เครื่องราชบรรณาการ
เครื่องราชบรรณาการ หรือ เครื่องปัณณาการ[1] หมายถึงสิ่งของที่ผู้มีสภาพด้อยกว่านำไปฝากผู้อื่น เพื่อความรู้สึกที่ดีต่อกัน ในความหมายทางประวัติศาสตร์ของไทย หมายถึง สิ่งที่พระมหากษัตริย์หรือผู้ปกครองหรือเจ้าประเทศราช จัดส่งไปถวายแด่พระมหากษัตริย์อีกเมืองหนึ่งเพื่อแสดงไมตรีต่อกัน เช่น สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จัดให้เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นราชทูตเชิญเครื่องราชบรรณาการไปเจริญทางพระราชไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นต้น
อีกนัยหนึ่งเครื่องราชบรรณาการ คือ สัญลักษณ์แสดงความสวามิภักดิ์ของผู้เป็นข้าขอบเขตขัณฑสีมาต่อกษัตริย์แห่งแผ่นดินแม่ ในพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 แสดงให้เห็นว่าเมืองประเทศราช จะต้องส่งเครื่องราชบรรณาการเพื่อแสดงความสวามิภักดิ์ต่อเมืองใหญ่ทุก ๆ 3 ปี นอกจากต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ก็ไม่พบบันทึกอื่นใดกล่าวถึงเครื่องราชบรรณาการ จนถึง พ.ศ. 2430 จึงได้พบข้อความใน ราชกิจจานุเบกษา กล่าวถึงเมืองประเทศราชลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายเครื่องราชบรรณาการ เป็นต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ทองคำ เงิน งาช้าง หมอนสามเหลี่ยม เสื่อทองขาว
ถวายเครื่องราชบรรณาการ (ครั้งสุดท้าย)[2]
ประเพณีการถวายเครื่องราชบรรณาการจากเจ้าผู้ปกครองหัวเมืองประเทศราชได้ปฏิบัติตามธรรมเนียมตั้งแต่อดีตสืบมาจนกระทั่งมายุติในช่วงปลายปี พ.ศ. 2443 โดยมีรายละเอียดการถวายเครื่องราชบรรณาการจากเจ้าผู้ครองหัวเมืองประเทศราช งวดสุดท้าย ดังต่อไปนี้
- เมืองนครแพร่ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2443 โดย พระยาพิริยวิไชย เจ้าเมืองแพร่ เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์แสนซ้าย พร้อมด้วยหลวงอุตราภิบาล รองเสนาตำแหน่งวังเมืองแพร่ [3]
- เมืองนครลำพูน เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2446 โดย เจ้าอินทยงยศโชติ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พร้อมด้วยเจ้าราชภาคินัย (น้อยเมืองไทย) เจ้าราชภาคินัยนครลำพูน และพระยาพรหมปัญญา [4]
- เมืองนครน่าน เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2446 โดย พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 และองค์ที่ 13 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ พร้อมด้วยเจ้าบุรีรัตน์ (สุทธิสาร ณ น่าน) เจ้าบุรีรัตน์นครน่าน เสนาตำแห่งนานครน่าน, เจ้าสุริยวงศ์ (น้อยอินทนนท์ ณ น่าน) เจ้าสุริยวงศ์นครน่าน, เจ้านายน้อยเครื่อง, เจ้านายน้อยเมืองอิน, เจ้านายน้อยมหายศ, เจ้านายน้อยธรรมไชย แสนหลวงอินทร์อักษร และเจ้านายท้าวพระยาแสนเมืองนครน่านอีกหลายคน[5]
- เมืองนครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2447 โดย เจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พร้อมด้วยเจ้าราชภาคินัย, เจ้าราชวงศ์ (เลาแก้ว ณ เชียงใหม่) เจ้าราชวงศ์นครเชียงใหม่, เจ้าน้อยสมพมิตร เจ้าน้อยเมืองชื่น พระราชนายกเสนี และน้อยวุฒิวงษ์ บุตรพระราชนายกเสนี[6]
- เมืองนครลำปาง เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2449 โดย เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตฯ เจ้าผู้ครองนครลำปาง องค์ที่ 13 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พร้อมด้วยเจ้าราชสัมพันธวงษ์ เสนาตำแหน่งนา เมืองนครลำปาง, นายพันตรี เจ้าราชภาติกวงษ์ เสนาตำแหน่งทหาร เมืองนครลำปาง, และพระยาอุตรการโกศล เสนาตำแหน่งวัง เมืองนครลำปาง[7]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ อุดม รุ่งเรืองศรี, สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคเหนือ
- ↑ วรชาติ มีชูบท, เจ้านายฝ่ายเหนือ และตำนานรักมะเมียะ, กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊ค, 2556
- ↑ ข้าราชการหัวเมืองเหนือเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายเครื่องราชบรรณาการ เมื่อวันที่ ๘ ธ.ค. ๒๔๔๓ เล่ม ๑๗ ตอนที่ ๓๗ หน้า ๕๒๘
- ↑ เจ้านครลำพูน เฝ้าทูลลออองธุลีพระบาท ถวายต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการ เล่ม 20 ตอนที่ 31 วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 หน้า 525
- ↑ เจ้าเมืองประเทศราชเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เล่ม 20 ตอนที่ 32 วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 หน้า 538
- ↑ เจ้าประเทศราชเฝ้าถวายเครื่องราชบรรณาการ เจ้านครเชียงใหม่ เฝ้าถวายต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 21 ตอนที่ 28 วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2447
- ↑ ราชกิจานุเบกษา,ข้าราชการในเมืองมณฑลพายัพเฝ้าทูลเกล้าฯ ถวายต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๙