ฮะชิม อัชอะรี
กิไย หัจญี ฮะชิม อัชอะรี | |
---|---|
![]() ฮะชิม อัชอะรี | |
เกิด | มุฮัมหมัด ฮะชิม 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1871[1] / 10 เมษายน ค.ศ. 1875[2] จมบัง, หมู่เกาะอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ |
เสียชีวิต | 25 กรกฎาคม พ.ศ. 1947 (อายุ 76/72 ปี) จมบัง, อินโดนีเซีย |
สัญชาติ | อินโดนีเซีย |
อาชีพ | อุละมะ |
มีชื่อเสียงจาก | ผู้นำของ นะฮ์ฎะตุล อุละมะ |
กิไย หัจญี ฮะชิม อัชอะรี (อินโดนีเซีย: Hasyim Asy'ari บางครั้งสะกด Hashim Ashari; 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1871 หรือ 10 เมษายน ค.ศ. 1875 – 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1947) เป็นอุละมะชาวอินโดนีเซีย วีรบุรุษแห่งชาติอินโดนีเซีย และเป็นผู้ก่อตั้งนะฮ์ฎะตุล อุละมะ
ประวัติ
[แก้]ฮะชิม อัชอะรี เกิดที่หมู่บ้านเกอะดัง อำเภอจมบัง [3] เมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1875 พ่อชื่อ อัชอะรี แม่ชื่อ ฮาลีมะฮ์ ครอบครัวของเขามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งในการบริหารเปอะซันเตริน (ปอเนาะ) ปู่ของเขา กิไย อุสมาน เป็นผู้ก่อตั้งเปอะซันเตรินเกดัง และปู่ทวดของเขาเป็นผู้ก่อตั้งเปอะซันเตริน ตัมบักเบอะรัส เขาเป็นบุตรชายคนที่สามจากพี่น้องทั้งหมดสิบคน [4]
เชื้อสายของฮะชิม อัชอะรี สืบเชื้อสายมาจากสุลต่านฮะดีวิชัยแห่งอาณาจักรปายัง และลึกกว่านั้นคือ พระเจ้าพระวิชัยที่ 6 (พระเจ้าคีรินทรวัฒนะ) กษัตริย์ของอาณาจักรมัชปาหิต
เขาได้รับการศึกษาจาก อิหม่าม อาหมัด กาติบ อัล-มินังกะบาวี อิหม่ามประจำมัสยิดอัล-ฮะรอม และอุลามะ ซึ่งยังเป็นอาจารย์ของ อะห์มัด ดะห์ลัน ผู้ก่อตั้งมุฮัมมะดิยะฮ์ [5]
เมื่ออายุได้ 20 ปี เขาได้แต่งงานกับคอดีญะห์ ลูกสาวของผู้นำเปอะซันเตรินซิวะลัน ปันยี 1 ปีต่อมา ครอบครัวเขาไปที่มักกะฮ์ หลังจากนั้นเจ็ดเดือน ภรรยาของเขาก็เสียชีวิต และอีก 2 เดือนต่อมา อับดุลละฮ์ ลูกชายของเขาก็เสียชีวิตด้วยเช่นกัน [6]
ในปี ค.ศ. 1899 เขาได้ก่อตั้งเปอะซันเตรินเตอะบุอิเริง ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเปอะซันเตรินที่ใหญ่ที่สุดในเกาะชวาในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยมีนักเรียน 4,000 คนในปี ค.ศ. 1947 [7] เปอะซันเตรินแห่งนี้ยังกลายเป็นศูนย์กลางในการปฏิรูปคำสอนอิสลามแบบพื้นบ้านอีกด้วย [8]
เมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1926 เขาและผู้นำศาสนาอิสลามสายพื้นบ้านหลายคนได้ก่อตั้งนะฮ์ฎะตุล อุละมะ ขึ้น ในช่วงยุคที่ญี่ปุ่นยึดครอง เขาถูกจับกุม และอีกหลายเดือนต่อมา เขาได้รับการปล่อยตัวและได้เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการศาสนา [8]
เขาเสียชีวิตกะทันหันในวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 ด้วยโรคความดันโลหิตสูง หลังจากได้ยินข่าวว่ากองทหารดัตช์ได้รับชัยชนะในการรบที่เมืองมาลัง[9]
ชีวิตส่วนตัว
[แก้]เขาแต่งงานเจ็ดครั้ง และภรรยาทั้งหมดของเขาล้วนเป็นลูกสาวของอุละมะ ภรรยา 4 คนของเขาคือคอดีญะห์, นาฟิซะฮ์, นาฟิกะห์ และ มัสรูเราะห์ ลูกชายคนหนึ่งของเขาชื่อ วาฮีด ฮะชิม เป็นหนึ่งในผู้ร่างกฎบัตรจาการ์ตา และต่อมาได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการศาสนาคนแรกของอินโดนีเซีย [10] ขณะที่อับดูร์ระฮ์มัน วาฮิด หลานของเขา ได้กลายเป็นประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนที่ 4
แหล่งอ้างอิง
[แก้]- ↑ "Biography of KH Hasyim Asy'ari: Origin, Genealogy, Thought, to Struggle". 21 April 2021.
- ↑ "The Struggle of KH Hasyim Asy'ari, the Missing National Hero in the Indonesian History Dictionary". 21 April 2021.
- ↑ Online, NU. "Keindonesiaan Kiai: Hasyim Asy'ari, Wahid Hasyim, dan Gus Dur | NU Online". NU Online (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2018-09-12.
- ↑ Khuluq 2008, pp. 16–18
- ↑ Saputra, Amrizal, Wira Sugiarto, Suyendri, Zulfan Ikhram, Khairil Anwar, M. Karya Mukhsin, Risman Hambali, Khoiri, Marzuli Ridwan Al-bantany, Zuriat Abdillah, Dede Satriani, Wan M. Fariq, Suwarto, Adi Sutrisno, Ahmad Fadhli (2020-10-15). PROFIL ULAMA KARISMATIK DI KABUPATEN BENGKALIS: MENELADANI SOSOK DAN PERJUANGAN (ภาษาอินโดนีเซีย). CV. DOTPLUS Publisher. p. 148. ISBN 978-623-94659-3-3.
- ↑ Khuluq 2008, pp. 19–20
- ↑ Naipaul, V. S. (Vidiadhar Surajprasad) (1999), Beyond belief : Islamic excursions among the converted peoples, Abacus, p. 32, ISBN 978-0-349-11010-3
- ↑ 8.0 8.1 "Ulama Pembaharu Pesantren". tokohindonesia.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 4, 2016. สืบค้นเมื่อ October 22, 2011.
- ↑ Khuluq 2008, p. 25
- ↑ Khuluq 2008, pp. 20–21
อ่านเพิ่มเติม
[แก้]- Khuluq, Lathiful (2008). Fajar Kebangunan Ulama: Biografi K.H. Hasyim Asy'ari. Yogyakarta: LKiS Yogyakarta. ISBN 978-979-8966-37-8.