หอสมุดแห่งกาตาลุญญา
หอสมุดแห่งกาตาลุญญา | |
---|---|
Biblioteca de Catalunya | |
![]() | |
ทางเข้าหลักของหอสมุดแห่งกาตาลุญญา | |
ประเภท | หอสมุดแห่งชาติ |
ก่อตั้ง | ค.ศ. 1907 |
สถานที่ตั้ง | 56 ถนนการ์เรร์เดอิโอสปิตัล บาร์เซโลนา |
พิกัด | 41°22′52″N 2°10′11″E / 41.38111°N 2.16972°E |
การเก็บรวบรวม | |
รายการที่เก็บรวบรวม | หนังสือ, วารสาร หนังสือพิมพ์, นิตยสาร, การบันทึกเสียงและดนตรี แผนที่ แสตมป์ ภาพพิมพ์, ภาพวาด และเอกสารตัวเขียน |
ขนาด | 3,967,439 ชิื้น |
ห้องสมุดรับฝากตามกฎหมาย | ถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่ ค.ศ. 1981 |
การเข้าถึงและการใช้บริการ | |
ข้อกำหนดการเข้าถึง | ผู้อ่านต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีบัตรสมาชิก |
สมาชิก | 299,552 (ค.ศ. 2019) |
ข้อมูลอื่น | |
งบ | 7,837,130 ยูโร (ค.ศ. 2020) |
บุคลากร | 152 (ค.ศ. 2020) |
เว็บไซต์ | www |
แผนที่ | |
![]() |
หอสมุดแห่งกาตาลุญญา (กาตาลา: Biblioteca de Catalunya, สัทอักษรสากล: [biβli.uˈtɛkə ðə kətəˈluɲə]) เป็นหอสมุดแห่งชาติกาตาลุญญา[1][2] ตั้งอยู่ในเมืองบาร์เซโลนา แคว้นกาตาลุญญา ประเทศสเปน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1907 มีหน้าที่สำคัญในการเก็บ อนุรักษ์ และเผยแพร่ผลงานทางบรรณานุกรมภาษากาตาลา และงานที่เกี่ยวข้องกับภาษากาตาลา เพื่อดูแลการอนุรักษ์และเผยแพร่มรดกทางบรรณานุกรม พร้อมกับการเป็นศูนย์กลางการวิจัยและการให้คำปรึกษา[3]
หอสมุดแห่งกาตาลุญญามีพื้นที่ 8,820 ตารางเมตร โดยมีวัตถุจัดแสดงรวมเกือบ 4 ล้านชิ้น นอกจากนี้ หอสมุดยังเป็นสมาชิกพิเศษของสมาคมห้องสมุดวิจัยยุโรป (CERL)[4]
ประวัติ
[แก้]
หอสมุดก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1907 ในฐานะห้องสมุดของสถาบันการศึกษาด้านกาตาลา (Institut d'Estudis Catalans, IEC) ตั้งอยู่ในปาเลาดาลาฌานาราลิตัต ที่ทำการของฌานาราลิตัตดากาตาลุญญา โดยใช้เงินทุนจากประชาชน ซึ่งแตกต่างจากห้องสมุดแห่งชาติส่วนใหญ่ในยุโรปที่มาจากการดัดแปลงจากห้องสมุดพระอาราม ศาสนจักร หรือที่เก็บของสะสมส่วนตัว[5] หอสมุดได้เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นสาธารณะ ในวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1914 ในช่วงการก่อตั้งเครือจักรภพกาตาลา และได้เปิดให้นักวิจัยและนักวิชาการจากประเทศต่าง ๆ เข้าถึงได้ และยังได้แต่งตั้งผู้อำนวยการหอสมุดคนแรก คือ ฌอร์ดี รูบิโอ อิ บาลากูเอร์ นักภาษาศาสตร์และศาสตราจารย์ด้านห้องสมุด[6][7] ในปี ค.ศ. 1929 รัฐบาลเมืองบาร์เซโลนาได้เข้ามาเป็นเจ้าของหอสมุดแห่งนี้ ก่อนที่ ในปี ค.ศ. 1931 อาคารโรงพยาบาลซันตากรูซเดบาร์เซโลนา โรงพยาบาลทั่วไปของเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากหอสมุดเดิมราว 700 เมตร ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1401 ถึง 1926 ซึ่งสร้างเพื่อนำโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเมืองมาไว้แห่งเดียว จะได้รับการประกาศให้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางประวัติศาสตร์ของสเปน และเทศบาลเมืองบาร์เซโลนาได้อนุมัติการโอนพื้นที่ส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลให้แก่หอสมุด[8]
ในสมัยสาธารณรัฐสเปนที่ 2 (ค.ศ. 1931–1939) การย้ายไปยังสถานที่ใหม่ได้เริ่มขึ้น ในปี ค.ศ. 1936 ห้องอ่านหนังสือ ซาลาเซร์บันตินา ได้เปิดทำการเป็นจุดแรกในหอสมุดแห่งใหม่ แต่ส่วนอื่น ๆ ทั้งหมดหยุดชะงักลงเนื่องจากสงครามกลางเมืองสเปน (ค.ศ. 1936– 1939) หลังจากการล่มสลายของบาร์เซโลนาในเดือนมกราคม ค.ศ. 1939 ห้องสมุดถูกปิดตัวลงจนถึงปี ค.ศ. 1940[8] และได้เปิดทำการอีกครั้งภายใต้ชื่อใหม่ในสถานที่แห่งใหม่ว่า ห้องสมุดกลาง ภายใต้ระบอบเผด็จการของฟรังโก[7] เหตุการณ์ทางการเมืองในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ทำให้ลักษณะของห้องสมุดเปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนแปลงครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงเผด็จการของปริโมเดริเบราครั้งที่สอง ซึ่งสำคัญที่สุดเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1939 เมื่อ ฌอร์ดี รูบิโอ อิ บาลากูเอร์ ถูกขับไล่และปลดจากตำแหน่ง และเป็นช่วงเวลาหอสมุดถูกเปลี่ยนให้ไม่มีแนวทางการเมืองแบบกาตาลา ในช่วงหลายปีที่เศรษฐกิจตกต่ำ หอสมุดเพียงแต่ชดเชยข้อบกพร่องของห้องสมุดสาธารณะและมหาวิทยาลัยเท่านั้น และสามารถขยายมรดกทางบรรณานุกรมได้ด้วยการบริจาคจากนักสะสม และสำนักพิมพ์เอกชน เท่านั้น[7]
รัฐบาลปกครองตนเองกาตาลุญญาได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง ภายหลังการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของสเปน หอสมุดได้รับการแต่งตั้งเป็น หอสมุดประจำชาติ โดยพระราชบัญญัติหอสมุด (Llei de biblioteques) ซึ่งผ่านการอนุมัติจากรัฐสภากาตาลุญญา ในปี ค.ศ. 1981 โดยมีหน้าที่ในการรับฝาก เก็บรักษา และเผยแพร่เอกสารทางกฎหมายภาษากาตาลา ในปี ค.ศ. 1993 กฎหมายระบบหอสมุดแห่งกาตาลุญญาได้ขยายหน้าที่ในการรับฝากของสถาบัน และช่วยในการปรับปรุงให้ทันสมัย ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงอาคาร การจัดระเบียบใหม่ และการแปลงขั้นตอนต่าง ๆ ให้เป็นดิจิทัล[7]
ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1990 โครงการปรับปรุงครั้งใหญ่ได้เปลี่ยนโฉมห้องสมุด รวมถึงการสร้างชั้นเก็บของใต้ดิน 4 ชั้น (ซึ่งสร้างพื้นที่วางหนังสือได้กว่า 40 กิโลเมตร) และอาคารผนวก[8] ในปี ค.ศ. 1998 ห้องสมุดได้ปรับปรุงองค์ประกอบแบบโกธิกของอาคารและขยายพื้นที่ออกไป โดยสร้างอาคารบริการใหม่
ความร่วมมือกับกูเกิล
[แก้]ในปี ค.ศ. 2007 หอสมุดแห่งกาตาลุญญา และหอสมุดในกาตาลุญญาอีก 4 แห่ง ได้ร่วมมือกับกูเกิลบุ๊กส์ ในการร่วมโครงการแปลงสื่อของห้องสมุดที่เป็นสมบัติสาธารณะให้เป็นดิจิทัล[9][10][11] โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานในนามของห้องสมุดคาตาลันอีกสี่แห่งที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่
- ห้องสมุดแห่งศาสนจักรมอนต์เซร์รัต
- ห้องสมุดสาธารณะของเซมินารีแห่งบาร์เซโลนา
- ห้องสมุดของศูนย์การท่องเที่ยวบาร์เซโลนา
- หอสมุดของสถาบันส่งเสริมการเรียนรูู้บาร์เซโลนา
กลุ่มห้องสมุดในกาตาลุญญา เป็นผู้เข้าร่วมโครงการห้องสมุดกูเกิลบุ๊กส์รายที่สองที่ไม่อยู่ในกลุ่มภาษาแองโกล-แซกซัน ต่อจากมหาวิทยาลัยกอมปลูเตนเซแห่งมาดริด[12]
ปัจจุบัน หอสมุดยังได้ร่วมมือในโครงการยูโรเปียนา เพื่อแปลงมรดกทางวัฒนธรรมของยุโรปให้เป็นดิจิทัล
ผู้อำนวยการหอสมุด
[แก้]นี่คือรายชื่อผู้อำนวยการหอสมุดแห่งกาตาลุญญา[13]
# | ชื่อ | ปีที่เข้า (ค.ศ.) |
ปีที่ออก (ค.ศ.) | |
---|---|---|---|---|
1 | ![]() |
ฌอร์ดี รูบิโอ อิ บาลาเกร์ | 1914 | 1939 |
2 | ![]() |
เฟลิป มาเตอู อิ โยปิส | 1939 | 1972 |
3 | ![]() |
โรซาลิอา กิเยอูมัส อิ โบรซา | 1973 | 1982 |
4 | ![]() |
เฆาเม เด ปุตช์ อิ โอลิเบร์ | 1982 | 1987 |
5 | ![]() |
มานูเอล มุนโด อิ มาร์เซต | 1987 | 1990 |
6 | ![]() |
มานูเอล ฌอร์บา อิ ฌอร์บา | 1990 | 27 ธันวาคม ค.ศ. 1999 |
7 | ![]() |
บินเยต ปันยาเล อิบัลเซยส์ | 27 ธันวาคม ค.ศ. 1999 |
7 มกราคม ค.ศ. 2004 |
8 | ![]() |
โดลอร์ ลามาร์กา อิ โมเรย | 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 |
12 มิถุนายน ค.ศ. 2012 |
9 | ![]() |
อูเฆนิอา เซร์รา อิ อารันดา | 13 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 |
จนถึงปัจจุบัน |
สถิติ
[แก้]- ชั้นวางหนังสือ:
- พื้นที่ทั้งหมดของห้องสมุด: 15,000 ตารางเมตร[14]
- พื้นที่ทั้งหมดของห้องอ่านหนังสือทั่วไป: 2,700 เมตร[14]
- พื้นที่ทั้งหมดของห้องสำรอง: 360 ตารางเมตร[14]
- ที่นั่ง (จุดอ่านหนังสือ): 229[14]
- สื่อโดยรวม: ประมาณ 3 ล้านชิ้น[14]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Law 3/1981, 22 April, of the libraries". portaljuridic.gencat.cat. สืบค้นเมื่อ 19 ธันวาคม 2020.
- ↑ "Article 7 of the Law 4/1993, 18 March, of the Library System of Catalonia. 'The Library of Catalonia is the national library.'". portaljuridic.gencat.cat. สืบค้นเมื่อ 20 ธันวาคม 2020.
- ↑ Missió i funcions de la BC (in Catalan)
- ↑ "List of Members". Consortium of European Research Libraries. สืบค้นเมื่อ 19 December 2020.
- ↑ Ivan Alcázar Serrat (2007). Biblioteques: nous papers. Una mirada arquitectònica (Grup Comunicació21 ed.). Catalunya, País Valencià, les Illes Balears i Andorra: Cultura21.cat. p. 78-84.
- ↑ La cultura, essència del noucentisme, min. 9:30-10:50
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 La Biblioteca de Catalunya (Guide in English) เก็บถาวร 21 ธันวาคม 2008 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน หน้าที่ 4
- ↑ 8.0 8.1 8.2 La Biblioteca de Catalunya (Guide in English) เก็บถาวร 21 ธันวาคม 2008 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน หน้าที่ 6
- ↑ BNC Guide in English, p 22 – "Accord with Google" เก็บถาวร 21 ธันวาคม 2008 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ Lamalla.net เก็บถาวร 29 กันยายน 2007 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ SoftCatala.cat เก็บถาวร 21 มีนาคม 2007 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ La Biblioteca de Catalunya (Guide in English) เก็บถาวร 21 ธันวาคม 2008 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, p. 22.
- ↑ Directors เว็บไซต์ Biblioteca de Catalunya สืบค้นเมื่อ 28 เมษายน ค.ศ. 2025}}
- ↑ 14.0 14.1 14.2 14.3 14.4 14.5 14.6 La Biblioteca de Catalunya (Guide in English) เก็บถาวร 21 ธันวาคม 2008 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, p. 30.
- Riding, Alan. "France Detects a Cultural Threat in Google," New York Times. 11 April 2005.
อ่านเพิ่มเติม
[แก้]- Fontbona, Francesc: Présentation dés tresors de la Unitat Gràfica de la Biblioteca de Catalunya, Barcelona, 2005.
- Jorba, Manuel: La Biblioteca de Catalunya com a biblioteca nacional, Barcelona, 1996; The Biblioteca de Catalunya library of Catalonia, Barcelona, 1993 ; Els 80 anys de la Biblioteca de Catalunya, Barcelona, 1994.
- Panyella, V.: The Biblioteca de Catalunya, Library of Catalonia, Barcelona: Biblioteca de Catalunya, 1993.
- [Pere Bohigas (ed.)]: Cincuenta años de la antigua Biblioteca de Catalunya, Biblioteca Central de la Diputación de Barcelona, Barcelona 1968.
- Reis Fontanals, Marga Losantos: Biblioteca de Catalunya, 100 anys : 1907–2007, Biblioteca de Catalunya, Barcelona 2007
- Rodón, Joan: Sales de lectura de la Biblioteca de Catalunya, 1995.
- Rodríguez Parada, Concepción: Los fondos patrimoniales de la Biblioteca de Catalunya, Firenze, 2010.