อีซูซุ มิว-เอ็กซ์
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ | |
---|---|
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | Isuzu |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2556 - ปัจจุบัน |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดกลาง (Mid-size SUV) |
รูปแบบตัวถัง | SUV 5-ประตู |
โครงสร้าง |
|
รุ่นที่คล้ายกัน | อีซูซุ ดีแมคซ์ |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | อีซูซุ มิว-7 อีซูซุ แพนเทอร์ (อินโดนีเซีย)[ต้องการอ้างอิง] |
อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ (lang-en:Isuzu MU-X) เป็นประเภทของรถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดกลาง (Mid-size SUV) ของอีซูซุ ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจาก อีซูซุ มิว-เซเว่น โดยเริ่มผลิตครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2556 โดยได้ใช้โครงสร้างเดียวกันกับ อีซูซุ ดีแมคซ์
รุ่นก่อนหน้า อีซูซุ มิว-7 (พ.ศ. 2547 - 2555)
[แก้]ปี พ.ศ. 2547 “อีซูซุ มิว-7” (Isuzu MU-7) รถเอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่พัฒนาจากแพลทฟอร์มของรถปิกอัพออกสู่ตลาด
รุ่นที่ 1 (พ.ศ. 2556 - 2562)
[แก้]รุ่นที่ 1 (RF) | |
---|---|
ภาพรวม | |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2556 - 2562 |
แหล่งผลิต |
|
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รุ่นที่คล้ายกัน | |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ |
|
ระบบเกียร์ |
|
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,845 mm (112.0 in) |
ความยาว | 4,825 mm (190.0 in) |
ความกว้าง | 1,860 mm (73.2 in) |
ความสูง | 1,840 mm (72.4 in) |
อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ได้เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 และเริ่มจำหน่ายในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2556 ที่ประเทศไทย โดยรุ่นนี้ แม้จะใช้โครงสร้างเดียวกันกับอีซูซุ ดีแมคซ์ แต่ได้รับความร่วมมือกับ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถ ทำให้โครงสร้างบางส่วน ได้มาจากรถ เทรลเบลเซอร์ ในรุ่นที่ 2 ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้อีกด้วย
เครื่องยนต์
[แก้]Isuzu MU-X ในรหัส RF10 , RF20 มีเครื่องยนต์ 3 รุ่น คือ
- เครื่องยนต์ 4JK1-TCX ขนาด 2,499 ซีซี (2.5 Ddi VGS) พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGS และอินเตอร์คูลเลอร์ มีพละกำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 - 2,800 รอบ/นาที รองรับมาตรฐานไอเสีย EURO 6 มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด (วางจำหน่ายในรุ่นปี 2556 - 2558)
- เครื่องยนต์ RZ4E-TC ขนาด 1,898 ซีซี (1.9 Ddi Blue Power) พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGS และอินเตอร์คูลเลอร์ มีพละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 - 2,600 รอบ/นาที รองรับมาตรฐาน(UN) EURO 6 มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (วางจำหน่ายในรุ่นปี 2559 เป็นต้นไป แทนที่เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร)
- เครื่องยนต์ 4JJ1-TC ขนาด 2,999 ซีซี (3.0 Ddi VGS / Ddi VGS Blue Power) พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGS และอินเตอร์คูลเลอร์ มีพละกำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 - 2,800 รอบ/นาที รองรับมาตรฐานไอเสีย EURO 4 มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด , เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด (ในรุ่นปี 2556 - 2558) และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (ในรุ่นปี 2559 ขึ้นไป)
รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย
[แก้]ในรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีทั้งหมด 7 รุ่นย่อย โดยมีรุ่นและราคาเปิดตัวดังนี้
- รุ่น 2.5 4×2 CD AT ซึ่งเป็นตัวเริ่มต้น ราคา 1,044,000 บาท
- รุ่น 2.5 4×2 DVD AT ราคา 1,204,000 บาท
- รุ่น 2.5 4×2 DVD Navi MT ราคา 1,219,000 บาท
- รุ่น 2.5 4×2 DVD Navi AT ราคา 1,269,000 บาท
- รุ่น 3.0 4×2 DVD Navi AT ราคา 1,319,000 บาท
- รุ่น 3.0 4×4 DVD Navi AT ราคา 1,419,000 บาท
หลังจากนั้น ในวันที่ 25 มีนาคม 2559 ได้ทำการปรับโฉมใหม่ และทั้งนี้ ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ได้ถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ 1.9 ลิตรใหม่ และยังเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติใหม่ เป็น 6 สปีด จากนั้น ก็ได้ออกมาในรุ่นพิเศษในแต่ละปี โดยเริ่มจากรุ่น The ICONIC ที่เปิดตัวในปี 2561[1] , The Onyx ในปี 2562[2] และ The New Onyx ในปี 2563[3]
รุ่นที่ 2 (พ.ศ. 2563 - ปัจจุบัน)
[แก้]รุ่นที่ 2 (RJ) | |
---|---|
ภาพรวม | |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2563 - ปัจจุบัน |
แหล่งผลิต |
|
ผู้ออกแบบ | Hiroshi Sasajima, Tomonobu Nishikawa, Yukinari Kato, Motoyoshi Tono, Shigeya Takahashi, Kunio Yoshida, and Serizawa[4] |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
แพลตฟอร์ม | Isuzu Symmetric Mobility Platform |
รุ่นที่คล้ายกัน | |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ |
|
ระบบเกียร์ |
|
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,855 mm (112.4 in) |
ความยาว | 4,850 mm (190.9 in) |
ความกว้าง | 1,870 mm (73.6 in) |
ความสูง | 1,875 mm (73.8 in) |
น้ำหนัก | 1,820–1,955 kg (4,012–4,310 lb) |
ในรุ่นที่ 2 ของอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ได้เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 28 ตุลาคม 2563 ที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ประเทศไทย โดยรุ่นนี้ ยังใช้โครงสร้างเดียวกัน กับอีซูซุ ดีแมคซ์ ในรุ่นที่ 3 ด้วยแนวคิด ISUZU Symmetric Mobility[5]
เครื่องยนต์
[แก้]Isuzu MU-X ในรุ่นใหม่ปี 2563 มีเครื่องยนต์ 2 รุ่น คือ
- เครื่องยนต์ RZ4E-TC (1.9 Ddi Blue Power GEN 2) ขนาด 1,898 ซีซี พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGS และอินเตอร์คูลเลอร์ มีพละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 - 2,600 รอบ/นาที รองรับมาตรฐานไอเสีย EURO 4 / EURO 5 มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
- เครื่องยนต์ 4JJ3-TCX (3.0 Ddi VGS Blue Power) ขนาด 2,999 ซีซี พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบไฟฟ้า Electronic VGS และอินเตอร์คูลเลอร์ มีพละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 - 2,600 รอบ/นาที รองรับมาตรฐานไอเสีย EURO 4 / EURO 5 มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
รุ่นแรก ก่อนปรับโฉม
[แก้]รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย
[แก้]ในรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีทั้งหมด 4 เกรด โดยมีรุ่นดังนี้
- รุ่น ACTIVE เป็นรุ่นเริ่มต้น โดยได้ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว , ไฟหน้า Projector Lens และไฟ Daytime Running Lights แบบ LED , เครื่องเสียง วิทยุ AM / FM / Bluetooth พร้อม CD 1 จุด , ไฟท้าย LED พร้อมไฟหรี่ Winglet Signature LED และกุญแจรีโมท แบบ Integrated Key
- รุ่น LUXURY จะได้เพิ่มเติมคือ ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว , มาตรวัดเรืองแสง แบบ Super Vision พร้อมจอ TFT 4.3 นิ้ว , หน้าจอเครื่องเสียงขนาด 7 นิ้ว , ช่อง USB 2 ตำแหน่ง , มือจับภายในรถ 8 ตำแหน่ง , กุญแจรีโมทชนิดฝังชิพ (Immobilizer) , ระบบ Cruise Control และเบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- รุ่น ELEGANCE จะได้เพิ่มเติมคือ ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry พร้อม Push Start Button , ช่องชาร์จไฟบ้าน AC 220V , หน้าจอเครื่องเสียงขนาด 9 นิ้ว , เครื่องเล่น DVD 1 แผ่น , ลำโพง 8 ตำแหน่ง , ระบบปิด-เปิดท้ายรถด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันหนีบฝาท้าย , เซนเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 ตำแหน่ง และด้านหลัง 4 ตำแหน่ง , ระบบ Blind Spot Monitor พร้อม Rear Cross Traffic Alert และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
- รุ่น ULTIMATE เป็นรุ่นท็อปสุดในรุ่นจะได้ ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว , กระจังบังลมหน้า IR Cut , ไฟผู้โดยสารตอนหน้าแบบ Dome Light , ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ , ระบบสตาร์ทรถด้วยรีโมท Engine Remote Start , ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS พร้อมเรดาร์ 2 จุด[6]
ในรุ่น LUXURY จะมีเกียร์ธรรมดาเป็นรุ่นต่างหาก และรุ่น ULTIMATE จะมีเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นรุ่นย่อยเพิ่มเติม
รุ่นย่อยและเกรดเพิ่มเติมในรุ่นปี 2022
[แก้]ในวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา Isuzu MU-X ได้ออกรุ่นย่อยใหม่ 3.0 ELEGANCE AT เป็นรุ่นล่างลงมาจากรุ่น 3.0 ULTIMATE AT ในเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร และเพิ่ม 2 ออพชั่นใหม่คือ
- ระบบเตือนเมื่อเข้าศูนย์บริการ Service Assist ทุกรุ่น
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา Turn Assist with AEB ในรุ่น ULTIMATE
อีกทั้ง ยังได้ทำการยุติการจำหน่ายในรุ่น 1.9 LUXURY MT 2WD และปรับราคาเพิ่มขึ้น 10,000 บาท ในรุ่น ACTIVE , LUXURY , ELEGANCE และ 20,000 บาท ในรุ่น ULTIMATE[7][8]
รุ่นย่อยและเกรดเพิ่มเติมในรุ่นปี 2023
[แก้]ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ได้เพิ่มออพชั่น ระบบปิด-เปิดท้ายรถด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันหนีบฝาท้าย แบบ Smart Tailgate พร้อมเซ็นเซอร์ Kick Stand ในรุ่น ELEGANCE ขึ้นไป และได้ติดตั้งเครื่องเสียงใหม่ เป็นหน้าจอเครื่องเสียงขนาด 7 นิ้ว ในรุ่น ACTIVE และ หน้าจอเครื่องเสียงขนาด 9 นิ้ว ในรุ่น ELEGANCE ขึ้นไป
อุปกรณ์ที่แตกต่างจากเดิม
- เปลี่ยน กระจังหน้า ดีไซน์ใหม่ Black Chrome พร้อมด้วยชุดแต่งรอบคันสี Magnetite Gray และ ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ Winglet Signature โคมสีรมดำ
- ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ Aeroscrew (รุ่น Active)
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ Dynamic Design สี Magnetite Gray (รุ่น Elegant)
- ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ Dynamic Rotor Blade สี Magnetite Gray ปัดเงา (รุ่น Ultimate)
- เปลี่ยน สีเบาะนั่งแบบลดการสะสมความร้อน Cool Max สี Macchiato Brown น้ำตาลเทา สลับ น้ำตาลเข้ม และ วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร สีดำเงา Piano Black / Chrome
- เปลี่ยน การตกแต่งภายในเป็นโทนสี Macchiato Brown (ยกเว้นรุ่น Active)
- สีตัวถังภายนอกมาใหม่ สีน้ำเงิน Glacier Blue Mica มาแทน น้ำตาล Marrakesh Brown
- เพิ่มฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ทำงานร่วมกับระบบ Step Sensor
- ปรับอุปกรณ์ รุ่น 1.9 Active 6AT 2WD
- เพิ่ม หน้าจอเครื่องเสียง Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว, กล้องมองภาพขณะถอยจอด และ สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
อีกทั้ง ยังได้ทำการยุติการจำหน่ายในรุ่น 1.9 LUXURY และปรับราคาเพิ่มขึ้น 35,000 บาท ในรุ่น ACTIVE , 20,000 บาท ในรุ่น ELEGANCE และ 40,000 บาท ในรุ่น ULTIMATE[9]
รุ่นปี 2024 กับมาตรฐานการปล่อยไอเสียตามมาตรฐาน EURO 5
[แก้]จากการที่ประเทศไทย ได้บังคับให้ผู้ผลิตพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ให้ผ่านมาตรฐาน EURO 5 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา หลังจากบังคับใช้มาตรฐาน EURO 4 มาตั้งแต่ปี 2555[10]
อีซูซุ จึงต้องปรับปรุงเครื่องยนต์ดีเซล ให้ผ่านข้อกำหนดมาตรฐานไอเสีย Euro 5 โดยได้เพิ่มระบบกรองเขม่าไอเสีย หรือ Diesel Particulate Filter เข้าไป โดยไม่ต้องเพิ่ม AdBlue ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทางตรีเพชรอีซูซุเซลล์ จึงประกาศปรับราคารถเพิ่มขึ้นโดยมีผลตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไปโดย
- รถอีซูซุเครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ยูโร 5 ราคาเพิ่มขึ้น 15,000 บาท
- รถอีซูซุเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ยูโร 5 ราคาเพิ่มขึ้น 20,000 บาท[11][12]
รุ่น | เครื่องยนต์ | เกียร์ | ระบบขับเคลื่อน | ราคาเปิดตัว | ราคารุ่นปี 2021 | ราคารุ่นปี 2023 | ราคารุ่นปี 2024 (EURO 5) |
---|---|---|---|---|---|---|---|
1.9 ACTIVE AT | 1.9 ลิตร RZ4E-TC | เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ | ล้อหลัง (RWD) | 1,109,000 บาท | 1,119,000 บาท | 1,154,000 บาท | 1,189,000 บาท |
1.9 LUXURY MT | เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ | 1,254,000 บาท | ยุติจำหน่าย | ยุติจำหน่าย | |||
1.9 LUXURY AT | เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ | 1,304,000 บาท | 1,319,000 บาท | ||||
1.9 ELEGANCE AT | 1,349,000 บาท | 1,359,000 บาท | 1,379,000 บาท | 1,414,000 บาท | |||
1.9 ULTIMATE AT | 1,434,000 บาท | 1,454,000 บาท | 1,494,000 บาท | 1,529,000 บาท | |||
3.0 ELEGANCE AT | 3.0 ลิตร 4JJ3-TCX | ไม่มีจำหน่ายในช่วงเปิดตัว | 1,404,000 บาท | 1,424,000 บาท | 1,464,000 บาท | ||
3.0 ULTIMATE AT | 1,479,000 บาท | 1,499,000 บาท | 1,539,000 บาท | 1,579,000 บาท | |||
3.0 ULTIMATE AT 4WD | สี่ล้อ (4WD) | 1,579,000 บาท | 1,599,000 บาท | 1,639,000 บาท | 1,679,000 บาท |
ปรับโฉม
[แก้]รุ่นปี 2024 (The Next Peak)
[แก้]เปิดตัวในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นการปรับโฉมครั้งแรก โดยได้เพิ่มรุ่นย่อย RS เข้ามา และยกเลิกในรุ่น 3.0 ULTIMATE AT 4WD เป็นการเน้นการออกแบบตัวถังใหม่ พร้อมสีใหม่ สีเทานม Eiger Gray opaque โดยด้านหน้าออกแบบกันชนหน้าแบบ Fighter Jet พร้อมช่องรีดอากาศ Air Curtain เดียวกันกับ อีซูซุ ดี-แม็กซ์ , ออกแบบหน้าปัดใหม่ เป็นหน้าจอขนาด 7 นิ้ว , เปลี่ยนหน้าจอเครื่องเสียงใหม่ สูงสุดขนาด 9 นิ้วพร้อมรองรับ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย , พวงมาลัยไฟฟ้า และกล้อง 360 องศา
พร้อมทั้งนี้ ยังปรับปรุงระบบ ADAS โดยเพิ่มความปลอดภัยเพิ่มอีก 5 อย่างดังนี้
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System)
- ระบบช่วยควบคุมทิศทางของรถตามรถคันหน้า TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในสถานการณ์ฉุกเฉิน ELK (Emergency Lane Keeping)
- ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อม LDW (Lane Departure Warning) พร้อมระบบดึงพวงมาลัยกลับ LDP (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอย RCTA (Rear Cross Traffic Alert) พร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ RCTB (Rear Cross Traffic Brake)[13][14]
-
รุ่นปรับโฉม 2024 (3.0 Ultimate)
รุ่น | เครื่องยนต์ | เกียร์ | ระบบขับเคลื่อน | ราคาเปิดตัว |
---|---|---|---|---|
1.9 ACTIVE AT | 1.9 ลิตร RZ4E-TC | เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ | ล้อหลัง (RWD) | 1,184,000 บาท |
1.9 ELEGANCE AT | 1,419,000 บาท | |||
1.9 ULTIMATE AT | 1,544,000 บาท | |||
3.0 ELEGANCE AT | 3.0 ลิตร 4JJ3-TCX | 1,464,000 บาท | ||
3.0 ULTIMATE AT | 1,589,000 บาท | |||
3.0 RS AT RWD | 1,659,000 บาท | |||
3.0 RS AT 4WD | สี่ล้อ (4WD) | 1,759,000 บาท |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ราคาอย่างเป็นทางการ Isuzu MU-X รุ่นพิเศษ The ICONIC 1.9 / 3.0 2WD : 1,354,000 – 1,399,000 บาท". Headlight Magazine. 12 กุมภาพันธ์ 2561. สืบค้นเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help)CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "ราคาอย่างเป็นทางการ Isuzu MU-X ONYX (ออนิคซ์) 1.9 / 3.0 VGS : 1,364,000 – 1,409,000 บาท". Headlight Magazine. 12 กุมภาพันธ์ 2562. สืบค้นเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help)CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "ราคาอย่างเป็นทางการ Isuzu MU-X ONYX MY2020 (ออนิคซ์) : 1,364,000 – 1,409,000 บาท". Headlight Magazine. 6 กุมภาพันธ์ 2563. สืบค้นเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help)CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Design Inquiry". J-PlatPat. สืบค้นเมื่อ 2021-09-23.
- ↑ "อีซูซุเปิดตัว "ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์" เหนือทุกความเชื่อ...เหนือทุกความสำเร็จ พลิกโฉมความหรูหราที่มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสุดล้ำ". Isuzu TIS. ตุลาคม 2563. สืบค้นเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help)CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "เจาะสเป็ค – Option – ราคา : All NEW Isuzu MU-X : 1,109,000 – 1,579,000 บาท ทั้ง 7 รุ่นย่อย". Headlight Magazine. 29 ตุลาคม 2563. สืบค้นเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help)CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "ราคาอย่างเป็นทางการ Isuzu MU-X (MY2022) : 1,119,000 – 1,599,000 บาท เพิ่มระบบ Turn Assist with AEB". Headlight Magazine. 8 ตุลาคม 2564. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help)CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "ALL-NEW ISUZU MU-X เปิดขาย 7 รุ่น ราคาเริ่มต้นที่ 1,119,000 บาท". www.grandprix.co.th.
- ↑ Car250, นัท (2022-10-04). "เผยราคา ISUZU MU-X be UNCHARTED 6 รุ่นย่อย ใหม่ MY2023 พร้อม ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS ตารางผ่อนดาวน์ - ข่าวรถใหม่ ราคารถใหม่ โปรโมชั่นรถยนต์". CAR250. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-04. สืบค้นเมื่อ 2022-10-04.
- ↑ "มาตรฐาน Euro5 คืออะไร หลังไทยเริ่มบังคับใช้แล้ว ทางเลือกลดฝุ่น PM 2.5 - Ford RMA". 2024-03-20.
- ↑ "ราคาอย่างเป็นทางการ Isuzu MU-X (Euro 5) : 1,189,000 - 1,691,000 บาท | ปรับราคาเพิ่ม 15,000 - 20,000 บาท". HeadLight Magazine. 2024-03-29.
- ↑ "อีซูซุ ปรับราคารถมาตรฐานยูโร 5 เพิ่มขึ้น 15,000-20,000 บาท เริ่ม 1 เม.ย. 2024 - ข่าวในวงการรถยนต์ |". Autospinn.com (ภาษาThailand).
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "อีซูซุเปิดตัว ใหม่! MU-X "THE NEXT PEAK" จุดสูงสุดใหม่...กับชีวิตที่เหนือกว่า ส่งสุดยอดรถอเนกประสงค์ สู่ตลาดเมืองไทย". อีซูซุประเทศไทย Isuzu Thailand Official.
- ↑ "ราคาอย่างเป็นทางการ + เทียบสเป็ค Isuzu MU-X Minorchange 2024 : 1,184,000 - 1,759,000 บาท". HeadLight Magazine. 2024-06-12.