เค้กคลีเมนไทน์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เค้กคลีเมนไทน์
เค้กคลีเมนไทน์ชิ้นหนึ่ง
เค้กคลีเมนไทน์ชิ้นหนึ่ง
ประเภทเค้ก
มื้อขนม
ผู้สร้างสรรค์อาจมาจากเค้กส้มที่พัฒนาโดยชาวยิวเซฟาร์ดี
อุณหภูมิเสิร์ฟCold or warmed
ส่วนผสมหลักคลีเมนไทน์ ผลไม้ และส่วนผสมเค้กทั่วไป
จานอื่นที่คล้ายกันเค้กผลไม้

เค้กคลีเมนไทน์ เป็นเค้กที่ปรุงแต่งด้วยคลีเมนไทน์เป็นหลัก อาจราดด้วยซอสหวานเคลือบ หรือซอส ผงน้ำตาล น้ำผึ้ง และคลีเมนไทน์ หรือผลไม้แช่อิ่ม หรือคลีเมนไทน์หวาน อาจมีที่มาจากเค้กส้มของอาหารชาวยิวเซฟาร์ดี ในวัฒนธรรมสมัยนิยมเค้กนี้มียังเป็นสาวนหนึ่งในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ เดอะซิเคร็ตไลฟ์ออฟวอลเตอร์มิตตี ในปี ค.ศ. 2013

การเตรียมการและรูปแบบต่าง ๆ[แก้]

เค้กคลีเมนไทน์ เตรียมการโดยใช้คลีเมนไทน์ รองพื้นโดยใช้อัลมอนด์ หรืออัลมอนด์ป่น[1][2] ส่วนผสมเสริม ได้แก่ น้ำส้ม มัสกัตส้ม นม ไวน์หวานขาว หรือไวน์รีสลิ่ง[3][4] น้ำมันส้ม หรือน้ำมันส้มเขียวหวาน (หรือทั้งสองอย่าง)[3] สารสกัดจากอัลมอนด์ และสารสกัดจากวานิลลา[3] มีรูปแบบบางอย่างเช่นเตรียมโดยไม่ต้องใช้แป้ง[2][5] นอกจากนี้ยังสามารถทำเป็นเค้กกลับหัวได้[6][7]

เค้กสามารถเตรียมด้วยคลีเมนไทน์และ/หรือเซสท์เคลเมนไทน์ผสมในแป้ง[1][8][9] บนด้านบนของเค้ก หรือชิ้นเค้ก หรือทั้งสองอย่าง[2] เมล็ดและเยื่อหุ้มของเคลเมนไทน์สามารถแกะออกได้ในขั้นตอนการเตรียม[2][4][10] หรือ จะใช้คลีเมนไทน์ไร้เมล็ดก็ได้[11] โดยเคลเมนไทน์ที่ใช้จะหั่นเป็นชิ้นทั้งหมดรวมทั้งเปลือก[1][12] หรือปอกเปลือกก็ได้[10] และสามารถปรุงคลีเมนไทน์ก่อนนำไปใช้ในแป้งเค้กได้[13] ผลไม้สามารถสับหรือปั่นโดยใช้เครื่องเตรียมอาหาร[13] คลีเมนไทน์หวานสามารถใช้บนเค้กหรือใช้เป็นเครื่องปรุงได้[3][2] โดยอัลมอนด์ที่ใช้สามารถปิ้ง หรือลวก[3][11]

เค้กคลีเมนไทน์สามารถปิดท้ายด้วยหน้าหวาน เช่น น้ำตาลหรือช็อกโกแลตเคลือบ,[2][14] ฟัดจ์หรือซอสช็อคโกแลต[8][15] น้ำตาลผงหรือน้ำผึ้ง[1][2][16] เค้กคลีเมนไทน์อาจจะแน่นและชื้น[10] และรสชาติอาจดีขึ้นในหนึ่งวันหรือนานกว่านั้นหลังการเตรียม[2][5][13] เพราะส่วนผสมจะผสมผสานและรวมตัวกันเพื่อเพิ่มรสชาติตามอายุ หลังจากปรุงแล้ว เค้กอาจจะบอบบางและสามารถตกได้หากบิดมากเกินไป[12] หลังปรุงเสร็จจึงควรแช่แข็งเพื่อรักษาไว้[17]

ประวัติ[แก้]

คลีเมนไทน์ที่ปอกเปลือก ผ่าครึ่งและผ่า

เค้กคลีเมนไทน์ อาจเกี่ยวข้องกับเค้กส้มเซฟาร์ดี[9] ชาวยิวเซฟาร์ตีนิยมปลูกส้มในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน[18] ในศตวรรษที่ 15 และนิยมใช้ส้มในขนมอบ นอกจากรสชาติไอบีเรียแล้ว เค้กยังมีรากของแอฟริกาเหนือและสเปนอีกด้วย[19]

ในวัฒนธรรมสมัยนิยม[แก้]

เค้กคลีเมนไทน์ มีส่วนเล็กน้อยในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่อง เดอะซิเคร็ตไลฟ์ออฟวอลเตอร์มิตตี ในปี ค.ศ. 2013 และรวมอยู่ในฉากเปิดของภาพยนตร์และในฉากเพิ่มเติมอีกสองถึงสามฉาก[2][12]

นิเกลลา ลอว์สัน เชฟชื่อดังชาวอังกฤษ ได้คิดค้นสูตรเค้กคลีเมนไทน์[2][5]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 "Clementine Cake". San Francisco Chronicle. January 8, 2015. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  2. 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 Linn, Virginia (February 26, 2014). "The secret cake in 'Walter Mitty'". The Daily Herald. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 Goldman, M. (2014). The Baker's Four Seasons: Baking by the Season, Harvest, and Occasion. Montreal, Canada: River Heart Press. pp. 270–272. ISBN 978-0-9865724-1-8.
  4. 4.0 4.1 Watson, Molly (January 13, 2015). "Recipe: Clementine Cake". Houston Chronicle. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  5. 5.0 5.1 5.2 Lawson, Nigella. "Clementine cake". Nigella Lawson. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  6. "Adorable Clementine Upside Down Cakes". The Huffington Post. March 18, 2013. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  7. McDonnell, Justin (February 18, 2015). "Kung Hei Fat Choy! Alternative ways to celebrate Chinese New Year". Time Out. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  8. 8.0 8.1 Killian, D. (2011). Death in a Difficult Position. A Mantra for Murder Mystery. Penguin Publishing Group. p. 206. ISBN 978-1-101-55111-0.
  9. 9.0 9.1 Willoughby, John (March 28, 2014). "Clementine Cake Recipe". The New York Times. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  10. 10.0 10.1 10.2 Cook, Crystal & Pollock, Sandy (2011). The Casserole Queens Cookbook: Put Some Lovin' in Your Oven With 100 Easy One-Dish Recipes. New York: Clarkson Potter. pp. 176–177. ISBN 978-0-307-71785-6.
  11. 11.0 11.1 "Clementine Cake With Cheesecake Cream: Lifestyles". St. Louis Post-Dispatch. Associated Press. January 1, 1970. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  12. 12.0 12.1 12.2 Lindahl, Nancy (January 8, 2014). "Sweet Basil the Bee: Sweet, little Clementines go into an intriguing, flour-less cake". Chico Enterprise-Record. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  13. 13.0 13.1 13.2 O'Sullivan, Lucinda (December 4, 2015). "What to eat when wheat is off the daily menu". Irish Independent. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  14. Willoughby, John (April 15, 2014). "John Willoughby's Chocolate Glaze Recipe". The New York Times. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  15. Page, Candace (February 12, 2015). "Taste test: What's the secret to great fudge sauce?". Burlington Free Press. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  16. Browne, Miranda G. (2014). Bake Me a Cake as Fast as You Can: Over 100 super easy, fast and delicious recipes. London: Ebury Publishing. p. 169. ISBN 978-1-4464-8917-8.
  17. Breyer, Melissa (January 5, 2015). "23 surprising foods you can freeze and how to do it". Mother Nature Network. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
  18. Marks, Gil (2010). Encyclopedia of Jewish Food. Wiley.
  19. Colquhoun, Anna. "Sephardi Orange and Almond Cake". Culinary Anthropologist. สืบค้นเมื่อ 28 September 2016.

ดูเพิ่ม[แก้]