ข้ามไปเนื้อหา

อับดุลลอฮ์ อิบน์ ซะบะอ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อับดุลลอฮ์ อิบน์ ซะบะอ์
เกิดป. คริสต์ศตวรรษที่ 7
ชื่ออื่น
  • อิบน์ ซะบาอ์
  • อิบน์ อัสเซาดาอ์
  • อิบน์ วะฮ์บ

อับดุลลอฮ์ อิบน์ ซะบะอ์ อัลฮิมยะรี (อาหรับ: عبد الله بن سبأ الحميري) บางครั้งเรียกเป็น อิบน์ ซะบาอ์, อิบน์ อัสเซาดาอ์ หรือ อิบน์ วะฮ์บ[1] เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์อิสลามเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 ที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ติดตามที่มีชื่อว่า ซะบะอียะฮ์ (سبئية)[2]

รายงานจากธรรมเนียมซุนนีและชีอะฮ์ อับดุลลอฮ์ อิบน์ ซะบะอ์เป็นชาวเยเมนเชื้อสายยิวจากชาวอาหรับ เผ่าฮิมยัรที่เข้ารีตเป็นอิสลามในสมัยอุษมาน[2][3] เนื่องจากการยกย่องอะลีอย่างเกินเหตุ ทำให้ตามธรรมเนียมถือให้เขาเป็นฆุลาตคนแรก ในบันทึกที่รวบรวมโดยซัยฟ์ อิบน์ อุมัร กล่าวกันว่าอิบน์ ซะบะอ์และซะบะอียะฮ์ ผู้ติดตามของเขา เป็นหนึ่งในกลุ่มที่หลอกล่อชาวอียิปต์ให้ต่อต้านอุษมาน และเป็นผู้รับผิดชอบต่อการทำลายใกล้ถิ่นฐานในสงครามอูฐ[4]

นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่มีความเห็นในเรื่องความเป็นประวัติศาสตร์ของอิบน์ ซะบะอ์แตกต่างกัน[1] บางคนเชื่อว่าอับดุลลอฮ์ อิบน์ ซะบะอ์และอิบน์ อัสเซาดาอ์เป็นคนละคน (ฮอดจ์สัน) บางคนกล่าวว่าเขาเป็นบุคคลกึ่งตำนานหรือเป็นตำนาน (ฏอฮา ฮุซัยน์, เบอร์นาร์ด ลิวอิส, วิลเฟรด มาเดอลุง, Leone Caetani และนักประวัติศาสตร์ชีอะฮ์)[5] ส่วนบางคนอย่างอิสราเอล ฟรีดแลนเดอร์, ซาบาติโน มอสกาตี และนักประวัติศาสตร์ซุนนียืนยันการมีตัวตน[5] ต้นกำเนิดชาวยิวของเขาก็เป็นประเด็นถกเถียง นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่บางส่วนยืนยันว่าซัยฟ์ อิบน์ อุมัรแต่งเรื่องเกี่ยวกับการสังหารอุษมานเพื่อ "ให้ชาวมะดีนะฮ์พ้นผิดจากการมีส่วนร่วมในการสังหารเคาะลีฟะฮ์" และการเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนอะลีให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากมุฮัมมัดไม่ปรากฏในสมัยอุษมาน[6] นักเขียนซุนนีสมัยใหม่ส่วนใหญ่ยืนยันการมีตัวตนของอิบน์ ซะบะอ์ ยกเว้นฏอฮา ฮุซัยน์[7]

ความเป็นประวัติศาสตร์

[แก้]

ข้อมูลตามธรรมเนียมซุนนีและชีอะฮ์รายงานว่า อับดุลลอฮ์ อิบน์ ซะบะอ์เป็นชาวเยเมนเชื้อสายยิวที่เข้ารีตเป็นอิสลาม[2][3] แต่นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่มีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับความเป็นประวัติศาสตร์ของอิบน์ ซะบะอ์ เอ็ม.จี.เอส. ฮอดจ์สันสงสัยว่าอิบน์ ซะบะอ์เป็นยิวหรือไม่ และเสนอแนะว่าอิบน์ ซะบะอ์และอิบน์ อัสเซาดาอ์เป็นสองคนที่แตกต่างกัน[1][2][8] Leone Caetani รายงานว่า ต้นตอของอิบน์ ซะบะอ์เป็นเพียงผู้สนับสนุนทางการเมืองของอะลี โดยเฉพาะ "คนรุ่นหลังที่จินตนาการถึงแผนการสมคบคิดทางศาสนาเช่นเดียวกับของราชวงศ์อับบาซียะฮ์"[1] ฏอฮา ฮุซัยน์และอะลี อัลวัรดียังคงยืนกรานว่าอิบน์ ซะบะอ์เป็นสิ่งที่สร้างจากโฆษณาชวนเชื่อของอุมัยยะฮ์[9]

อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์บางส่วนยืนยันการมีตัวตนของอิบน์ ซะบะอ์หรือผู้ติดตามของเขา อิสราเอล ฟรีดแลนเดอร์สรุปว่าอิบน์ ซะบะอ์และซะบะอียะฮ์มีตัวตนจริง ผลงานของเขาได้รับการรับรองโดย Sabatino Moscati.[5] Linda D. Lau และ A. R. Armush ก็ยอมรับรายงานและบทบาทของซะบะอียะฮ์ในสงครามอูฐของซัยฟ์ อิบน์ อุมัร[4]

ในด้านเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาของอิบน์ ซะบะอ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อของพวกซะบะอียะฮ์ ดับเบิลยู. เอฟ. ทักเกอร์ ตั้งข้อสังเกตว่าความเชื่อดังกล่าวมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นและบันทึกไว้ได้ดีกว่าในแหล่งข้อมูลที่อุทิศให้กับการนอกรีต[5] Matti Musa ชี้ให้เห็นว่าซะบะอียะฮ์ที่เป็นลัทธิฆุลาตมีอยู่จริง โดยสังเกตว่ามุมมองของพวกเขาได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังโดยนักวิชาการด้านการนอกรีตทั้งนิกายซุนนีและชีอะฮ์[6] ฮอดจ์สันระบุว่ามีข้อขัดแย้งในทัศนคติทางศาสนาที่มีต่อตัวเขาและผู้ติดตาม แต่เราสามารถสรุปได้ว่าเขาเป็นผู้ก่อตั้งหรือวีรบุรุษของนิกายหนึ่งนิกายหรือมากกว่าที่เรียกว่าซะบะอียะฮ์ ซึ่งสรรเสริญตำแหน่งของอะลี[1]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 3 4 5 Hodgson, M. G. S. (1960). "ʿAbd Allāh ibn Sabaʾ". Encyclopaedia of Islam. Vol. 1 (2nd ed.). Brill Academic Publishers. p. 51. ISBN 90-04-08114-3.
  2. 1 2 3 4 Abd Allah b. Saba, M.G.S. Hodgson, The Encyclopaedia of Islam, Vol. I, ed. H. A. R. Gibb, J. H. Kramers, E. Levi-Provencal, J. Schacht, (Brill, 1986), 51.
  3. 1 2 Anthony, Sean (2011-11-25). The Caliph and the Heretic: Ibn Saba' and the Origins of Shi'ism. BRILL. p. 71. ISBN 9789004209305. Equally impressive, perhaps, is the sobriety with which Imami sources confirm the heresiarch's Jewish identity, as well as how salient this datum persists through the heresiographical literature, and this despite Sunni polemics against Shi'ism as being polluted by Judaic beliefs. Indeed, of all the components of Ibn al-Sawda's identity proffered by Sayf, that he was a Jew enjoys the broadest attestation elsewhere by far.
  4. 1 2 Landau-Tasseron, Ella (January 1990). "Sayf Ibn 'Umar in Medieval and Modern Scholarship". Der Islam. 67: 1–26. doi:10.1515/islm.1990.67.1.1. ISSN 1613-0928. S2CID 164155720. But Linda D. Lau and A. R. Armush, in what seem to be independent studies, reached the conclusion that Sayf's explanation is not only the sole existing one, but is also governed by inner logic so that there is no reason to reject it.
  5. 1 2 3 4 Tucker, William Frederick (2008). Mahdis and millenarians: Shī'ite extremists in early Muslim Iraq. Cambridge University Press. pp. 10–12. ISBN 978-0-521-88384-9.
  6. 1 2 Moosa, Matti (1987). Extremist Shiites: the ghulat sects. Syracuse, New York, USA: Syracuse University Press. p. 580. ISBN 978-0-8156-2411-0.
  7. Al-Samarrai, Qasim (2000), "Sayf ibn ʿUmar and ibn Sabaʾ: A new approach", ใน Tudor Parfitt (บ.ก.), Israel and Ishmael: studies in Muslim-Jewish relations, Palgrave Macmillan, pp. 52–58, ISBN 978-0-312-22228-4
  8. Robert L. Canfield, Turko-Persia in Historical Perspective, Cambridge University Press, 2002, Page 159, ISBN 978-0-521-52291-5
  9. Bernard Lewis; Peter Malcolm Holt (1962). Historians of the Middle East Volume 4 of Historical writing on the peoples of Asia, University of London School of Oriental and African Studies. Oxford University Press.

ข้อมูล

[แก้]

อ่านเพิ่ม

[แก้]

อ่านเพิ่มจากข้อมูลชีอะฮ์ดั้งเดิม:

  1. Tarikh Tabri, Volume 3, page 177.
  2. [Tarikh Damishq, 7:430]
  3. [Rijal-i-Kashi, page 71].
  4. [al-Maqaalaat wal-Firaq page 20].
  5. Tanqih al-Maqaal Fi Ilm al-Rijaal (2/183-184).
  6. Ibn Abi al-Hadeed, Sharh Nahj al-Balaaghah (5/5).
  7. Ni'matullah al-Jazaa'iree, al-Anwaar al-Nu'maaniyyah (2/234)
  8. Nau Bakhti, [Khandan-i-Nau-Bakhti, page 275].
  9. Muhammad Ali al-Mual'lim, "Abdullah bin Saba: The Unknown reality", page X.
  10. Bihar Al Anwar, By Allama Baqir Majlasi, 97/65.
  11. Fundamental Shi'te Beliefs, Pages 11–13.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]