สโมสรฟุตบอลฮัลล์ซิตี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ฮัลล์ซิตี)
ฮัลล์ซิตี
ชื่อเต็มสโมสรฟุตบอลฮัลล์ซิตี
ฉายาThe Tigers
พี่เสือ (ภาษาไทย)
ก่อตั้ง1904
สนามเคซีสเตเดียม
คิงส์ตันอะพอนฮัลล์
อังกฤษ
Ground ความจุ25,588[1]
ประธานอัสเซม อัลลัม อียิปต์
ผู้จัดการแกรนต์ แม็คแคนน์ ไอร์แลนด์เหนือ
ลีกอีเอฟแอลแชมเปียนชิป
2022–23อันดับที่ 15
เว็บไซต์เว็บไซต์สโมสร
สีชุดทีมเยือน
สีชุดที่สาม
ฤดูกาลปัจจุบัน

สโมสรฟุตบอลฮัลล์ซิตี (อังกฤษ: Hull City A.F.C.) เป็นทีมฟุตบอลอาชีพทีมหนึ่งในฟุตบอลลีกอังกฤษ ตั้งอยู่ที่เมืองคิงส์ตันอะพอนฮัลล์ มีชื่อเล่นของทีมว่า ไทเกอส์ (เจ้าเสือน้อยหรือพี่เสือในภาษาไทย)

ประวัติ[แก้]

ฮัลล์ซิตีเป็นสโมสรฟุตบอลที่ตั้งมา 104 ปี ทว่าไร้ถ้วยรางวัลระดับใหญ่ อันดับในลีกสูงสุดที่เคยทำได้ก็คืออันดับที่สามของลีกอันดับสองของประเทศเท่านั้น หลังจากสโมสรถูกควบกิจการโดยแอดัม เพียร์สัน อดีตผู้อำนวยการด้านการเงินของลีดส์ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2000-2001 ในตอนนั้น ฮัลล์ซิตียังอยู่ในดิวิชันสาม โดยมีโอกาสเพลย์ออฟแต่ไม่ได้เข้าชิง เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของฮัลล์ซิตี โดยแอดัม เพียร์สัน ใช้เวลา 9 ปี เปลี่ยนไป 7 ผู้จัดการทีม จึงสามารถนำทีมธรรมดาอย่างฮัลล์ซิตีขึ้นสู่พรีเมียร์ชิพได้สำเร็จในสมัยที่ฟิล บราวน์ คุมทีม โดยฤดุกาล 2008/2009 ฮัลล์สร้างความฮือฮาให้วงการฟุตบอลด้วยการชนะถึง 7 จาก 9 นัดแรก รวมถึงการปราบทีมอย่างนิวคาสเซิลยูไนเต็ด อาร์เซนอล ทอตนัมฮอตสเปอร์ และเวสต์แฮม หลังจากนั้นผลงานทีมก็ตกต่ำลงอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล จนตกไปอยู่ในโซนตกชั้นและส่วนหนึ่งก็เกิดจากนักเตะตัวหลักโชว์ฟอร์มไม่ออกรวมไปถึงนักเตะที่ซื้อมาอย่างจิมมี่ บูลลาร์ดมีอาการบาดเจ็บ มานูโช่กองหน้าที่ยืมมาจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเล่นไม่ออก จนต้องไปลุ้นในวันสุดท้ายในเกมส์พบแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แม้จะแพ้ไป 1-0 แต่โชคดีที่นิวคาสเซิลยูไนเต็ดและซันเดอร์แลนด์ต่างพ่ายแพ้ทั้งคู่ ทำให้ฮัลล์รอดพ้นการตกชั้นได้สำเร็จและในช่วงต้นฤดูกาล 2009-2010 ฮัลล์เซ็นสัญญาคว้าตัว แยน เวนเนกอร์ออฟ ฮัสเซลลิง กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์มาแบบไร้ค่าตัวหลังจากหมดสัญญาจากกลาสโกว์เซลติก ซึ่งถือเป็นข่าวช็อกพอสมควรแต่ก็ไม่สามารถทำให้ฮัลล์ ผลงานดีขึ้นจนฟิล บราวน์ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังจากผลงานย่ำแย่จนตกไปอยู่ท้ายตารางสโมสรจึงมีมติแต่งตั้งเอียน ดาววี่ อดีตผู้จัดการทีมคริสตัลพาเลซเข้ามาคุมแต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมรอดตกชั้นได้

ในรายการเอฟเอคัพ ในฤดูกาล 2013-14 ฮัลล์ซิตีทำผลงานได้ดีมากจนสามารถผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกของสโมสร เมื่อต้องพบกับอาร์เซนอล เจ้าของแชมป์รายการนี้มากถึง 10 ครั้ง[2] แม้ฮัลล์ซิตีจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที 3-2 ประตูก็ตาม แต่ในช่วงต้นของการแข่งขัน เพียงแค่ 9 นาทีแรก ฮัลล์ซิตีเป็นฝ่ายได้ประตูนำไปก่อน 0-2 และสร้างความกดดันให้กับอาร์เซนอลได้เป็นอย่างดี[3] และทำให้ได้ผ่านไปเล่นในรายการยูฟ่ายูโรปาลีก (รอบคัดเลือกรอบสาม) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ในฐานะที่เป็นหนึ่งในทีมคู่ชิงเอฟเอคัพ[4]

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน[แก้]

ณ วันที่ 27 กันยายน 2019

หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ

เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
1 GK อังกฤษ จอร์จ ลอง
2 DF สหรัฐ เอริก ลีไฮ (กัปตันทีม)
3 DF อิหร่าน ไรอัน ทาฟาซอลลี
4 DF เนเธอร์แลนด์ ยอร์ดี เดอ ไวส์
5 DF อังกฤษ รีซ เบิร์ค
6 MF อังกฤษ เควิน สจวร์ต
7 MF ฝรั่งเศส มานูแอล เดวิด มิแล็งโกวิช
8 MF อังกฤษ ดาเนียล แบ็ตตี
9 FW อังกฤษ ทอม เอเวส
10 MF สเปน จอน โตรัล
11 MF โปแลนด์ คามิล โกรซิตสกี
12 GK อังกฤษ วิล แมนเนียน
13 GK อังกฤษ แม็ตต์ อินแกรม
15 DF อังกฤษ แองกัส แม็คโดนัลด์
16 DF อังกฤษ ร็อบบี แม็คเคนซี
เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
18 MF อังกฤษ จอร์จ ฮันนีแมน
19 MF อังกฤษ โจชัว โบว์เลอร์ (ยืมตัวจากเอฟเวอร์ตัน​)​
20 FW อังกฤษ จาร์ร็อด โบเวน
21 DF อังกฤษ แบรนดอน เฟลมมิง
22 MF นอร์เวย์ มาร์คัส เฮนริกเซน
23 DF สกอตแลนด์ สตีเฟน คิงสลีย์
24 FW ฮังการี นอร์เบิร์ต บาลอก
25 DF อังกฤษ แมททิว เพนนิงตัน (ยืมตัวจากเอฟเวอร์ตัน​)​
26 DF ออสเตรเลีย แคลลัม เอลเดอร์
27 FW ไอร์แลนด์เหนือ โจชัว มาเจนนิส
31 FW อังกฤษ คีน ลูอีส-พ็อตเตอร์
32 MF อังกฤษ บิลลี แชดวิค
33 MF อังกฤษ อาเหม็ด ซาลาม
36 MF ออสเตรเลีย แจ็คสัน เออร์ไวน์
37 MF โปรตุเกส ลีโอ โลเปซ
38 MF กายอานา เอลเลียต บอนส์

เกียรติประวัติ[แก้]

  • ดิวิชั่น 3
ชนะเลิศ (1) : 1965–66
รองชนะเลิศ (1) : 2013–14[3]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Interesting KC Stadium Facts". KC Stadium. สืบค้นเมื่อ 11 July 2011.
  2. "3 ชาติ 3 แชมป์". เดลินิวส์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-05-18. สืบค้นเมื่อ 2014-05-18.
  3. 3.0 3.1 "ยุติ 9 ปี "ปืน" พลิกแซงต่อเวลาซิว FA". ผู้จัดการออนไลน์. 18 May 2014. สืบค้นเมื่อ 18 May 2014.[ลิงก์เสีย]
  4. ""ปืน" ชิง "เอฟเอ คัพ" ภารกิจที่พลาดไม่ได้". ผู้จัดการออนไลน์. 16 May 2014. สืบค้นเมื่อ 18 May 2014.[ลิงก์เสีย]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]