เคาตมะ อทาณี
เคาตมะ อทาณี | |
|---|---|
 อทาณีเมื่อปี 2012 | |
| เกิด | เคาตมะ ศานติลาล อะทาณี 24 มิถุนายน ค.ศ. 1962 อะห์มดาบาด รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย |
| อาชีพ | นักธุรกิจ |
| ปีปฏิบัติงาน | 1978–ปัจจุบัน |
| ตำแหน่ง |
Organizational Founder
|
| คู่สมรส | ปรีติ อทาณี (สมรส 1986) |
| บุตร | 2 |
| บิดามารดา |
|
| ญาติ | วิโนฑ อทาณี (พี่/น้อง) ประณพ อทาณี (หลาน) |
เคาตมะ ศานติลาล อทาณี (คุชราต: ગૌતમ શાંતિલાલ અદાણી; Gautam Shantilal Adani, เกิด 24 มิถุนายน 1962) เป็นมหาเศรษฐีชาวอินเดีย ผู้ก่อตั้งและประธานเครืออทาณี กลุ่มบริษัทข้ามชาติสัญชาติอินเดีย[1] ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2024 อทาณีเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศอินเดีย[2] และของเอเชีย (รองจาก มุเกศ อัมพานี) และที่ 25 ของโลก ด้วยทรัพย์สินสุทธิ 577,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[3] ในปี 2022 ไทม์ ขึ้นชื่อเขาเป็นหนึ่งใน100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก[4]
อทาณีเคยถูกกล่าวว่าเป็นบุคคลใกล้ชิดของนายกรัฐมนตรี นเรนทระ โมที[5] ซึ่งนำไปสู่ข้อกล่าวหาเรื่องระบบพรรคพวก ซึ่งทั้งคู่ปฏิเสธ[6] เนื่องจากบริษัทในเครืออทาณีของเขาชนะการประมูลสัญญาก่อสร้างทั้งสาธารณูปโภคและพลังงานในประเทศนับตั้งแต่โมทีชนะการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีอินเดีย
ในเดือนมกราคม 2023 ฮินเดินบวร์ครีเสิร์ชกล่าวหาอทาณีว่าทำการปั่นหุ้นและฉ้อโกง[7] ในเดือนมกราคม 2024 ศาลสูงสุดอินเดียตัดสินข้อพิพาทเรื่องหุ้นของเครืออทาณีที่เกิดจากข้อกล่าวหาดังกล่าว ศาลยกคำร้องขอการสอบสวนโดย SIT หรือ CBI[8][9] ผลการตัดสินส่งผลให้ทรัพย์สินของอทาณีและครอบครัวลดลงมากกว่า 50%[10][11][12][13] เหลือ 54.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนตุลาคม 2023 และอันดับลงมาที่ 23 บนรายชื่อมหาเศรษฐีของฟอบส์[14] เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2024 สำนักงานอัยการสหรัฐฟ้องอทาณีในนครนิวยอร์ก โดยกล่าวหาว่าเขาวางแผนจ่ายเงินสินบนกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียเพื่อให้ได้สัญญาในรัฐอานธรประเทศ ฉัตตีสครห์ โอฑิศา ชัมมูและกัศมีร์ และทมิฬนาฑู ขณะที่ปกปิดแผนการดังกล่าวจากนักลงทุนชาวอเมริกัน[15][16][17]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Gautam Adani Bloomberg Index". Bloomberg.com. สืบค้นเมื่อ 11 February 2022.
- ↑ "Forbes Billionaire List". Forbes.
- ↑ "Forbes Billionaires List". Forbes. November 21, 2024.
- ↑ "Gautam Adani: The 100 Most Influential People of 2022". Time (ภาษาอังกฤษ). 23 May 2022. สืบค้นเมื่อ 9 August 2023.
- ↑ "The humbling of Gautam Adani is a test for Indian capitalism". The Economist. 9 February 2023.
- ↑ Biswas, Soutik (2 December 2022). "Gautam Adani: The school dropout's high-risk journey to become Asia's richest man". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 13 December 2022.
- ↑ "Adani Group: How The World's 3rd Richest Man Is Pulling The Largest Con In Corporate History". Hindenburg Research (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 24 January 2023. สืบค้นเมื่อ 5 February 2023.
- ↑ Mahapatra, Dhananjay (4 Jan 2024). "No inadequacy in Sebi probe: Supreme Court". The Times of India. สืบค้นเมื่อ 10 Jan 2024.
- ↑ Rajagopal, Krishnadas (3 Jan 2024). "Supreme Court upholds SEBI probe, turns focus on 'conduct' of Hindenburg". The Hindu. สืบค้นเมื่อ 10 Jan 2024.
- ↑ "How Gautam Adani Lost More Than $50 Billion In A Week—And His Ranking As Asia's Richest". Forbes. 26 January 2023.
- ↑ "Adani's $58 Billion Wealth Wipeout in Six Days Has Few Parallels". Bloomberg.com (ภาษาอังกฤษ). 2 February 2023. สืบค้นเมื่อ 3 February 2023.
- ↑ Iordache, Ruxandra (2 February 2023). "Adani losses top $100 billion in the wake of Hindenburg Research report". CNBC (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 3 February 2023.
- ↑ Shankar, Vivek (31 January 2023). "This Mogul Lost Tens of Billions of Dollars in Days. What Happened?". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 3 February 2023.
- ↑ "Profile Gautam Adani". Forbes. สืบค้นเมื่อ 5 February 2023.
- ↑ Luc Cohen; Jonathan Stempel (November 21, 2024). "Billionaire Gautam Adani of India's Adani Group charged in US with bribery, fraud". Reuters.
- ↑ "Eastern District of New York | Billionaire Chairman of Conglomerate and Seven Other Senior Business Executives Indicted in Connection with Scheme to Pay Hundreds of Millions of Dollars in Bribes and Conceal Bribery Scheme from U.S. Investors | United States Department of Justice".
- ↑ "Adani bribe row: US indictment names Andhra, Chhattisgarh, Odisha, J&K, Tamil Nadu". India Today (ภาษาอังกฤษ). 2024-11-21. สืบค้นเมื่อ 2024-11-21.