑ เงินไซซีและธนบัตรกลายเป็นเงินตราที่สำคัญที่สุดของประเทศจีน ซึ่งในขณะนั้นไม่นิยมใช้เงินเหรียญ เห็นได้จากการที่นักสำรวจชาวตะวันตก คือ มาร์โคโปโล ได้เดินทางไปประเทศจีนในช่วงนั้นได้บันทึกเรื่องราวการใช้ธนบัตรและเงินไซซีโดยมิได้กล่าวถึงเงิน cash coin เลย

ปลายราชวงศ์หมิง จนถึง ต้นราชวงศ์ชิง

ในปลายราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) เรื่อยมาจนถึงต้นราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) คือ ในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ถึงต้นคริสศตวรรษที่ ๒๕ การค้าขายกับต่างชาติขยายตัวและเจริญมากขึ้น โดยเฉพาะการค้าขายไหมกับประเทศญี่ปุ่นและประเทศในทวีปอเมริกาและยุโรป ทำให้มีการนำเข้าโลหะเงินเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเงินเหรียญไม่เพียงพอกับการขยายตัวทางการค้า รัฐบาลจีนจึงอนุญาตให้พ่อค้าและธนาคารในแต่ละท้องถิ่นเป็นผู้ผลิตเงินไซซีและธนบัตรของตนออกใช้เองในรูปลักษณะต่างๆ กัน เงินไซซีที่ออกโดยพ่อค้าและธนาคารส่วนใหญ่ทำด้วยเนื้อเงินบริสุทธิ์และจะประทับตราชื่อพ่อค้าและธนาคารที่ออกเงิน สถานที่ที่ผลิตเงิน วันเดือนปี น้ำหนัก และเนื้อเงิน รวมทั้งอาจมีข้อความอื่นๆ เช่น “โชคดี” และ “อายุยืน” เป็นต้น ซึ่งประชาชนจะนิยมใช้ธนบัตรและเงินไซซีที่ออกโดยพ่อค้าและนายธนาคารที่ตนเชื่อถือมากกว่าเงินเหรียญที่ออกโดยรัฐบาล โดยพ่อค้าและธนาคารจะเป็นผู้ทดสอบน้ำหนักและความบริสุทธิ์ของเนื้อเงินของเงินไซซี ให้ได้มาตรฐานตามที่ตนกำหนดไว้

สมัยหลังกบฏไท้ผิง

หลังจากเกิดกบฏไท้ผิง (Taiping rebellion) ขึ้นในประเทศจีน เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๙๔-๒๔๐๔ ชาวตะวันตกได้เพิ่มความสนใจที่จะทำการค้ากับประเทศจีนมากขึ้นถึงขนาดผลิตเหรียญดอลล่าร์เงินเพื่อใช้ในการค้าขายกับประเทศจีน และบีบบังคับให้รัฐบาลจีนผลิตเหรียญกษาปณ์แบบมาตรฐานตะวันตกออกใช้ และเนื่องจากรัฐบาลกลางของประเทศจีนในขณะนั้นยังไม่มั่นคงและแข็งแกร่ง ทำให้มณฑลต่างๆ ในประเทศจีนต่างก็ตั้งโรงกษาปณ์และผลิตเหรียญเงินดอลล่าร์และเงินเซนต์ขึ้นใช้เอง โดยมีขนาดและมาตรฐานของเหรียญแตกต่างกันไปในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ ประเทศจีนซึ่งมีเงินตราหลักที่ใช้ในประเทศอยู่ ๓ ชนิด คือ เหรียญกษาปณ์แบบตะวันตกธนบัตร และเงินไซซีที่ออกโดยพ่อค้าและธนาคาร และเงินเหรียญ cash coin เงินเหรียญดั้งเดิมที่ใช้ติดต่อกันมาช้านาน

สมัยหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง

เงินไซซีและธนบัตรที่ออกโดยพ่อค้าเริ่มเสื่อมความนิยมลงเมื่อประเทศจีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ และได้ออกเหรียญดอลล่าร์จีนหรือที่เรียกว่า เงินหยวน (yuan) ออกใช้ ซึ่งได้รับการยอมรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ในปี พ.ศ. ๒๔๗๘ รัฐบาลจีนได้ประกาศเลิกใช้เงินไซซีไปในที่สุด

เงินไซซีรูปแบบต่างๆ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  • เฉลิม ยงบุญเกิด. “กระษาปณ์ไทย” พิมพ์เป็นอนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พล.อ.บริบูรณ์ จุละจาริตต์ พ.ศ. ๒๕๐๙.
  • สารัตถะแห่งเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเงินตราสยาม พิมพ์ครั้งที่ ๑ มีนาคม ๒๕๓๙ ISBN 974-7700-09-3 สงวนลิขสิทธิ์ ๒๕๓๙ โดย กองเครื่องราชอิสริยยศ กรมธนารักษ์ พิมพ์ที่ บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด
  • Ewald Junge,"World Coin Encyclopedia" William Morrow&Company.Inc. New York, ๑๙๘๔.
  • Martin Jessop Price "Coins" The Hamlyn Publishing Group Limited. ๑๙๘๐.
  • "Catalog of World Coins" Krausse Publication.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน กรมธนารักษ์

e-museum เก็บถาวร 2011-06-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน