อาเลสซันโดร โฟลเรนซี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อาเลสซันโดร โฟลเรนซี
โฟลเรนซีเมื่อปี 2014
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม อาเลสซันโดร โฟลเรนซี
วันเกิด (1991-03-11) 11 มีนาคม ค.ศ. 1991 (33 ปี)
สถานที่เกิด โรม อิตาลี
ส่วนสูง 1.73 m (5 ft 8 in)[1]
ตำแหน่ง แบ็กขวา
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
เอซี มิลาน
หมายเลข 25
สโมสรเยาวชน
1995–2000 Atletico Acilia
2000–2002 Lodigiani Calcio
2002–2010 โรมา
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2011–2022 โรมา 227 (25)
2011–2012โกรโตเน (ยืม) 35 (11)
2020บาเลนเซีย (ยืม) 12 (0)
2020–2021ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง (ยืม) 21 (2)
2021–2022เอซี มิลาน (ยืม) 24 (2)
2022– เอซี มิลาน 0 (0)
ทีมชาติ
2011 อิตาลี อายุไม่เกิน 20 ปี 4 (0)
2011–2013 อิตาลี อายุไม่เกิน 21 ปี 18 (5)
2012– อิตาลี 49 (2)
เกียรติประวัติ
* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 17:08, 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 (UTC)
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2022

อาเลสซันโดร โฟลเรนซี (อิตาลี: Alessandro Florenzi; เกิด 11 มีนาคม ค.ศ. 1991) เป็นนักฟุตบอลชาวอิตาลี ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาให้แก่เอซี มิลานและทีมชาติอิตาลี

โฟลเรนซีเริ่มต้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรฟุตบอลโรมาในปี ค.ศ. 2011 และเขาได้ถูกส่งไปลับฝีเท้าที่สโมสรฟุตบอลโกรโตเน ในปี 2011-2012 ในระดับนานาชาติ เขาเป็นหนึ่งในทีมชาติอิตาลี ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งสามารถคว้าอันดับสองในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2013 ต่อมาเขาได้ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในตัวแทนของทีมชาติอิตาลีในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016

สโมสร[แก้]

โรมา[แก้]

ผลผลิตจากชุดเยาวชน ของโรมา โฟลเรนซีได้ลงสนามในการแข่งขันเซเรียอาครั้งแรก ในนัดที่ชนะ 3-1 กับซัมป์โดเรีย ในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 โดยถูกเปลี่ยนตัวกับฟรันเชสโก ตอตตี

ถูกส่งไปยังโกรโตเน[แก้]

ในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ. 2011 โฟลเรนซีได้ถูกส่งแบบยืมตัวไปยังสโมสรฟุตบอลโกรโตเนในเซเรียบี เขาได้ลงสนามครั้งแรกกับโกรโตเนในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2011 โดยสามารถยิงประตูในบ้านได้ ในนัดที่แพ้ให้กับลิวอร์โน 2-1
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2012 โกรโตเนได้ใช้สิทธิ์ในสัญญายืมตัว โดยซื้อสิทธิ์การเป็นเจ้าของร่วม (Co-Ownership) ในราคา 250,000 ยูโร อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 โรมาได้ทำการซื้อสิทธิ์การเป็นเจ้าของร่วมกลับมา ซึ่งเป็นเงิน 1.25 ล้านยูโร

กลับสู่โรมา[แก้]

โฟลเรนซีได้ลงเล่นนัดแรกในเซเรียอาฤดูกาล 2012-13 ในฐานะตัวสำรองในครึ่งหลังของเกมที่เสมอ 2-2 กับคาตาเนีย ในวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 2012 และหลังจากนั้นเขาได้เป็นตัวจริงในนัดที่ชนะอินเตอร์มิลาน 3-1 ในสัปดาห์ต่อมา ซึ่งเขาสามารถทำประตูแรกของเขาในเสื้อโรมาได้สำเร็จ[2] โฟลเรนซีลงเล่นจนจบฤดูกาลแรกของเขา ซึ่งลงเล่นไปถึง 36 นัด และทำได้ 3 ประตู, เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 โฟลเรนซีทำประตุและช่วยประตูในนัดที่ชนะ 3-1 กับ MLS All-stars ใน 2013 MLS All-Star Game โดยเขาได้มีชื่อใน MLS All-Star Game MVP [3]

ในเซเรียอาฤดูกาล 2013-2014 โฟลเรนซีได้ช่วยให้โรมาได้ที่ 2 ทำให้โรมากลับเข้ามาเล่นในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ฤดูกาล 2010–2011 โฟลเรนซียังเป็นส่วนสำคัญในชัยชนะทั้งสิบนัดของโรมา ตั้งแต่ต้นฤดูกาล โดยสามารถทำประได้ในนัดที่เจอกับลิวอร์โน, ปาร์มา, โบโลญญา และอินเตอร์มิลาน[4] เมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2014 โฟลเรนซีทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยจักรยานอากาศ ยิงประตูแรกให้กับโรมาในนัดที่ชนะ 4-0 ของ Roma กับเจนัว โดยโฟลเรนซีเล่นในเซเรียอาฤดูกาลนี้ไป 36 นัด จากทั้งหมด 38 นัด[5]

โฟลเรนซีได้ลงเล่นนัดแรกในเซเรียอาฤดูกาล 2014-15 เมื่อวันที่ 30 สิหาคม ค.ศ. 2014 ในฐานะตัวสำรองในครึ่งหลังในนัดที่ชนะฟีออเรนตีนา 2-0 จากนั้นเขาก็ได้เป็นตัวจริงในนัดที่ชนะเอ็มโปลี 0-1 เมื่อวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 2014 โฟลเรนซีได้ลงเล่นรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในฐานะตัวสำรอง โดยเปลี่ยนกับฮวน อิตูร์เบ้ ที่ได้รับบาดเจ็บ ในนัดที่ชนะ 5-1 กับซีเอสเคเอ มอสโก ในรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2014 [6] โฟลเรนซียิงประตูแรกของเขาในฤดูกาล ในนัดที่โรมาชนะ 2-0 กับกายารี่ โดยมีมัตเตีย เดสโตร เป็นผู้เปิดบอลมาให้ [7]

เมื่อวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2015 โฟลเรนซียิงประตูได้ไกลถึง 50 หลา ใส่แชมป์เก่าบาร์เซโลนา เมื่อเขาเห็นผู้รักษาประตูออกห่างจากประตู ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ส่งผลให้ตีเสมอ 1-1 [8] ซึ่งประตูนี้ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งในสามคนสุดท้ายสำหรับรางวัล 2015 FIFA Puskás Award [9]

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2016 โฟลเรนซีได้รับบาดเจ็บเส้นเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าซ้ายในนัดที่ชนะซัสซูโอโลนอกบ้าน 3-1 ทำให้เขาต้องไปพักรักษาอย่างน้อยสี่เดือน [10] เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 โฟลเรนซีถูกตัดสิทธิ์ในนัดที่เหลือของฤดูกาล จากการที่ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งในสัปดาห์แรกที่เขากลับมาฝึกซ้อม [11] เมื่อวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2017 เขาได้กลับมาในนัดที่โรมาเปิดบ้านชนะเฮลลาส เวโรนา 3-0 [12]

ทีมชาติ[แก้]

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 โฟลเรนซีได้ลงสนามนัดแรกของเขากับทีมชาติอิตาลี ภายใต้การคุมทีมของเซซาเร่ ปรันเดลลี่ ในนัดกระชับมิตรที่พบกับฝรั่งเศส [13]

โฟลเรนซีเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอิตาลี ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ที่ไปแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2013ที่ประเทศอิสราเอล ในนาม "อัซซูรินี่" ซึ่งผ่านการแข่งขันมาจนถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยแพ้ 4-2 ให้กับทีมชาติสเปน ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี [14] โดยโฟลเรนซีทำประตูได้เพียงประตูเดียวในการแข่งขัน ซึ่งทำได้ในรอบแบ่งกลุ่ม ที่ได้ชัยชนะเหนือประเทศเจ้าบ้าน 4-0 [15]

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 2013 โฟลเรนซียิงประตูแรกของเขาในการแข่งขันในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับอาร์เมเนียที่จบลงด้วยผลการแข่งขัน 2-2 ที่สนามสตาดีโอซานเปาโลในเนเปิลส์ [16] โฟลเรนซีไม่ถูกเลือกอยู่ในรายชื่อการทำทีมของเซซาเร่ ปรันเดลลี่ ในฟุตบอลโลก 2014 [17]

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2014 หัวหน้าโค้ชทีมชาติอิตาลีคนใหม่อันโตนิโอ คอนเต้ ได้ใส่ชื่อของโฟลเรนซีในตัวจริงของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบคัดเลือก [18][19] เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 เขาได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 23 คน จากคอนเต้ สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016[20]

รูปแบบการเล่น[แก้]

โฟลเรนซีเป็นนักเตะที่ใจสู้ ฉลาดรอบคอบ และเป็นนักเตะที่มีการเล่นหลากหลายมาก แม้ว่าตอนแรกเขาจะเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลาง แต่เขาก็สามารถเล่นได้ทุกที่ในตำแหน่งกองกลาง และเขายังสามารถเล่นในตำแหน่งปีกได้ และแม้กระทั่งเป็น ฟูลแบ็ก หรือวิงแบ็กตลอดการค้าแข้งของเขา [21][22] โฟลเรนซีเป็นนักเตะที่รวดเร็ว แข็งแรง และขยันเป็นอย่างมาก เขามีประสิทธิ์ภาพในการช่วยเหลือทีมทั้งในเกมรุก และเกมรับ ด้วยฝีเท้า และความอึดของเขา [23][24] เมื่อเขาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสรรค์เล่นเกมรุกของเขา [25][26] เขามีพรสวรรค์ด้านเทคนิค[27] การจ่ายบอล[23] และการเปิดบอลจากริมเส้น และแม้ว่าเขาจะมีขนาดตัวที่เล็ก แต่เขาก็เล่นลูกกลางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขายังเป็นกองหน้าที่ดี และเล่นลูกนิ่งได้อย่างแม่นยำ [26][28] โฟลเรนซีได้อ้างว่าเซสก์ ฟาเบรกัส เป็นไอดอลของเขา [22]

สถิติการลงเล่น[แก้]

สโมสร[แก้]

ณ วันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2018[16]
สโมสร ฤดูกาล ลีก โกปปาอีตาเลีย ฟุตบอลสโมสรยุโรป รายการอื่นๆ รวม
ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู
โรมา 2010–2011 1 0 0 0 0 0 0 0 1 0
2012–2013 36 3 3 1 39 4
2013–2014 37 6 4 0 41 6
2014–2015 35 5 1 0 9[a] 0 45 5
2015–2016 33 7 1 0 8 1 42 8
2016–2017 9 0 0 0 4 1 13 1
2017–2018 32 1 0 0 10 0 42 1
รวม 183 22 9 1 31 2 223 25
โกรโตเน (ยืม) 2011–2012 35 11 1 0 36 11
รวม 218 33 10 1 31 2 259 36

ทีมชาติ[แก้]

ณ วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2018.
ทีมชาติอิตาลี
ปี ลงเล่น ประตู
2012 1 0
2013 3 1
2014 3 0
2015 6 1
2016 11 0
2017 1 0
2018 3 0
รวม 28 2

ประตูในทีมชาติ[แก้]

ประตูที่ วันที่ สถานที่ คู่แข่ง ยิงเมื่อ ผลลัพธ์ การแข่งขัน
1. 15 ตุลาคม ค.ศ. 2013 สตาดีโอซานเปาโล, เนเปิลส์, อิตาลี ธงชาติอาร์มีเนีย อาร์มีเนีย 1–1 2–2 ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก
2. 13 ตุลาคม ค.ศ. 2015 สตาดีโอโอลิมปีโก, โรม, อิตาลี ธงชาตินอร์เวย์ นอร์เวย์ 1–1 2–1 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบคัดเลือก

เกียรติประวัติ[แก้]

สโมสร[แก้]

โรม่า[16]

รองแชมป์

ทีมชาติ[แก้]

อิตาลี ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี[16]

รองแชมป์

ส่วนบุคคล[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Alessandro Florenzi". ASRoma.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-06-15. สืบค้นเมื่อ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. "Inter-Roma 1-3 a San Siro Florenzi, magie di Osvaldo e Marquinho". Sport.ilmessaggero.it. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-10-06. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  3. 3.0 3.1 "All-Star: AS Roma's Alessandro Florenzi takes home MVP honors after notching goal, assist". MLS Soccer.com. 31 July 2013. สืบค้นเมื่อ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  4. "BBC Sport - Roma win opening 10 matches to set Serie A record". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  5. "Alessandro Florenzi Fantastic Bicycle Kick Goal AS Roma vs Genoa (Serie A 2014) HD - Football". Sport.Net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  6. "Gervinho helps Roma to overpower CSKA". Uefa.com. 17 กันยายน ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  7. "BBC Sport - Roma 2-0 Cagliari". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  8. "Roma 1-1 Barcelona: Alessandro Florenzi cancels out Luis Suarez's opener with long-range screamer as holders are held". Daily Mail. 17 กันยายน ค.ศ. 2015. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  9. "Puskás Award". FIFA.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-03. สืบค้นเมื่อ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  10. "Roma midfielder Florenzi out for months after tearing ACL". dailymail.co.uk. 27 ตุลาคม ค.ศ. 2017. สืบค้นเมื่อ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  11. http://www.espnfc.com/as-roma/story/3062584/romas-alessandro-florenzi-set-to-miss-rest-of-season-through-injury
  12. "Florenzi: 'I rested for 11 months...'". Football Italia. 16 กันยายน ค.ศ. 2017. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  13. "Sky Sports Scout - Alessandro Florenzi". Sky Sports. สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  14. "Italy U21 2 - 4 Spain U21". BBC. 18 มิถุนายน ค.ศ. 2013. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  15. "Italy vs. Israel: 4–0". UEFA.com. 8 มิถุนายน ค.ศ. 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=, |date= และ |archivedate= (help)
  16. 16.0 16.1 16.2 16.3 "Alessandro Florenzi Profile". soccerway.com. Soccerway. สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  17. "Florenzi on World Cup snub - Football Italia". Football-italia.net. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  18. Arjun Pradeep (30 สิงหาคม ค.ศ. 2014). "Conte names 27-man Squad To Face Netherlands and Norway". ItalianFootballDaily. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 กันยายน ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate=, |date= และ |archivedate= (help)
  19. "Balotelli and Pirlo out of Italy squad". Marca. 31 สิงหาคม ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  20. "OFFICIAL: Italy squad for Euro 2016". Football Italia. 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-06-03. สืบค้นเมื่อ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2016. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  21. "Champions, Garcia ci ripensa: Florenzi terzino destro" (ภาษาอิตาลี). La Repubblica. 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  22. 22.0 22.1 "Crotone, Florenzi: "A Roma mi conoscono"" (ภาษาอิตาลี). CalcioNews24.com. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  23. 23.0 23.1 "Core de Nonna, Florenzi regola il Cagliari" (ภาษาอิตาลี). Corriere Giallorosso. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  24. Andrea Tallarita (3 มิถุนายน ค.ศ. 2016). "Dear Matteo Darmian". Football Italia. สืบค้นเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  25. "L'intervista/ Conti racconta Florenzi: "Mi ricorda Bruno..."" (ภาษาอิตาลี). Il Messaggero. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  26. 26.0 26.1 "Florenzi, da Vitinia a Zemanlandia. Ecco la favola dell'incursore giallorosso" (ภาษาอิตาลี). VoceGiallorossa.it. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  27. "Breve apologia di Alessandro Florenzi in Nazionale" (ภาษาอิตาลี). Il Giornale. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  28. "Italia-Armenia 2-2. Balotelli non basta, gli Azzurri non sono testa di serie" (ภาษาอิตาลี). La Gazzetta dello Sport. 15 ตุลาคม ค.ศ. 2013. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม ค.ศ. 2015. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  29. "A Florenzi il "Pallone d'Argento" Coppa Giaimè Fiumano" (ภาษาอิตาลี). ussi.it. 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2016. สืบค้นเมื่อ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 2016. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]