เขตบางกอกน้อย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก อำเภอบางกอกน้อย)
เขตบางกอกน้อย
การถอดเสียงอักษรโรมัน
 • อักษรโรมันKhet Bangkok Noi
จากซ้ายไปขวา บนลงล่าง:
คำขวัญ: 
สมเด็จโตวัดระฆัง วังหลังตั้งอยู่
อู่เรือพระราชพิธี สถานีรถไฟ
คลองใหญ่มีชื่อ เลื่องลือเครื่องลงหิน
นามระบิลช่างหล่อ งามลออวัดวา
แผนที่กรุงเทพมหานคร เน้นเขตบางกอกน้อย
แผนที่กรุงเทพมหานคร เน้นเขตบางกอกน้อย
พิกัด: 13°46′15.12″N 100°28′04.56″E / 13.7708667°N 100.4679333°E / 13.7708667; 100.4679333
ประเทศ ไทย
เขตปกครองพิเศษกรุงเทพมหานคร
พื้นที่
 • ทั้งหมด11.944 ตร.กม. (4.612 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2566)
 • ทั้งหมด98,028[1] คน
 • ความหนาแน่น8,207.30 คน/ตร.กม. (21,256.8 คน/ตร.ไมล์)
รหัสไปรษณีย์10700
รหัสภูมิศาสตร์1020
ที่อยู่
สำนักงาน
เลขที่ 9/99 ถนนบางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700
เว็บไซต์www.bangkok.go.th/bangkoknoi
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

บางกอกน้อย เป็นหนึ่งในห้าสิบเขตของกรุงเทพมหานคร ถือเป็นเขตอนุรักษ์เมืองเก่า แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมทางฝั่งธนบุรี โดยมีคำขวัญประจำเขตว่า "สมเด็จโตวัดระฆัง วังหลังตั้งอยู่ อู่เรือพระราชพิธี สถานีรถไฟ คลองใหญ่มีชื่อ เลื่องลือเครื่องลงหิน นามระบิลช่างหล่อ งามลออวัดวา"

ที่ตั้งและอาณาเขต[แก้]

เขตบางกอกน้อยตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีอาณาเขตติดต่อกับเขตต่าง ๆ เรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้

ประวัติศาสตร์[แก้]

เขตบางกอกน้อยเดิมมีชื่อเรียกว่า อำเภออมรินทร์ เป็นอำเภอที่ 21 ใน 25 อำเภอชั้นในของพระนครตามประกาศกระทรวงนครบาลใน พ.ศ. 2458

จากนั้นใน พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่ออำเภออมรินทร์เป็น อำเภอบางกอกน้อย (พร้อมกับเปลี่ยนชื่ออำเภอหงสารามเป็นอำเภอบางกอกใหญ่ เปลี่ยนชื่ออำเภอราชคฤห์เป็นอำเภอบางยี่เรือ และเปลี่ยนชื่ออำเภอบุปผารามเป็นอำเภอคลองสาน) เนื่องจากชื่อเดิมยังไม่เหมาะสมกับตำบลที่ตั้งอันเป็นหลักฐานโบราณ ในขณะนั้นอำเภอบางกอกน้อยมีเขตปกครอง 8 ตำบล คือ ตำบลบางอ้อ ตำบลบางพลัด ตำบลบางบำหรุ ตำบลบางยี่ขัน ตำบลบางขุนนนท์ ตำบลบางขุนศรี ตำบลศิริราช และตำบลบ้านช่างหล่อ

ต่อมามีประกาศคณะปฏิวัติให้รวมจังหวัดธนบุรีกับจังหวัดพระนครเข้าด้วยกันเป็นนครหลวงกรุงเทพธนบุรีใน พ.ศ. 2514[2] และเปลี่ยนรูปแบบเป็นกรุงเทพมหานครใน พ.ศ. 2515[3] ซึ่งได้เปลี่ยนคำว่าอำเภอเป็น "เขต" และตำบลเป็น "แขวง" ดังนั้น อำเภอบางกอกน้อยจึงได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะเป็น เขตบางกอกน้อย

ใน พ.ศ. 2532 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศเปลี่ยนแปลงพื้นที่เขตบางกอกน้อย โดยแบ่งพื้นที่แขวงบางพลัด แขวงบางอ้อ แขวงบางยี่ขัน และแขวงบางบำหรุ ไปจัดตั้งเป็นเขตบางพลัด เพื่อให้หน่วยงานราชการดูแลปกครองพื้นที่ได้สะดวกขึ้น

ใน พ.ศ. 2534 ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทยโอนพื้นที่เขตบางพลัดเฉพาะฝั่งใต้ของถนนบรมราชชนนีและถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้ากลับมาเป็นพื้นที่ของเขตบางกอกน้อย โดยพื้นที่ดังกล่าวได้รับการจัดตั้งเป็นแขวงอรุณอมรินทร์

การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]

แผนที่เขต

เขตบางกอกน้อยแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 5 แขวง ได้แก่

หมาย
เลข
อักษรไทย อักษรโรมัน พื้นที่
(ตร.กม.)
จำนวนประชากร
(ธันวาคม 2566)
ความหนาแน่น
(ธันวาคม 2566)
แผนที่
4.
ศิริราช Siri Rat
1.258
12,162
9,667.73
แผนที่
5.
บ้านช่างหล่อ Ban Chang Lo
2.076
26,830
12,923.89
6.
บางขุนนนท์ Bang Khun Non
1.492
10,340
6,930.30
7.
บางขุนศรี Bang Khun Si
4.360
30,149
6,914.91
9.
อรุณอมรินทร์ Arun Ammarin
2.758
18,547
6,724.80
ทั้งหมด
11.944
98,028
8,207.30

หมายเลขที่หายไปปัจจุบันคือแขวงในเขตบางพลัด

ประชากร[แก้]

การคมนาคม[แก้]

ถนนสายหลักในพื้นที่เขตบางกอกน้อย ได้แก่

ส่วนทางสายรองและทางลัด ได้แก่

สะพาน[แก้]

ทางน้ำ[แก้]

  • แม่น้ำเจ้าพระยา
  • คลองบางกอกน้อย
  • คลองชักพระ
  • คลองมอญ

สถานที่สำคัญ[แก้]

โรงพยาบาลศิริราช
พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน (สถานีรถไฟธนบุรีในอดีต))

ศาสนสถาน[แก้]

สถานศึกษา[แก้]

ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา

อาชีวศึกษา

  • วิทยาลัยเทคโนโลยีจรัลสนิทวงศ์
อุดมศึกษา

สถานพยาบาล[แก้]

สถานที่สำคัญอื่น ๆ[แก้]

เหตุการณ์สำคัญ[แก้]

เช้าวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2538 ผู้โดยสารหลายร้อยคนยืนรอเรือด่วนบนโป๊ะเทียบเรือที่ท่าพรานนก ซึ่งเป็นโป๊ะที่ใช้แทงก์ขนาดใหญ่ทำเป็นทุ่นลอยน้ำ มีแผ่นเหล็กเป็นพื้นรองรับ แต่เมื่อผู้โดยสารแย่งกันขึ้นเรือจนผู้โดยสารบางคนตกน้ำและเกิดการมุง ประกอบกับเรือได้กระแทกที่โป๊ะ ทำให้ตัวโป๊ะจมลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ประมาณ 10 นาทีหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมแพทย์ได้เข้าช่วยเหลือ และค้นหาผู้ประสบเหตุ พบผู้เสียชีวิตที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กนักเรียนติดอยู่ใต้ตัวโป๊ะที่มีหลังคาคลุม บางส่วนถูกกระแสไฟฟ้าที่รั่วจากหลังคาโป๊ะดูด จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 29 ราย

หลังเกิดเหตุการณ์ ได้มีการปรับปรุงโป๊ะตามท่าเรือเจ้าพระยาต่าง ๆ และมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ทางด้านญาติผู้เสียชีวิตได้ยื่นฟ้องบริษัท สุภัทรา จำกัด, บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา, กรุงเทพมหานครและกรมเจ้าท่า โดยบริษัทเอกชนได้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวนหนึ่งจนมีการถอนฟ้อง ในศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องกรมเจ้าท่า ต่อมาในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานครต้องชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 12 คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12,616,241 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ฟ้องเมื่อ พ.ศ. 2539 ซึ่งเมื่อรวมดอกเบี้ยแล้วเป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท โดยศาลวินิจฉัยว่ากรุงเทพมหานครกระทำการโดยประมาทจนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว

อ้างอิง[แก้]

  1. สำนักบริหารการทะเบียน. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "สถิติประชากรและบ้าน - จำนวนประชากรแยกรายอายุ." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.dopa.go.th/stat/statnew/upstat_age.php เก็บถาวร 2020-06-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. สืบค้น 26 มกราคม 2567.
  2. "ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 24" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 88 (พิเศษ 144 ก): 816–824. 21 ธันวาคม 2514. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-04-25. สืบค้นเมื่อ 2021-06-19.
  3. "ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 89 (พิเศษ 190 ก): 187–201. 13 ธันวาคม 2515.
  4. สำนักบริหารการทะเบียน. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "จำนวนประชากรและบ้าน." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.dopa.go.th/xstat/popyear.html 2556. สืบค้น 16 พฤศจิกายน 2559.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]