อังแดร วีลัช-โบอัช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก อังเดร วิลลัช-โบอัช)
อังแดร วีลัช-โบอัช
วีลัช-โบอัชใน ค.ศ. 2018
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม ลูอิช อังแดร ดึ ปีนา กาบรัล อี วีลัช-โบอัช
วันเกิด (1977-10-17) 17 ตุลาคม ค.ศ. 1977 (46 ปี)[1]
สถานที่เกิด โปร์ตู โปรตุเกส
ส่วนสูง 1.82 m (5 ft 11 12 in)[1]
จัดการทีม
ปี ทีม
2009–2010 อากาแดมีกา
2010–2011 โปร์ตู
2011–2012 เชลซี
2012–2013 ทอตนัมฮอตสเปอร์
2014–2016 เซนิตเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก
2016–2017 เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี
2019–2021 มาร์แซย์

ลูอิช อังแดร ดึ ปีนา กาบรัล อี วีลัช-โบอัช (โปรตุเกส: Luís André de Pina Cabral e Villas-Boas)[1] หรือ อังแดร วีลัช-โบอัช (เกิด 17 ตุลาคม ค.ศ. 1977)[2] เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวโปรตุเกส

วีลัช-โบอัชมีความพิเศษกว่าผู้จัดการทีมหลายคนจากการที่ไม่มีประสบการณ์การเล่นฟุตบอลอาชีพเลย และก้าวมาเป็นผู้จัดการทีมสโมสรใหญ่ด้วยประสบการณ์การคุมทีมที่น้อยนิดและอายุยังไม่มาก โดยเขาเป็นผู้จัดการทีมอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่พาทีมคว้าแชมป์ยุโรป รวมทั้งล่าสุดเขาเป็นกุนซือที่มีค่าตัวแพงที่สุด คือ 15 ล้านยูโร

อาชีพผู้จัดการทีม[แก้]

เมื่อเขาอายุ 16 ปี วีลัช-โบอัช (ซึ่งเป็นแฟนบอลทีมโปร์ตู) อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกับเซอร์ บ็อบบี ร็อบสัน ซึ่งขณะนั้นยังคุมทีมโปร์ตูอยู่ วีลัช-โบอัชได้รู้จักและได้รับคำแนะนำและความช่วยเหลือจาก "ปู่บ็อบ" ซึ่งชื่นชอบในความมุ่งมั่นของเขาและได้พาเขาไปที่ลีลล์แชลล์ (Lilleshall - หนึ่งในศูนย์กีฬาแห่งชาติของประเทศอังกฤษ)[3] และในที่สุด เขาได้รับใบประกอบวิชาชีพโค้ชของยูฟ่าระดับซี (C licence) เมื่ออายุเพียง 17 ปีที่สกอตแลนด์ จากนั้นเขาได้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของทีมชาติหมู่เกาะบริติชเวอร์จินเป็นเวลาสั้น ๆ ขณะที่อายุเพียง 21 ปี[4] โดยที่เขาไม่บอกอายุให้ใครรู้จนกระทั่งได้ลาออกไปแล้ว[5] ก่อนที่ต่อมาเขาจะกลายเป็นผู้ช่วยของโชเซ มูรีนโยที่โปร์ตู ซึ่งเมื่อมูรีนโยย้ายไปอยู่เชลซีและอินเตอร์ตามลำดับ เขาก็ตามโค้ช "สเปเชียลวัน" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผู้ที่สนับสนุนเขานอกจากเซอร์บ็อบบี้ ร็อบสันไปด้วย

อากาเดมีกา[แก้]

ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 2009-2010 วีลัช-โบอัชได้ทิ้งการเป็นเพียงทีมงานของมูรีนโยเพื่อไล่ล่าตำแหน่งผู้จัดการทีมที่ใฝ่ฝัน และไม่ช้าเขาก็ได้งานคุมทีมสโมสรอากาแดมีกาดึกูอิงบรา (Académica de Coimbra) ในปรีไมราลีกา หรือลีกสูงสุดของโปรตุเกส ในขณะที่เขารับงานนั้น สโมสรอยู่ในโซนท้ายตารางและยังไม่ชนะใครเลย แต่โชคชะตาก็เริ่มพลิกผันเมื่อวีลัช-โบอัชได้นำระบบการเล่นแบบใหม่เข้ามา จนทำให้ทีมรอดพ้นการตกชั้นโดยมีแต้มเหนือโซนตกชั้นถึง 10 คะแนน และได้อันดับที่ 11 นอกจากนี้ ยังทำผลงานในโปรตุกีสลีกคัพ หรือบอลถ้วยของโปรตุเกสได้ดี โดยพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศหรือ 4 ทีมสุดท้าย ก่อนแพ้ให้กับทีมใหญ่อย่างโปร์ตูไปอย่างหวุดหวิด ด้วยประตูชัยท้ายเกมของมาเรียโน กอนซาเลซ ผลงานของเขากับอคาเดมิกาไม่ใช่เพียงผลการแข่งขันที่น่าพอใจ แต่ยังมีสไตล์การเล่นที่ดึงดูดใจ (attractive football) จนทำให้สื่อโยงเขากับตำแหน่งกุนซือของทีมสปอร์ติงลิสบอนที่ว่างลงในหน้าร้อนปี 2010 (2553)

โปร์ตู[แก้]

เมื่อเชซูอัลโด ฟีไรรา (Jesualdo Ferreira) พ้นตำแหน่งผู้จัดการทีมโปร์ตูไป ชื่อของวีลัช-โบอัชก็เข้ามาเชื่อมโยงกับงานที่ถิ่นอิชตาดีอูดูดราเกา (Estádio do Dragão) นี้ด้วย และท้ายที่สุดก็เป็นเขาที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของโปร์ตู ในวันที่ 2 มิถุนายน 2010 (2553) ก่อนที่จะมาปรากฏตัวในอีก 2 วันต่อมา และภายในเวลาอันรวดเร็ว เขาก็พาทีมคว้าแชมป์แรก คือ โปรตุกีส ซุปเปอร์ คัพ ที่นำแชมป์ลีกกับแชมป์บอลถ้วยของโปรตุเกสมาแข่งกันก่อนเปิดฤดูกาล โดยผลปรากฏว่าทีมโปร์ตูของวีลัช-โบอัชเอาชนะเบนฟิก้าไป 2-0 ก่อนที่จะประสบความสำเร็จมากมายในฤดูกาลแรกกับโปร์ตูทั้งปรีไมราลีกา ยูโรป้า ลีก และโปรตุกีส คัพ

ผลงานของเขากับโปร์ตูในฤดูกาลแรกมี ดังนี้

  • คว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2011 (2554) โดยเป็นผู้จัดการทีมอายุน้อยที่สุดที่ชนะการแข่งขันในถ้วยยุโรปด้วยอายุเพียง 33 ปี 213 วัน
  • ทำสถิติไร้พ่ายติดต่อกันทุกรายการสูงสุดของสโมสรด้วยจำนวน 36 นัด ทำลายสิถิติที่โชเซ่ มูรินโญ่ทำไว้ที่ 33 นัด อย่างไรก็ดี สถิตินี้นับรวมสถิติการคุมทีมของเชซูอัลโด แฟร์เรร่า โค้ชคนเก่าด้วย
  • ทำสถิติชนะมากที่สุดในถ้วยยุโรปในที่ฤดูกาลสำหรับทีมจากโปรตุเกส คือ 14 นัด
  • ทำแต้มได้มากที่สุดจาก 30 นัดในลีก คือ 84 แต้ม
  • พาทีมชนะในลีกติดต่อกันมากที่สุด คือ 16 นัด
  • พาทีมคว้าแชมป์ลีกโดยทำแต้มทิ้งห่างจากอันดับสองมากที่สุด คือ 21 แต้ม
  • พาทีมคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกสโดยไม่แพ้ใคร โดยก่อนหน้านี้มีเพียงเบนฟิก้าที่ทำได้ในฤดูกาล 1972-73 (2515-16)
  • ในวันที่ 3 เมษายน 2011 วีลัช-โบอัช คว้าแชมป์ลีกโปรตุเกสได้โดยเหลือการแข่งขันอีกถึง 5 นัด และกลายเป็นโค้ชที่อายุน้อยที่สุดเป็นรองแค่ มิฮาไล ซิซท์กา (Mihály Sistka) ที่ทำได้ในฤดูกาล 1938-39 (2471-72) และชูกา (Juca) ในฤดูกาล 1961-62 (2504-05)
  • ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2011 วีลัช-โบอัช คว้าแชมป์โปรตุกีส คัพ ทำให้เท่ากับโทมิสลาฟ อิวิช (Tomislav Ivić) ที่พาโปร์ตูคว้า 4 แชมป์เมื่อฤดูกาล 1987-88 (2530-31)

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2011 วีลัช-โบอัชยื่นเรื่องลาออกจากการคุมทีมโปร์ตู และอีกหนึ่งวันให้หลัง เขาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของเชลซี

เชลซี[แก้]

โบอัช สมัยอยู่กับ สโมสรฟุตบอลเชลซี ใน พรีเมียร์ลีก

ในวันที่ 20 มิถุนายน 2011 โปร์ตูได้แจ้งให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์โปรตุเกส (Portuguese Securities Market Commission) ทราบว่ามี "การแจ้งเจตจำนงของอังแดร วีลัช-โบอัช ที่จะยกเลิกสัญญาของเขากับสโมสรด้วยข้อเสนอ 15 ล้านยูโรในทันที สัญญาจะสิ้นสุดลงเมื่อจำนวนเงินตามข้อเรียกร้องมีการชำระแล้ว" ข้อเสนอเพื่อยกเลิกสัญญามูลค่า 15 ล้านยูโร ยังปรากฏว่าได้รับการยืนยันจากแถลงการณ์ของสโมสรในวันก่อนหน้านี้ด้วย รายงานต่อมาจากบีบีซี (BBC) และแหล่งข่าวในโปรตุเกสชื่อ ลูซา (Lusa) กล่าวว่า เชลซีได้แต่งตั้งวีลัช-โบอัชเป็นโค้ชคนใหม่แล้ว แต่เชลซีได้ปฏิเสธรายงานดังกล่าว โดยบอกว่าหวังว่าจะสามารถแถลงอย่างเป็นทางการได้ในไม่กี่วันนี้ ก่อนที่ในวันที่ 21 มิถุนายน เชลซีจะได้จ่ายเงินให้กับโปร์ตูจำนวนเกือบ 15 ล้านยูโร หรือ 13.3 ล้านปอนด์ เป็นการชดเชยเพื่อให้ปล่อยตัววีลัช-โบอัช จากสัญญากับโปร์ตู และเมื่อจ่ายเงินชดเชยแล้ว เชลซีจึงได้ยืนยันว่าพวกเขาสนใจในตัววีลัช-โบอัช และออกแถลงการณ์ว่า "พวกเราขอชี้แจงว่าข้อเสนอให้ปล่อยตัวอังแดร วีลัช-โบอัช ได้มีผลแล้ว เราสามารถยืนยันความสนใจของเราต่อเขาได้แล้วในเวลานี้ และหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงส่วนตัวต่างๆกับเขา และออกแถลงการณ์ความคืบหน้าในอนาคตอันใกล้นี้" สุดท้ายในวันที่ 22 มิถุนายน เชลซีก็ได้ยืนยันการแต่งตั้ง วีลัช-โบอัช เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ด้วยสัญญา 3 ปี และมีผลในทันที

แต่ปรากฏว่าผลงานของเชลซีนั้นไม่ดีเลย คณะผู้บริหารจึงมีมติปลดวีลัช-โบอัชออกจากตำแหน่ง หลังจากเกมในพรีเมียร์ลีกที่แพ้เวสต์บรอมวิชอัลเบียนไป 0-1 ในต้นเดือนมีนาคม 2012[6]

ทอตนัมฮอตสเปอร์[แก้]

อังแดร วิลลัส-โบอัช กลายเป็นผู้จัดการทีมทอตนัมฮอตสเปอร์คนแรก ที่สามารถพาทีมเอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไป 2-3 ได้ถึงสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2012 และเป็นทีมเดียวที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่สามารถเอาชนะได้ ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2012-2013[7]

เกียรติประวัติในการคุมทีม[แก้]

โปร์ตู[แก้]

ส่วนตัว[แก้]

สถิติการคุมทีม[แก้]

Team Nat From To Record
G W D L GF GA Win %
หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน 2000 2001 2 0 0 2 1 14 000.00
อากาแดมีกาดึกูอิงบรา โปรตุเกส 14 ตุลาคม 2009 2 มิถุนายน 2010 30 11 9 10 38 35 036.67
โปร์ตู โปรตุเกส 2 มิถุนายน 2010 21 มิถุนายน 2011 58 49 5 4 145 42 084.48
เชลซี อังกฤษ 22 มิถุนายน 2011 10 ธันวาคม 2011 15 10 1 4 33 18 066.67
Total 105 70 15 20 217 109 066.67

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

ย่าของวีลัช-โบอัชเป็นชาวอังกฤษ (ยกเว้นคุณย่าทวดหรือแม่ของทวดที่เป็นชาวโปรตุเกส) อย่างไรก็ดี เขาเกิดที่ลอร์เดลูดูโอรู (Lordelo do Ouro) ท้องถิ่นหนึ่งในเมืองโปร์ตู ซึ่งครอบครัวของพ่อของเขาได้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่แล้ว ขณะที่แม่ของเขาก็ย้ายจากชีดเดิล (Cheadle) เมืองหลวงเล็ก ๆ ของสต็อกพอร์ต (Stockport) มายังกีมาไรช์ (Guimarães) ในช่วงต้นศตวรรษ 1900 ดังนั้น วีลัช-โบอัช จึงพูดภาษาอังกฤษได้อย่างไร้ที่ติ ส่วนด้านชีวิตคู่ เขาแต่งงานกับฌูวานา ไตไชรา (Joana Teixeira) ตั้งแต่ปี 2004 (2547) และมีลูกสาวด้วยกัน 2 คนแล้ว

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 "Villas-Boas: Luís André de Pina Cabral e Villas-Boas: Manager". BDFutbol. สืบค้นเมื่อ 22 December 2017.
  2. "André Villas-Boas". ZeroZeroFootball. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากzerozerofootball.com – Manager profile แหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-28. สืบค้นเมื่อ 18 December 2010. {{cite web}}: ตรวจสอบค่า |url= (help)
  3. "10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ"โบอาส"กุนซือใหม่สิงห์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-24. สืบค้นเมื่อ 2011-06-22.
  4. "Crucial role of boy scout who is Mourinho's 'eyes and ears'". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-11-12. สืบค้นเมื่อ 2011-06-22.
  5. "10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ"โบอาส"กุนซือใหม่สิงห์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-24. สืบค้นเมื่อ 2011-06-22.
  6. [https://web.archive.org/web/20160305003616/http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNek1EZzNNamt6TXc9PQ== เก็บถาวร 2016-03-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน โค้ชพรีเมียร์รุมสงสาร เชลซีปลดโบอาส ! จากข่าวสด]
  7. ไก่ล้างอาถรรพณ์บุกดับผีหนแรกรอบ23ปี จากเดลินิวส์

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]