ข้ามไปเนื้อหา

ออกเทแวเรียม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ออกเทแวเรียม
สตูดิโออัลบั้มโดย
วางตลาด7 มิถุนายน ค.ศ. 2005 (2005-06-07)
บันทึกเสียงพฤศจิกายน ค.ศ. 2004 – กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005
สตูดิโอเดอะฮิตแฟกทอรี นครนิวยอร์ก
แนวเพลง
ความยาว75:44
ค่ายเพลงแอตแลนติก
โปรดิวเซอร์
ลำดับอัลบั้มของดรีมเทียเตอร์
ไลฟ์แอตบูโดกัง
(ค.ศ. 2004)
ออกเทแวเรียม
(ค.ศ. 2005)
สกอร์
(ค.ศ. 2006)

ออกเทแวเรียม (อังกฤษ: Octavarium) เป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่แปดของวงดนตรีโพรเกรสซิฟเมทัลชาวอเมริกัน ดรีมเทียเตอร์ ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2005 โดยเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายที่วงออกกับค่ายแอตแลนติกเรเคิดส์ อัลบั้มนี้บันทึกเสียงระหว่างเดือนกันยายน ค.ศ. 2004 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005 และยังเป็นผลงานชุดสุดท้ายที่บันทึกเสียงในเดอะฮิตแฟกทอรี นครนิวยอร์ก ก่อนที่สตูดิโอแห่งนี้จะปิดตัวลง วงตั้งใจทำอัลบั้มชุดนี้ให้เป็น "อัลบั้มแบบฉบับของดรีมเทียเตอร์"[1] โดยหยิบยืมอิทธิพลทางดนตรีหลากหลายแนวมาผสมผสาน แต่พยายามทำให้ดนตรีโดยรวมฟังง่ายขึ้นกว่าเดิม แนวคิดหลักของอัลบั้มได้รับแรงบันดาลใจจากโครงสร้างของเสียงในระบบช่วงคู่แปดหรือออกเทฟ (octave)

ออกเทแวเรียมขึ้นห้าอันดับแรกในชาร์ตเพลงของฟินแลนด์[2] อิตาลี[3] และสวีเดน[4] และติดสิบอันดับแรกในเนเธอร์แลนด์[5] ญี่ปุ่น[6] และนอร์เวย์[7] อัลบั้มนี้ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกโดยทั่วไป นักวิจารณ์ชื่นชมในความหลากหลายทางดนตรี แม้จะมีบางส่วนที่เห็นว่าการแต่งเพลงยังไม่สม่ำเสมอ ดรีมเทียเตอร์โปรโมตอัลบั้มนี้ด้วยการออกทัวร์รอบโลกเป็นเวลาหนึ่งปี โดยแต่ละการแสดงมักกินเวลาเกือบสามชั่วโมงและมีรายการเพลงที่เล่นแตกต่างกันในแต่ละคืน ทัวร์จบลงที่เรดิโอซิตีมิวสิกฮอลล์ พร้อมการแสดงร่วมกับวงออร์เคสตรา ซึ่งบันทึกและออกจำหน่ายในรูปแบบอัลบั้มบันทึกการแสดงสดและวิดีโอคอนเสิร์ตชื่อ สกอร์ นอกจากนี้ วงยังได้ร่วมทัวร์ ไจแกนทัวร์ ใน ค.ศ. 2005 ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเป็นวงแสดงหลักร่วมกับเมกาเดท

ภูมิหลัง

[แก้]

หลังจากจบทัวร์คอนเสิร์ตในอเมริกาเหนือช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 2004 ซึ่งวงได้ร่วมแสดงกับวงเยส ซึ่งเป็นหนึ่งในวงต้นแบบสำคัญของพวกเขา ดรีมเทียเตอร์ก็พักกิจกรรมเป็นเวลาสองเดือน[8] ก่อนจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่เดอะฮิตแฟกทอรีในนครนิวยอร์กเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2004 เพื่อเริ่มต้นทำอัลบั้มชุดที่แปด สตูดิโอแห่งนี้เคยใช้โดยศิลปินอย่าง ไมเคิล แจ็กสัน, มาดอนนา, สตีวี วันเดอร์, ยูทู และจอห์น เลนนอน แต่ในขณะนั้นได้มีการวางแผนจะปิดตัวลง โดยดรีมเทียเตอร์ถือเป็นวงสุดท้ายที่ได้บันทึกเสียงในสถานที่แห่งนี้ก่อนปิดถาวร[1]

หลังจากที่เคยทำอัลบั้มคอนเซปต์อย่าง เมโทรโพลิส พาร์ต 2: ซีนส์ฟรอมอะเมโมรี, อัลบั้มคู่ ซิกซ์ดีกรีส์ออฟอินเนอร์เทอร์บิวเลนซ์, และอัลบั้มแนวเมทัลหนักแน่นอย่าง เทรนออฟทอต สมาชิกวงตัดสินใจว่าจะทำอัลบั้มที่สะท้อนตัวตนของดรีมเทียเตอร์ในแบบดั้งเดิม[1] มือคีย์บอร์ด จอร์แดน รูเดส กล่าวว่านี่คือการ "หวนกลับไปสู่การทำงานร่วมกันในฐานะวงดนตรีจริง ๆ และหยิบยืมอิทธิพลทางดนตรีจากหลากหลายแนวของเรา"[1] ในออกเทแวเรียม วงตั้งใจลดความซับซ้อนของดนตรีลง โดยเลือกแต่งเพลงที่ "เข้าถึงง่าย" ตามที่รูเดสส์อธิบาย[1] แม้ว่าเพลงยาว 24 นาทีอย่าง "ออกเทแวเรียม" จะไม่ใช่เพลงที่เข้าถึงง่ายนัก[1] มือกีตาร์ จอห์น เปตรุชชี ระบุว่าพวกเขาต้องการเน้นไปที่การแต่งเพลงที่แข็งแรง[9] เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ วงจึงเริ่มแต่งเพลงด้วยเพียงเปียโน กีตาร์ และเสียงร้อง โดยให้ความสำคัญกับเมโลดีและโครงสร้างเพลง

มือกลอง ไมค์ พอร์ตนอย ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าอัลบั้มนี้คือความพยายามในการทำเพลงเชิงพาณิชย์ โดยชี้แจงว่าวง "มีด้านนั้นอยู่แล้ว พวกเราชอบวงอย่างยูทูหรือโคลด์เพลย์ และก็ชอบเพลงที่สั้นกว่าด้วย"[9] เขาเสริมว่า หลังจากทำอัลบั้มอย่างซิกซ์ดีกรีส์ออฟอินเนอร์เทอร์บิวเลนซ์และเทรนออฟทอตมานั้น วงก็ไม่ได้แต่งเพลงที่สั้นลงมานานแล้ว พอร์ตนอยกล่าวว่าการแต่งเพลงยาวกลับกลายเป็นเรื่องง่ายกว่าการแต่งเพลงสั้น และพวกเขาไม่ได้ตั้งใจทำเพลงให้ติดคลื่นวิทยุ เพราะ "ค่ายเพลงก็ไม่ได้จะทำอะไรกับมันอยู่ดี"[9]

ก่อนหน้านี้ วงเคยทำเพลงในรูปแบบออร์เคสตราในเพลง "โอเวอร์เชอร์" (Overture) จากอัลบั้มซิกซ์ดีกรีส์ออฟอินเนอร์เทอร์บิวเลนซ์ โดยที่รูเดสใช้คีย์บอร์ดสองตัว ได้แก่ Kurzweil K2600 และ Korg KARMA ซึ่งเป็นเครื่องสังเคราะห์เสียงรุ่นใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อมาในขณะนั้น ส่วนในอัลบั้มออกเทแวเรียม เพลง "ดิแอนเซอร์ไลส์วิทอิน" (The Answer Lies Within), "แซคริไฟซท์ซันส์" (Sacrificed Sons) และ "ออกเทแวเรียม" เป็นครั้งแรกที่วงได้ทำงานร่วมกับวงออร์เคสตราจริง ซึ่งมี แจมชีด ชาริฟี เป็นวาทยกร (เขาเคยเรียนที่วิทยาลัยดนตรีเบิร์กลีพร้อมกับพอร์ตนอย เปตรุชชี และจอห์น ไมอัง มือเบส) ออร์เคสตราถูกเลือกจากความสามารถในการเล่นโน้ตสดได้อย่างแม่นยำ ซึ่งทำให้สามารถบันทึกเสียงได้ภายในไม่เกินสองเทค แม้พวกเขาจะไม่เคยเห็นหรือเล่นเพลงนี้มาก่อนเลยก็ตาม[10] ต่อมา ชาริฟียังได้เป็นวาทยกรของออกเทแวเรียมออร์เคสตรา (Octavarium Orchestra) ในอัลบั้มคอนเสิร์ตสกอร์ของดรีมเทียเตอร์อีกด้วย

แนวคิด

[แก้]

เมื่อเริ่มต้นทำงานในอัลบั้มออกเทแวเรียม ไมค์ พอร์ตนอยสังเกตว่านี่จะเป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่แปดของวง และพวกเขาเพิ่งออกอัลบั้มแสดงสดลำดับที่ห้า ไลฟ์แอตบูโดกัง ไปไม่นาน ลำดับเลข 8 และ 5 นี้สะท้อนกับโครงสร้างของเสียงในคีย์บอร์ดที่หนึ่งออกเทฟมีโน้ตเนเชอรัลแปดตัว และโน้ตที่มีเครื่องหมายแปลงเสียงห้าตัว พอร์ตนอยจึงเสนอให้ใช้แนวคิดนี้เป็นแกนกลางของอัลบั้มทั้งชุด[11] ระหว่างการแต่งเพลง สมาชิกวงจัดสรรให้แต่ละเพลงอยู่ในคีย์ที่แตกต่างกัน พร้อมเพิ่มเสียงเอฟเฟกต์ระหว่างเพลงเพื่อเชื่อมโยงกัน เช่น เพลง "เดอะรูตออฟออลอีวิล" ที่อยู่ในคีย์เอฟไมเนอร์ จะเชื่อมต่อกับเพลงถัดไป "ดิแอนเซอร์ไลส์วิทอิน" ที่อยู่ในคีย์จีไมเนอร์ ด้วยเสียงเอฟเฟกต์ที่อยู่ในคีย์เอฟชาร์ปไมเนอร์ เนื้อเพลงและชื่อเพลงในอัลบั้มยังแฝงแนวคิดนี้ไว้ด้วย เช่นคำว่า "รูต" (root) ที่เป็นศัพท์ทางดนตรีในชื่อเพลง "เดอะรูตออฟออลอีวิล" และคำว่า "ออกเทแวเรียม" ซึ่งหมายถึง "ออกเทฟของออกเทฟ"[11]

ช่วงเวลา แทร็ก คีย์
00:00–08:07The Root of All EvilF
08:08–08:25Nature Sounds (เวลาติดลบในซีดี: −00:18)F♯/G♭
00:00–05:26The Answer Lies WithinG
05:27–05:33Pitch Bend (เวลาติดลบในซีดี: −00:07)G♯/A♭
00:00–06:59These WallsA
07:00–07:36Wind/Heartbeat/Chimes (เวลาติดลบในซีดี: −00:37)A♯/B♭
00:00–04:29I Walk Beside YouB
00:00–07:16Panic AttackC
07:17–08:13Synth Solo (เวลาติดลบในซีดี: −00:57)C♯/D♭
00:00–06:33Never EnoughD
06:34–06:46Voices Begin (เวลาติดลบในซีดี: −00:13)D♯/E♭
00:00–10:42Sacrificed SonsE
00:00–24:00OctavariumF (octave)

อัลบั้มออกเทแวเรียมเริ่มต้นด้วยเสียงโน้ตสุดท้ายของเพลง "อินเดอะเนมออฟก็อด" (In the Name of God) จากอัลบั้มก่อนหน้า เทรนออฟทอต ซึ่งในอัลบั้มเทรนออฟทอต เองก็เปิดเพลง "แอสไอแอม" (As I Am) ด้วยโน้ตสุดท้ายจากเพลง "ซิกซ์ดีกรีส์ออฟอินเนอร์เทอร์บิวเลนซ์" ของอัลบั้มชื่อเดียวกัน และอัลบั้มนั้นก็เริ่มต้นด้วยเสียงรบกวนที่ใช้จบเพลง "ไฟนัลลีฟรี" (Finally Free) จากอัลบั้มเมโทรโพลิส พาร์ต 2: ซีนส์ฟรอมอะเมโมรีเช่นกัน พอร์ตนอยได้แรงบันดาลใจจากอัลบั้มวีเมินแอนด์ชิลเดรนเฟิสต์ของวงแวนแฮเลน ซึ่งเพลงสุดท้ายของอัลบั้มจบด้วยริฟฟ์ใหม่ที่ค่อย ๆ เลือนหายไป[11] ทำให้เขาคาดหวังว่าอัลบั้มถัดไปจะเริ่มด้วยริฟฟ์นั้น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจว่าอยากให้อัลบั้มของดรีมเทียเตอร์สร้างความต่อเนื่องเอง อย่างไรก็ตาม พอร์ตนอยรู้ตัวว่าเขา "ขุดหลุมให้ตัวเองที่เราต้องทำเช่นนี้ทุกครั้ง"[11] เพราะผู้ฟังเริ่มคาดหวังให้ทำแบบนี้ตลอด เขาจึงแก้ปัญหาในออกเทแวเรียม ด้วยการจบเพลงสุดท้ายโดยย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของเพลงแรก ทำให้อัลบั้มนี้กลายเป็นวัฏจักรสมบูรณ์ และเปิดทางให้เริ่มต้นใหม่ในอัลบั้มถัดไป[11] นอกจากนี้ ในช่วงเวลา 04:52–05:17 ของเพลง "ออกเทแวเรียม" ยังมีการอ้างอิงทางดนตรีและเนื้อร้องถึงท่อนคอรัสของเพลง "ดิสดายอิงโซล" (This Dying Soul) จากอัลบั้มเทรนออฟทอต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทเวลฟ์-สเตปสวีตของพอร์ตนอย ส่วนของเวลาติดลบ (negative time) ที่ปรากฏในเวอร์ชันซีดีไม่ได้รวมไว้ในเวอร์ชันดิจิทัลในช่วงแรก แต่ต่อมาถูกนำกลับมาให้ฟังอีกครั้ง

เนื้อหา

[แก้]

เพลง "เดอะรูตออฟออลอีวิล" เป็นภาคที่สามของทเวลฟ์-สเตปสวีตของพอร์ตนอย ซึ่งเป็นชุดเพลงจากหลายอัลบั้มของดรีมเทียเตอร์ที่เล่าเรื่องการเดินทางของเขาในการบำบัดอาการติดสุราผ่านโปรแกรมกลุ่มผู้ติดสุรานิรนาม (Alcoholics Anonymous) โดยเพลงนี้ครอบคลุมส่วนที่หกและเจ็ดของชุด คือ "เรดี" (Ready) และ "รีมูฟ" (Remove)[12] เพลง "ดิแอนเซอร์ไลส์วิทอิน" และ "ไอวอล์กบีไซด์ยู" (I Walk Beside You) เป็นเพลงที่สั้นที่สุดในอัลบั้ม รูเดสมองว่าทั้งสองเพลงนี้เหมาะสำหรับเปิดในรายการวิทยุ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของดรีมเทียเตอร์ไว้[1]

พอร์ตนอยแต่งเนื้อเพลง "เนเวอร์อินัฟ" (Never Enough) เพื่อโต้ตอบกับแฟนเพลงบางกลุ่มที่เขารู้สึกว่าตำหนิผลงานของดรีมเทียเตอร์ทุกอย่าง แม้ว่าเขาจะซาบซึ้งในความทุ่มเทของแฟน ๆ แต่ก็รู้สึกท้อใจ เพราะต้อง "ห่างจากครอบครัว[ของเขา]อยู่ตลอดเวลา"[12] เพื่ออุทิศให้กับงานและแฟนเพลง เขาใช้เวลานับไม่ถ้วนในการจัดรายการเพลงพิเศษที่จะเล่นแสดงสด และวงก็ซ้อมหนัก แต่บางคนก็ยังบ่นว่าไม่ได้ฟังเพลงอย่าง "พูลมีอันเดอร์" (Pull Me Under) ในคอนเสิร์ต "มันทำให้หมดกำลังใจและบางทีก็ทำให้ผมแทบบ้า" เขากล่าว[12]

เพลง "แซคริไฟซท์ซันส์" ซึ่งยาวเกือบ 11 นาที เป็นเพลงที่ยาวเป็นอันดับสองในอัลบั้ม โดยเนื้อร้องแต่งโดยนักร้องนำ เจมส์ ลาบรี ว่าด้วยเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน[12] รูเดสกล่าวว่าสมาชิกวงชอบแต่งเพลงเกี่ยวกับประเด็นที่จริงจังมากกว่าเพลงรักทั่วไป ระหว่างที่แต่งเนื้อเพลง ลาบรีเล่าว่ามีการ "พูดคุยกันอย่างมาก"[13] เกี่ยวกับถ้อยคำในเพลง และระดับความตรงไปตรงมาที่ควรใช้[13]

เพลงไตเติลแทร็ก "ออกเทแวเรียม" ยาวที่สุดในอัลบั้ม โดยมีความยาว 24 นาที และแบ่งออกเป็นห้าส่วน เปตรุชชีเล่าว่าพวกเขาตั้งใจแต่งเพลงที่มีโครงเรื่องชัดเจน มีการพัฒนาในตัว และใช้วงออร์เคสตราประกอบ วงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากซาวด์ของโพรเกรสซิฟร็อกยุคคลาสสิก เช่น เจเนซิส, เยส และพิงก์ฟลอยด์ ช่วงอินโทรของเพลงซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง "ไชน์ออนยูเครซีไดมอนด์" ของพิงก์ฟลอยด์ บรรเลงโดยรูเดสที่ใช้กีตาร์เหล็กวางตัก (lap steel guitar) และฟิงเกอร์บอร์ดคอนทินิวอัม (Continuum Fingerboard) นอกจากนี้ เนื้อเพลงยังมีการอ้างอิงถึงเพลงโพรเกรสซิฟร็อกอื่น ๆ หลายเพลง[14] เพลงนี้จบลงด้วยธีมอินโทรขอเพลง "เดอะรูตออฟออลอีวิล" ก่อนจะเฟดออก (ในบางเวอร์ชันจะจบด้วยเสียงฟลูตจากช่วงต้นของเพลง "ออกเทแวเรียม" แทน) การจบแบบนี้สื่อถึงแนวคิดวัฏจักรของอัลบั้ม เป็นการปิดฉากความต่อเนื่องของอัลบั้มที่เริ่มมาตั้งแต่เมโทรโพลิส พาร์ต 2: ซีนส์ฟรอมอะเมโมรี และเปิดโอกาสให้วงเริ่มต้นสิ่งใหม่ในอัลบั้มถัดไป

ภาพหน้าปก

[แก้]

งานออกแบบหน้าปกของอัลบั้มออกเทแวเรียมเป็นผลงานของฮิว ไซม์ โดยแนวคิดในการใช้ลูกตุ้มของนิวตันขนาดยักษ์เป็นภาพหลักเกิดจากการพูดคุยระหว่างไซม์กับไมค์ พอร์ตนอย ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดที่ว่า "ดนตรีทุกชิ้นย่อมประกอบด้วยคอร์ดหรือเสียงประสาน" ซึ่งนำไปสู่แนวคิดต่อมาว่า "ทุกการกระทำย่อมมีปฏิกิริยาโต้ตอบ" ไซม์จึงเสนอให้ใช้ลูกตุ้มของนิวตันเป็นภาพแทนความคิดนี้[15] ภาพประกอบต่าง ๆ ภายในอัลบั้มยังมีการอ้างอิงถึงตัวเลข 5 และ 8 อย่างเด่นชัด ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของอัลบั้ม เช่น ลูกตุ้มในหน้าปกมีทั้งหมดแปดลูก และมีนกห้าตัวอยู่บนปก อัลบั้มยังมีภาพเขาวงกตแปดเหลี่ยม แมงมุม และหมึกยักษ์เป็นองค์ประกอบเพิ่มเติม ทิวทัศน์ที่เห็นบนหน้าปกเป็นการรวมกันของท้องฟ้าและพื้นหญ้าในรัฐอินดีแอนากับฉากหลังจากเลกดิสตริกต์[15] ออกเทแวเรียมถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระยะยาวระหว่างไซม์กับวง ซึ่งเขายังรับหน้าที่ออกแบบหน้าปกอัลบั้มชุดถัด ๆ ไป (ยกเว้น ดิแอซโทนิชิง) และผลงานการแสดงสดส่วนใหญ่ของวงด้วย

การวางจำหน่าย

[แก้]

หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันวางจำหน่ายตามกำหนดการ พอร์ตนอยได้ปิดฟอรัมทางการของวงดรีมเทียเตอร์ และฟอรัมส่วนตัวของเขาลง Blabbermouth.net รายงานว่าสาเหตุเกิดจากอัลบั้มหลุดออกมาก่อนเวลาอันควร[16] โดยพอร์ตนอยระบุว่า "[เขา]เลือกทำเช่นนี้[ข้อความถูกลบออก]เป็นหลัก เพื่อสร้างกระแสความคาดหวังในการเปิดตัว 'อย่างเป็นทางการ' ในสัปดาห์ถัดไป" ถึงแม้จะยอมรับว่า "รู้สึกหงุดหงิดกับการที่แฟนเพลงบางคนไม่ยอมเคารพคำขอร้องของวงที่ให้หลีกเลี่ยงการเผยเนื้อหาและลิงก์ของอัลบั้มก่อนวันวางจำหน่ายจริง"[17]

ออกเทแวเรียมวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2005 โดยเป็นอัลบั้มสุดท้ายของวงกับค่ายแอตแลนติกเรเคิดส์ ซึ่งเป็นสัญญาที่ดำเนินมายาวนานถึง 14 ปี แม้ว่าช่วงหลังวงจะได้รับอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่พอใจที่ค่ายไม่ให้การโปรโมตเพียงพอ[18] พอร์ตนอยยังได้ออกดีวีดีชื่อว่า ดรัมมาแวเรียม (Drumavarium) ในปีเดียวกัน ซึ่งเป็นการรวมภาพเบื้องหลังการบันทึกเสียงกลองของอัลบั้มชุดนี้[19] ขณะที่จอร์แดน รูเดสออกผลงานเดี่ยวเวอร์ชันเปียโนของเพลง "ดิแอนเซอร์ไลส์วิทอิน" ในอัลบั้มโน้ตส์ออนอะดรีมเมื่อ ค.ศ. 2009 เพลง "แพนิกแอตแทก" (Panic Attack) ยังถูกรวมอยู่ในเกมร็อกแบนด์ 2 และจัดว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่ยากที่สุดของเกมในส่วนของเบสและกลอง[20]

การตอบรับ

[แก้]
ค่าประเมินโดยนักวิจารณ์
คะแนนคำวิจารณ์
ที่มาค่าประเมิน
ออลมิวสิก3.5/5 stars[21]
บิลบอร์ดในทางบวก[22]
บลิสเตอริงในทางบวก[23]
เอกซ์เคลม!ในทางลบ[24]
เดอะเมทัลฟอร์จ
(The Metal Forge)
9/10 stars[25]
เมทัลรีวิวดอตคอม
(MetalReview.com)
8/10 stars[26]
มิวสิกโอเอ็มเอชในทางบวก[27]

ออกเทแวเรียมติด 5 อันดับแรกในชาร์ตของฟินแลนด์[2] อิตาลี[3] และสวีเดน[4] และติด 10 อันดับแรกในชาร์ตของเนเธอร์แลนด์[5] ญี่ปุ่น[6] และนอร์เวย์[7] โดยภาพรวมอัลบั้มได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวก จัสติน ดอนเนลลี (Justin Donnelly) จากเว็บไซต์บลิสเตอริง ยกย่องอัลบั้มว่า "หลากหลาย ไพเราะ และหนักหน่วงในเวลาเดียวกัน"[23] และจัดให้อยู่ในกลุ่มผลงานยอดเยี่ยมของดรีมเทียเตอร์ โดยเฉพาะไตเติลแทร็ก "ออกเทแวเรียม" ที่เขายกให้เป็นอีกหนึ่งเพลงคลาสสิกของวง[23] นิตยสารบิลบอร์ดก็ชมเชยแนวทางของวงในการแต่งเพลงที่สั้นลง และใช้เสียงเครื่องดนตรีอบอุ่นขึ้นว่า "ยอดเยี่ยม"[22] โดยเฉพาะเพลง "เดอะรูตออฟออลอีวิล", "ดีสวอลส์" (These Walls) และ "ไอวอล์กบีไซด์ยู"[22]

ฮาร์ลีย์ คาร์ลสัน (Harley Carlson) จาก MetalReview.com มองว่าออกเทแวเรียม "สามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม"[26] แม้จะตั้งข้อสังเกตว่า "นี่คือดรีมเทียเตอร์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดูเหมือนจะขาดอะไรบางอย่างไป"[26] วิก บานซัล (Vik Bansal) จากมิวสิกโอเอ็มเอช (musicOMH) ชื่นชมเพลง "เมเวอร์อินัฟ", "แพนิกแอตแทก" และ "แซคริไฟซท์ซันส์" แต่ตำหนิ "เดอะรูตออฟออลอีวิล" ว่าเป็น "ดรีมเทียเตอร์แบบสูตรสำเร็จ"[27] และวิจารณ์เพลง "ออกเทแวเรียม" ว่า "ฟุ่มเฟือยเกินไป"[27] แม้จะเสริมว่าผู้ที่ชื่นชอบผลงานชุดอะเชนจ์ออฟซีซันส์น่าจะเพลิดเพลินกับมัน เขายังกล่าวว่า "ในส่วนที่เหลือของออกเทแวเรียมก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจเพียงพอสำหรับแฟนทั่วไป และเพียงพอให้พวกเกลียดโพรเกรสซิฟร็อกบ่นจิกกัดได้ต่อไป"[27] เกรก แพรตต์ (Greg Pratt) จากเอกซ์เคลม! ยกย่องคุณภาพของงานออกแบบและการผลิตอัลบั้ม แต่กล่าวว่า "ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นหรือแปลกใหม่ให้ตกตะลึง ที่จริงแล้ว หลายส่วนฟังดูเหมือนเพลงร็อกวิทยุธรรมดาที่จะได้ยินจากวงรุ่นลุงในบาร์ท้องถิ่น"[24] เขาเสริมว่าแม้จะมีเพลงยาวหลายเพลง แต่อัลบั้มนี้ "กลับให้ความรู้สึกเหมือนร็อกโอเวอร์ดราม่าที่ใช้เวลา 76 นาที โดยหนักไปทางเบาและอ่อน ไม่ค่อยมีช่วงโชว์ฝีมือให้เห็นเท่าไร"[24]

ดอนเนลลีมองว่าออกเทแวเรียม "อยู่กึ่งกลางระหว่างอัลบั้มอิมเมเจสแอนด์เวิดส์, ซิกซ์ดีกรีส์ออฟอินเนอร์เทอร์บิวเลนซ์ และเทรนออฟทอต"[23] ส่วนคาร์ลสันกล่าวว่าอัลบั้มนี้ "ใกล้เคียงกับอัลบั้มฟอลลิงอินทูอินฟินิตีและเมโทรโพลิส พาร์ต 2: ซีนส์ฟรอมอะเมโมรี แต่ซับซ้อนและเข้มข้นน้อยกว่า"[26] แทมมี ลา กอร์ซ (Tammy La Gorce) จากออลมิวสิก ตั้งข้อสังเกตว่า "กลิ่นอายแบบโพสต์ฮาร์ดคอร์ จะเรียกว่าเป็นการก้าวเข้าสู่ปี 2005 ก็ว่าได้ ได้เข้ามาแทนที่ความภักดีต่อร็อกที่หนักหน่วงในแบบการละคร[ของวง]... สิ่งที่เปลี่ยนไปคือการที่ดรีมเทียเตอร์ยังคงยึดมั่นในบทบาทของนักคลาสสิกโพรเกรสซิฟร็อกใต้ดินอย่างมั่นคง และถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม"[21] นักวิจารณ์หลายคนยังตั้งข้อสังเกตว่าเพลงบางเพลงได้รับอิทธิพลจากวงมิวส์อย่างชัดเจน ซึ่งในบางกรณีก็ส่งผลให้ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบ[23][27]

การทัวร์คอนเสิร์ต

[แก้]
ภาพถ่ายสมาชิกทั้งห้าของวงดรีมเทียเตอร์ยืนอยู่หน้ากลองชุดและแอมป์บนเวที
ดรีมเทียเตอร์หลังการแสดงคอนเสิร์ตที่ปารีส ระหว่างช่วงแรกของการทัวร์ในยุโรป (ค.ศ. 2005) จากซ้ายไปขวา: ไมค์ พอร์ตนอย, จอห์น เปตรุชชี, เจมส์ ลาบรี, จอห์น ไมอัง และจอร์แดน รูเดส

ดรีมเทียเตอร์เริ่มต้นการทัวร์คอนเสิร์ตเพื่อสนับสนุนอัลบั้มออกเทแวเรียมในยุโรปเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2005 โดยเริ่มที่เทศกาลสวีเดนร็อกเฟสติวัลที่เมืองเซิลเวสบอร์ย จากนั้นวงได้ร่วมแสดงในฐานะศิลปินนำร่วมกับวงเมกาเดทในไจแกนทัวร์ทั่วอเมริกาเหนือตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ถึง 3 กันยายน[28] คอนเสิร์ตที่มอนทรีออลถูกบันทึกและออกวางจำหน่ายเป็นอัลบั้มบันทึกการแสดงสดและวิดีโอคอนเสิร์ตในวันที่ 22 สิงหาคม และ 5 กันยายน ค.ศ. 2006 ตามลำดับ โดยใช้ชื่อว่า ไจแกนทัวร์[29][30] การทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกในชื่อออกเทแวเรียมเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนที่ประเทศฟินแลนด์ โดยยังคงใช้รูปแบบคอนเสิร์ต "ค่ำคืนกับดรีมเทียเตอร์" (An Evening With Dream Theater) ซึ่งเป็นการแสดงเต็มรูปแบบนานเกือบสามชั่วโมง และมีการสับเปลี่ยนรายชื่อเพลงที่จะเล่นในแต่ละคืน การแสดงจำนวนมากเน้นนำเสนอผลงานย้อนหลังตลอดเส้นทางของวง โดยเลือกเพลงหนึ่งเพลง (หรือบางส่วนของเพลงยาว) จากแต่ละอัลบั้ม ก่อนจะจบเซตหลักด้วยเพลงจากออกเทแวเรียมหลายเพลง รวมทั้งการสัมภาษณ์ การซ้อมช่วงซาวด์เช็ก และการพบปะแฟนเพลง ทำให้สมาชิกวงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยทั้งทางร่างกายและจิตใจ[28]

วงได้จัดการแสดงติดต่อกันสองคืนในเมืองอัมสเตอร์ดัมและลอนดอน โดยในคืนที่สองของทั้งสองเมือง วงได้แสดงคัฟเวอร์อัลบั้มเดอะดาร์กไซด์ออฟเดอะมูนของพิงก์ฟลอยด์ทั้งอัลบั้ม[28] โดยมีเทเรซา โทมาสัน ซึ่งเคยร่วมแสดงในอัลบั้มเมโทรโพลิส พาร์ต 2: ซีนส์ฟรอมอะเมโมรี บินมาร่วมร้องเพลง "เดอะเกรตกิกอินเดอะสกาย"[31] การแสดงในลอนดอนถูกนำไปจัดจำหน่ายเป็นอัลบั้มบันทึกแสดงสดและวิดีโอคอนเสิร์ตใน ค.ศ. 2006 โดยค่ายยิตเซแจมเรเคิดส์ (YtseJam Records) ของพอร์ตนอย[32][33] วงยังแสดงคัฟเวอร์อัลบั้มเมดอินเจแปนของวงดีปเพอร์เพิลแบบเต็มชุดในคอนเสิร์ตที่โตเกียวและโอซากะ ซึ่งก็ออกจำหน่ายเป็นอัลบั้มบันทึกการแสดงสดใน ค.ศ. 2007 ภายใต้ค่ายยิตเซแจมเรเคิดส์[32][34][35]

เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีของวง คอนเสิร์ตสุดท้ายของทัวร์ถูกจัดขึ้นที่เรดิโอซิตีมิวสิกฮอลล์ในนครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2006 ในช่วงครึ่งหลังของการแสดง วงได้ร่วมแสดงกับวงออร์เคสตราขนาด 30 ชิ้น ภายใต้การอำนวยเพลงของแจมชีด ชาริฟี คอนเสิร์ตครั้งนี้ถูกบันทึกภาพและจำหน่ายเป็นอัลบั้มและวิดีโอคอนเสิร์ตในชื่อ สกอร์ โดยค่ายไรโนเรเคิดส์เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2006[34][36]

รายชื่อแทร็ก

[แก้]

เพลงทั้งหมดประพันธ์ทำนองโดยดรีมเทียเตอร์

ลำดับชื่อเพลงเนื้อเพลงยาว
1."The Root of All Evil"
  • "VI. Ready"
  • "VII. Remove"
Mike Portnoy8:25
2."The Answer Lies Within"John Petrucci5:33
3."These Walls"Petrucci7:36
4."I Walk Beside You"Petrucci4:29
5."Panic Attack"Petrucci8:13
6."Never Enough"Portnoy6:46
7."Sacrificed Sons"James LaBrie10:42
8."Octavarium"
  • "I. Someone Like Him"
  • "II. Medicate (Awakening)"
  • "III. Full Circle"
  • "IV. Intervals"
  • "V. Razor's Edge"
LaBrie, Petrucci, Portnoy
  • Petrucci
  • LaBrie
  • Portnoy
  • Portnoy
  • Petrucci
24:00
ความยาวทั้งหมด:75:44

บุคลากร

[แก้]

อันดับในชาร์ต

[แก้]
ชาร์ต (ค.ศ. 2005) อันดับ
สูงสุด
Austrian Albums (Ö3 Austria)[37]35
Belgian Albums (Ultratop Flanders)[38]48
Belgian Albums (Ultratop Wallonia)[39]70
Canadian Albums (Billboard)[40] 15
Danish Albums (Hitlisten)[41]38
Dutch Albums (Album Top 100)[42]9
Finnish Albums (Suomen virallinen lista)[43]2
French Albums (SNEP)[44]18
German Albums (Offizielle Top 100)[45]15
Hungarian Albums (MAHASZ)[46]4
Italian Albums (FIMI)[47]2
Japanese Albums (Oricon)[6] 10
Norwegian Albums (VG-lista)[48]9
Polish Albums (ZPAV)[49] 8
Portuguese Albums (AFP)[50]15
Spanish Albums (PROMUSICAE)[51]31
Swedish Albums (Sverigetopplistan)[52]4
Swiss Albums (Schweizer Hitparade)[53]25
UK Albums (OCC)[40] 72
US Billboard 200[54] 36

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 3 4 5 6 7 Wilson 2009, pp. 307
  2. 1 2 "Discography Dream Theater" (ภาษาฟินแลนด์). Finnish charts. สืบค้นเมื่อ July 9, 2010.
  3. 1 2 "Dream Theater - Octavarium". Italian charts. สืบค้นเมื่อ July 10, 2010.
  4. 1 2 "Discography Dream Theater" (ภาษาสวีเดน). Swedish charts. สืบค้นเมื่อ July 10, 2010.
  5. 1 2 "Discography Dream Theater" (ภาษาดัตช์). Dutch charts. สืบค้นเมื่อ July 10, 2010.
  6. 1 2 3 "Oricon Ranking: Dream Theater - Octavarium" (ภาษาญี่ปุ่น). Oricon. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 1, 2013. สืบค้นเมื่อ September 14, 2016.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  7. 1 2 "Discography Dream Theater" (ภาษานอร์เวย์). Norwegian charts. สืบค้นเมื่อ July 10, 2010.
  8. Wilson 2009, pp. 304–6
  9. 1 2 3 Wilson 2009, pp. 308
  10. Wilson 2009, pp. 310–1
  11. 1 2 3 4 5 Wilson 2009, pp. 313–4
  12. 1 2 3 4 Wilson 2009, pp. 311–2
  13. 1 2 "Dream Theater Keyboardist: 'We Want To Maintain The Integrity Of Who We've Been'". Blabbermouth.net. August 13, 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2024. สืบค้นเมื่อ July 9, 2010.
  14. Wilson 2009, pp. 312–3
  15. 1 2 Wilson 2009, pp. 315–6
  16. "Dream Theater Shut Down Official Message Board Due To New Album Leak". Blabbermouth.net. May 31, 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2024. สืบค้นเมื่อ July 9, 2010.
  17. "Mike Portnoy Clarifies Reasons For Shutting Down Dream Theater Message Board". Blabbermouth.net. June 4, 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2024. สืบค้นเมื่อ July 9, 2010.
  18. Wilson 2009, pp. 316–7
  19. "Dream Theater Drummer's 'Drumavarium' Available For Pre-Order". Blabbermouth.net. August 2, 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2024. สืบค้นเมื่อ July 9, 2010.
  20. Goldstein, Maarten (July 14, 2008). "Full Rock Band 2 Tracklist Revealed, RB1 Songs Included Separately, 500 Songs by Year's End". Shacknews. สืบค้นเมื่อ July 14, 2008.
  21. 1 2 La Gorce, Tammy. "Octavarium". AllMusic. สืบค้นเมื่อ July 10, 2010.
  22. 1 2 3 "Dream Theater - Octavarium". Billboard. June 11, 2005. p. 50. สืบค้นเมื่อ August 26, 2010.
  23. 1 2 3 4 5 Donnelly, Justin. "Review: Dream Theater - Octavarium". Blistering. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 22, 2012. สืบค้นเมื่อ July 10, 2010.
  24. 1 2 3 Pratt, Greg (August 2005). "Dream Theater - Octavarium". Exclaim!. สืบค้นเมื่อ August 26, 2010.
  25. Donnelly, Justin. "Dream Theater - Octavarium review". The Metal Forge. สืบค้นเมื่อ May 13, 2011.
  26. 1 2 3 4 Carlson, Harley. "Review of Dream Theater - Octavarium". MetalReview.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 23, 2012. สืบค้นเมื่อ July 10, 2010.
  27. 1 2 3 4 5 Bansal, Vik (June 5, 2005). "Dream Theater - Octavarium (Atlantic)". musicOMH. สืบค้นเมื่อ March 20, 2018.
  28. 1 2 3 Wilson 2009, pp. 317–8
  29. "Dream Theater Drummer: Gigantour Concert In Montreal To Be Taped For Upcoming CD/DVD". Blabbermouth.net. August 18, 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2024. สืบค้นเมื่อ July 9, 2010.
  30. "Megadeth: Gigantour 2006 Opening-Night Setlist Revealed". Blabbermouth.net. September 7, 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2024. สืบค้นเมื่อ August 26, 2010.
  31. Wilson 2009, pp. 319
  32. 1 2 "Cover Series". YtseJam Records. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 22, 2012. สืบค้นเมื่อ July 9, 2010.
  33. "The latest titles from Ytsejam Records". Dream Theater - The Official Site. April 23, 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 20, 2010. สืบค้นเมื่อ August 26, 2010.
  34. 1 2 Wilson 2009, pp. 321
  35. "New Ytsejam Records titles now available to order!". Dream Theater - The Official Site. September 9, 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 1, 2008. สืบค้นเมื่อ August 26, 2010.
  36. "Dream Theater's new live CD and DVD "ScoreE"". Dream Theater - The Official Site. June 10, 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 20, 2010. สืบค้นเมื่อ August 26, 2010.
  37. "Austriancharts.at – Dream Theater – Octavarium" (ภาษาเยอรมัน). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  38. "Ultratop.be – Dream Theater – Octavarium" (ภาษาดัตช์). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  39. "Ultratop.be – Dream Theater – Octavarium" (ภาษาฝรั่งเศส). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  40. 1 2 "Dream Theater: 'Octavarium' First-Week Chart Positions Revealed". Blabbermouth.net. June 19, 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2024. สืบค้นเมื่อ July 9, 2010.
  41. "Top 40 Albums - 24 / 2005". Tracklisten. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  42. "Dutchcharts.nl – Dream Theater – Octavarium" (ภาษาดัตช์). Hung Medien. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  43. "Dream Theater: Octavarium" (ภาษาฟินแลนด์). Musiikkituottajat – IFPI Finland. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  44. "Lescharts.com – Dream Theater – Octavarium". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  45. "Offiziellecharts.de – Dream Theater – Octavarium" (ภาษาเยอรมัน). GfK Entertainment Charts. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  46. "Album Top 40 slágerlista – 2005. 23. hét" (ภาษาฮังการี). MAHASZ. สืบค้นเมื่อ November 24, 2021.
  47. "Italiancharts.com – Dream Theater – Octavarium". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  48. "Norwegiancharts.com – Dream Theater – Octavarium". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  49. "OLiS - Official Retail Sales Chart" (ภาษาโปแลนด์). OLiS. June 20, 2005. สืบค้นเมื่อ July 10, 2010.
  50. "Portuguesecharts.com – Dream Theater – Octavarium". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  51. "Spanishcharts.com – Dream Theater – Octavarium". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  52. "Swedishcharts.com – Dream Theater – Octavarium". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  53. "Swisscharts.com – Dream Theater – Octavarium". Hung Medien. สืบค้นเมื่อ January 3, 2022.
  54. "Dream Theater Album & Song Chart History". Billboard. สืบค้นเมื่อ July 11, 2010.