สเตรนเจอร์ ธิงส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สเตรนเจอร์ ธิงส์
ข้อความ "Stranger Things" ที่เขียนด้วยนีออนสีแดงบนพื้นหลังสีดำ
ประเภท
สร้างโดยพี่น้องดัฟเฟอร์
แสดงนำ
ผู้ประพันธ์เพลง
ประเทศแหล่งกำเนิดสหรัฐ
ภาษาต้นฉบับอังกฤษ
จำนวนฤดูกาล4
จำนวนตอน32
การผลิต
ผู้อำนวยการผลิต
ผู้กำกับภาพ
  • ทิม ไอฟส์
  • ท็อด แคมป์เบลล์
  • ลัคแลน มิลเน
  • เดวิด ฟรังโก
  • ริคาร์โด ดิอาซ[1]
ผู้ลำดับภาพ
  • ดีน ซิมเมอร์แมน
  • เควิน ดี. รอสส์
  • แนต ฟูลเลอร์
  • แคทเธอรีน นารันโจ
ความยาวตอน42–98 นาที
บริษัทผู้ผลิต
งบประมาณ270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 4)[2]
ออกอากาศ
เครือข่ายเน็ตฟลิกซ์
ออกอากาศ15 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 (2016-07-15) –
ปัจจุบัน

สเตรนเจอร์ ธิงส์ (อังกฤษ: Stranger Things) เป็นละครชุดโทรทัศน์ผ่านสัญญาณต่อเนื่องอเมริกัน แนวนิยายวิทยาศาสตร์, สยองขวัญและดรามา สร้างโดย พี่น้องดัฟเฟอร์ และออกอากาศบนเน็ตฟลิกซ์ พี่น้องทั้งสองทำหน้าที่เป็นโชว์รันเนอร์และเป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารร่วมกับ ชอว์น เลวีและแดน โคเฮน โดยออกอากาศตามฤดูกาล ในฤดูกาลที่ 1 ฉายเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2016, ฤดูกาลที่ 2 ฉายเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2017, ฤดูกาลที่ 3 ฉายเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 2019, ฤดูกาลที่ 4 ถูกแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกฉายเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 และช่วงที่ 2 มีกำหนดฉายในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 อย่างไรก็ตามละครชุดเรื่องนี้ได้รับการต่ออายุถึงฤดูกาลที่ 5 และเป็นฤดูกาลสุดท้ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022

ภาพรวม[แก้]

สเตรนเจอร์ ธิงส์ ดำเนินเรื่องในเมือง ฮอว์กินส์ รัฐอินเดียนา เมืองในชนบทสมมุติช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 ห้องทดลองแห่งชาติของฮอว์กินส์ในบริเวณใกล้เคียงทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ให้กับกระทรวงพลังงานสหรัฐ แต่แอบทำการทดลองนอกเหนือปรกติและเหนือธรรมชาติ รวมถึงการทดลองที่เกี่ยวข้องกับการทดลองในมนุษย์ พวกเขาได้สร้างประตูไปยังมิติอื่นที่เรียกว่า "โลกกลับด้าน" โดยไม่ได้ตั้งใจ อิทธิพลของโลกกลับด้านเริ่มส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยในฮอว์กินส์ในทางที่เลวร้ายโดยไม่รู้ตัว[3][4]

เรื่องย่อ[แก้]

ฤดูกาลที่ 1
เหตุการณ์เริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1983 เมื่อ วิล ไบเยอร์ส ถูกลักพาตัวโดยสิ่งมีชีวิตจากโลกกลับด้าน จักรวาลคู่ขนาน จอยซ์ แม่ของเขาและจิม ฮอปเปอร์ ผู้บัญชาการตำรวจของเมือง ออกตามหาวิล ในเวลาเดียวกัน เด็กสาวที่สามมารถเคลื่อนย้ายวัตถุด้วยพลังจิตชื่อว่าอีเลฟเวน หนีออกจากห้องทดลองและช่วยไมค์, ดัสตินและลูคัส เพื่อนของวิลล์ในความพยายามตามหาวิล[5]
ฤดูกาลที่ 2
ดำเนินเรื่องในเหตุการณ์หนึ่งปีต่อมา เริ่มต้นในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1984 วิลล์ได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะรู้รายละเอียดของเหตุการณ์ เมื่อพบว่าวิลยังคงได้รับอิทธิพลจากสิ่งมีชีวิตจากโลกกลับด้าน เพื่อน ๆ และครอบครัวของเขาได้เรียนรู้ว่ามีภัยคุกคามที่ใหญ่กว่าต่อจักรวาลของพวกเขาจากโลกกลับด้าน[6]
ฤดูกาลที่ 3
เหตุการณ์ดำเนินเรื่องหลายเดือนต่อมา ในช่วงหลายวันก่อนถึง การเฉลิมฉลองวันที่สี่กรกฎาคม ใน ค.ศ. 1985 ห้างสรรพสินค้าสตาร์คอร์ตแห่งใหม่ได้กลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจของชาวเมืองฮอว์กินส์ ทำให้ร้านค้าอื่น ๆ ส่วนใหญ่เลิกกิจการ ฮอปเปอร์กังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอีเลฟเวนกับไมค์ ในขณะที่ยังคงพยายามดูแลจอยซ์ ในเมืองนี้ไม่มีใครรู้ว่าห้องทดลองลับของโซเวียต ที่อยู่ภายใต้สตาร์คอร์ตพยายามเปิดประตูสู่โลกกลับด้าน ปล่อยให้เอนทิตีจากโลกกลับด้าน เข้าสิงผู้คนในฮอว์กินส์และสร้างความสยองขวัญครั้งใหม่ให้รับมือ[7][8]
ฤดูกาลที่ 4
เหตุการณ์ดำเนินเรื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 1986 จอยซ์, วิล, อีเลฟเวนและโจนาธานได้ย้ายไปที่เมืองเลโนรา รัฐแคลิฟอร์เนีย อีเลฟเวนสูญเสียพลังของเธอและถูกรังแกในโรงเรียน ในขณะเดียวกัน สัตว์ประหลาดตัวใหม่ชื่อแวคนาจากโลกกลับด้าน เริ่มกำหนดเป้าหมายสังหารชาวเมืองฮอว์กินส์ เพื่อช่วยเธอต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ ดร. แซม โอเวนส์ และดร. มาร์ติน เบรนเนอร์ พาอีเลฟเวนไปสถานที่หนึ่งเพื่อช่วยให้เธอฟื้นพลังของเธอ ในขณะเดียวกันจอยซ์และเมอร์เรย์ก็ได้บินไปที่รัสเซียเพื่อช่วยเหลือฮ็อปเปอร์จากกูลักที่คัมชัตกา ที่ซึ่งมีเดโมกอร์กอนที่ถูกจับเป็นเชลยอยู่ด้วย

นักแสดงและตัวละคร[แก้]

พี่น้องดัฟเฟอร์, ชอว์น เลวี และนักแสดงหลักในปีสองของ สเตรนเจอร์ ธิงส์ ที่งาน ซานดิเอโก คอมมิค-คอน อินเตอร์เนชันแนล เมื่อ ค.ศ. 2017

ตัวละครหลัก[แก้]

จอยซ์ ไบเยอร์ส (Joyce Byers)[9]
รับบทโดย วิโนนา ไรเดอร์
แม่ของวิลล์และโจนาธาน ทำงานเป็นพนักงานร้าน Melvald's General Store เธอตามหาลูกชายขณะหายตัวไป เคยแต่งงานกับ โลนนี่ ไบเยอร์ส แต่หย่าร้างกัน เป็นคนเดียวที่เชื่อว่าว่าวิลยังมีชีวิตอยู่ในฤดูกาลที่ 1
จิม ฮ็อปเปอร์ (Jim Hopper)[9]
รับบทโดย เดวิด ฮาร์เบอร์
สารวัตรตำรวจของเมืองฮอว์กินส์ เพื่อนสนิทของ จอยซ์ หลังจากสูญเสียลูกสาวไปด้วยโรคมะเร็ง เขาก็หย่าร้างและกลายเป็นนักดื่ม ก่อนจะเข้ามาพัวพันกับเรื่องการหายตัวไปของวิลและห้องแล็บฮอว์กินส์ ในฤดูกาลที่ 2 เป็นผู้ดูแลอีเลฟเวนจนถูกรับเป็นพ่อบุญธรรม ในฤดูกาลที่ 3 ฮอปเปอร์ไม่ชอบหน้าของไมค์ เนื่องจากเขามีความสัมพันธ์ความรักกับอิเลฟเวน และในฤดูกาลที่ 4 ฮอปเปอร์รอดจากห้างสตาร์คอร์ต มอลล์ได้แต่ต้องติดอยู่ในเรือนจำของที่ประเทศรัสเซีย และก็หนีออกมาได้อีกครั้ง
ไมเคิล ไมค์ วิลเลอร์ (Michael "Mike" Wheeler)[10]
รับบทโดย ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด
พระเอกของเรื่อง ลูกคนกลางของบ้านวีลเลอร์ เป็นน้องชายของแนนซี่และพี่ชายของฮอลลี่ และเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทสามคนของวิลล์ คนรักของแอล ในฤดูกาลที่ 2 เขากำลังจะติดต่อเธอแต่ไม่ผลเป็นเวลา 352 วัน ในฤดูกาลที่ 3 เขาได้กลายเป็นคนรักหรือแฟนหนุ่มของอิเลฟเวนเต็มตัว ทำให้ฮ็อปเปอร์กังวลและไม่ชอบหน้าเขาสักนิดเลย
อิเลฟเวน (Eleven)[10] / แอล (El) / เจน อิเวส (Jane Ives)
รับบทโดย มิลลี บ็อบบี บราวน์
นางเอกของเรื่อง เด็กสาวที่มีพลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุ เป็นเด็กที่ถูกทดลองจากห้องแล็บฮอว์กินส์และได้หลบหนีจากห้องแล็บ ในช่วงที่ออกจากห้องแล็บรู้จักคำอยู่แค่ไม่กี่คำ จนกระทั่งได้พบกับไมค์ทำให้เริ่มที่จะพูดและสื่อสารได้ปกติและเรียกเธอว่า แอล (El) อาหารโปรดคือวาฟเฟิลสำเร็จรูปเอ็กโก้ เป็นผู้เปิดประตูโลกกลับด้านและเป็นจุดชนวนเริ่มต้นที่เกิดขึ้น สามารถสื่อสารโทรจิตได้ด้วยน้ำและเสียงคลื่นรบกวน ในช่วงท้ายของฤดูกาลที่ 1 ได้กำจัดเดโมกอร์กอนที่ลักพาตัววิลและอยู่ในโลกกลับด้าน
ในฤดูกาลที่ 2 อิเลฟเวนรอดจากการถูกระเบิดทำให้ติดอยู่ในโลกกลับด้าน แต่ก็ได้กลับเข้ามายังโลกจริงและอาศัยอยู่กับจิม และเมื่ออยู่อาศัยในบ้านทำให้ถูกจิมสั่งไม่ให้ออกนอกบ้าน แต่มักจะไม่พอใจที่จิมทำผิดสัญญา จนเกิดการทะเลาะกัน จนกระทั่งได้ค้นแฟ้มคดีที่จิมสืบได้พบว่าแม่ที่แท้จริงอยู่ที่ไหนจึงได้ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน และได้พบและค้นความทรงจำซึ่งชื่อจริงของอิเลฟเวนมีชื่อว่า เจน อินเวส
ในฤดูกาลที่ 3 เธอเป็นคนรักหรือแฟนสาวของไมค์เต็มตัว จึงทำให้ฮอปเปอร์ ผู้เป็นพ่อบุญธรธรมของเธอกังวลไม่พอใจในตัวไมค์เลย และในตอนจบเธอตัดสินใจที่จะไปอยู่กับครอบครัวไบเยอร์สเพื่อเลี้ยงดูแลแทนฮอปเปอร์ เนื่องจากเธอสูญเสียพ่อบุญธรรมและพลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถใช้พลังนี้อีกต่อไป และกลายเป็นเด็กสาวธรรมดาๆ และย้ายไปอยู่ เมืองเลโอร่าฮิลล์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมกับจอยซ์, โจนาธานและวิล เพื่อเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ของเธอ
ในฤดูกาลที่ 4 หลังจากที่สูญเสียพลังจิตของเธอไป เธอก็ได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายเมืองเลโนร่าฮิลส์เป็นครั้งแรกในชีวิตจริงพร้อมกับวิล, โจนาธาน และเพื่อนใหม่ของเธอ อาร์ไกล เธอถูกเพื่อนกลั่งแกล้งเป็นประจำ เพราะถูกมองว่าเป็นคนแปลก ต่อมาเธอถูก ดร. โอเวนส์ไปหา ดร. เบรนเนอร์ เพื่อทำให้เธอมีพลังจิตอีกครั้ง
วิล ไบเยอร์ส (Will Byers)[10]
รับบทโดย โนอาห์ ชแนปป์
พระรองของเรื่อง ลูกคนสุดท้องจอยซ์ น้องชายของโจนาธานและเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของไมค์ เป็นเหยื่อของเดโมกอร์กอนจับตัวไปยังโลกกลับด้าน ในช่วงที่อยู่ในโลกกลับด้านวิลได้พยายามจะสื่อสารกับจอยซ์ผู้เป็นแม่ด้วยหลอดไฟเพื่อช่วยเหลือให้กลับมายังโลกเดิม หลังจากที่จอยซ์และจิมช่วยเหลือจากโลกกลับด้านวิลได้คายสิ่งมีชีวิตจากโลกกลับด้านซึ่งนั่นก็คือเดโมกอร์กอนแบบตัวอ่อน ในฤดูกาลที่ 2 วิลถูกมายด์เฟลย์เยอร์จากโลกกลับด้านควบคุมและสามารถมองเห็นโลกกลับด้าน ในฤดูกาลที่ 3 วิลล์ไม่มีคนรักหรือแฟนสาวของตนเอง เนื่องจากเขากำลังดิ้นรนเพื่อไล่ตามวัยเด็กที่เขาสูญเสียไปได้รับผลจากการกลับโลกกลับด้านเป็นเวลาสองปี และตอนจบเขาตัดสินใจย้ายเมืองไปอยู่ที่ เมืองเลโนร่า ฮิลล์, รัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมกับโจนาธาน พี่ชายของเขา, จอย์ซ แม่ของเขา และอิเลฟเวน เพื่อนสนิทของเขา ส่งผลให้พวกเพื่อนๆของเขาเศร้าเสียใจ
ในฤดูกาลที่ 4 วิลได้อยู่กับแอล และเข้าโรงเรียนมัธยมปลายเมืองเลโนร่า ฮิลส์ ร่วมกับแอล, โจนาธานและอาร์ไกล เพื่อนใหม่ เขาคอยช่วยเหลือแอลจากการกลั่นแกล้งของเพื่อนๆ ใหม่
ดัสติน เฮนเดอร์สัน (Dustin Henderson)[10]
รับบทโดย เกเตน มาตาราซโซ
หนึ่งในเพื่อนสนิทของวิลล์ มีร่างกายที่ผิดปกติโดยเฉพาะส่วนฟันในปากขึ้นช้า มีนิสัยชอบผจญภัยและกล้าหาญ ในฤดูกาลที่ 2 เขาได้กลายเป็นเพื่อนชนิทคู่หูของสตีฟ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ในฤดูกาลที่ 3 เขามีคนรักหรือแฟนสาวของเขาที่ชื่อว่า ซูซี่ ที่พบกันครั้งแรกในแคมป์
ลูคัส ซินแคลร์ (Lucas Sinclair)[10]
รับบทโดย เคเล็บ แมตลาฟลิน
หนึ่งในเพื่อนสนิทของวิลล์ ผิวสี ในช่วงแรกยังไม่เชื่อใจอิเลฟเวน แต่หลังจากที่พิสูจน์ว่าอิเลฟเวนไม่ใช่คนไม่ดีทำให้ยอมรับ ในฤดูกาลที่ 3 เขาได้กลายเป็นคนรักของแม็กซ์ ในฤดูกาลที่ 4 ลูคัสถูกแม็กซ์บอกเลิก เนื่องจากเธอกำลังกังวลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบิลลี่ พี่ชายบุญธรรมของเธอ เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นนักบาสเกตบอลของทีมโรงเรียนมัธยมปลายฮอว์กินส์
แนนซี่ วิลเลอร์ (Nancy Wheeler)[10]
รับบทโดย นาตาเลีย ไดเออร์
ลูกสาวคนโตของบ้านวีลเลอร์ อดีตคนรักของสตีฟและคนรักของโจนาธาน
โจนาธาน ไบเยอร์ส (Jonathan Byers)[10]
รับบทโดย ชาร์ลี ฮีตัน
ลูกคนโตของบ้านไบเยอร์ส พี่ชายของวิลล์ เป็นคนเงียบ ๆ ที่ชอบถ่ายรูป คนรักของแนนซี่
สตีฟ แฮร์ริงตัน (Steve Harrington)[11]
รับบทโดย โจ เคียรี
อดีตคนรักของแนนซี่ เป็นดาวเด่นของโรงเรียนไฮสคูลของเมืองฮอว์กินส์ ในช่วงแรกเป็นศัตรูของโจนาธานเนื่องจากได้ไปยุ่งกับแนนซี่ที่เป็นคนรักของตน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่แนนซี่บอกเลิกกับสตีฟทำให้เริ่มเปลี่ยนความคิดใหม่และเป็นผู้ที่เห็นสิ่งมีชีวิตโลกกลับด้านอีกคน ภายหลังจากนั้นสตีฟได้เพื่อนชนิทคู่หูของดัสติน ในฤดูกาลที่ 3 สตีฟได้ทำงานเป็นพนักงานร้านสโคปอาฮอยในห้างสตาร์คอร์ท เนื่องจากพ่อได้ทราบถึงเกรดเรียนที่ไม่ดีเท่าไหร่จึงทำให้ต้องมาทำงาน แต่หลังจากที่ห้างสตาร์คอร์ทถูกทำลาย สตีฟได้ไปทำงานที่ร้านเช่าวิดีโอในเมืองฮอว์กินส์พพร้อมกับโรบิน
แม็กซีน แม็กซ์ เมย์ฟืลด์ (Maxine "Max" Mayfield)
รับบทโดย เซดี ซิงค์
ปรากฏตัวตั้งแต่ฤดูกาลที่ 2 เป็นน้องสาวต่างแม่ของบิลลี่ และทอมบอยที่ลูคัสและดัสตินสนใจ[12] เข้ามาย้ายเมืองพร้อมกับบิลลี่เธอชอบใช้สเก็ตบอร์ดเป็นเครื่องเดินทาง และมีชื่อแฝงในวงการเกมอาร์เขตว่า แมดแม็กซ์ (Madmax) ในฤดูกาลที่ 3 เธอได้กลายเป็นเพื่อนชนิทของอิเลฟเวน และเธอได้กลายเป็นคนรักของลูคัส ในฤดูกาลที่ 4 แม็กซ์อาศัยอยู่กับแม่ของเธอเพียงสองคน หลังจากนิล พ่อเลี้ยงของเธอหย่ากับแม่ เธอบอกเลิกลูคัส หลังจากการเสียชีวิตของพี่ชายต่างพ่อของเธอเมื่อปีที่แล้ว ผลการเรียนของเธอลดลง ทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืนและฝันร้ายถึงบิลลี่ และเป็นเหยื่อรายต่อไปของเว็คนา แต่ว่ารอดชีวิตเนื่องจากนำเพลงที่เธอชอบเข้ามาทำให้หลุดพ้นจากการสังหารของเว็คนา ต่อมาเธอถูกเว็คนาสังหารเป็นครั้งที่สองต่อหน้าแอลและลูคัส ทำให้แอลต้องต่อสู้กับเว็คนา และช่วยไว้ได้ทัน แต่ว่ากลับได้รับบาดเจ็บจนทำให้ตาบอดและรักษาตัวในโรงพยาบาลเมืองฮอว์กินส์
บิลลี่ ฮาร์กรูฟ (Billy Hargrove)
รับบทโดย เคเคอร์ มอนต์โกเมรี
ปรากฏตัวตั้งแต่ฤดูกาลที่ 2 พี่ชายต่างพ่อของแม็กซ์ เป็นนักเรียนใหม่ของโรงเรียนไฮสคูลของเมืองฮอว์กินส์ มีนิสัยใช้อารมณ์รุนแรงและมักจะพูดจารุนแรงใส่แม็กซ์ตลอด ในฤดูกาลที่ 3 บิลลี่ทำงานเป็นไลฟ์การ์ดในสระว่ายน้ำของเมืองฮอว์กินส์และกลายเป็นขวัญใจต่อลูกค้าสาวๆ ทั้งกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ แต่ว่ากลับได้พบมายด์ฟลายเยอร์ที่กำลังมีจะมีร่างกายที่สมบูรณ์ได้ดูดควบคุมจิตใจทำให้กลายเป็นคนละคนและได้รวมรวมประชากรในเมืองฮอว์กินส์ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมายด์เฟลย์เยอร์ ปัจจุบันบิลลี่ เสียชีวิตแล้ว ขณะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมายด์เฟลย์เยอร์คล้ายแมงมุม เพื่อปกป้องแอล, ไมค์ และแม็กซ์ น้องสาวของเขา
บ็อบ นิวบี้ (Bob Newby)
รับบทโดย ฌอน แอสติน
ปรากฏในฤดูกาลที่ 2 มีอาชีพเป็นผู้จัดการร้าน เรดิโอแช็ค เป็นเพื่อนกับจอยซ์ตั้งแต่สมัยเรียนและเริ่มคบหากันหลังจากที่ได้พบวิล เสียชีวิตจากการถูกฝูงเดโมด็อกรุมโจมตีและกัดกิน
โรบิน บัคกีย์ (Robin Buckey)[13]
รับบทโดย มายา ฮอก์ส
ปรากฏในฤดูกาลที่ 3 เป็นเพื่อนร่วมงานของสตีฟในร้านสโคปอาฮอย (Scoops Ahoy) รู้เรื่องภาษารัสเซีย เธอเป็นเลสเบี้ยน
เอริกา ซินแคลร์ (Erica Sinclair)
รับบทโดย ไปรอา เฟอร์กูสัน
ปรากฏในฤดูกาลที่ 2 เป็นน้องสาวของลูคัส รู้เรื่องความลับของโลกกลับด้านและรัสเซีย ในฤดูกาลที่ 3 เอริกาได้ไปเที่ยวห้างสตาร์คอร์ท และได้พบกับพวกดัสติน จึงช่วยกันไขปริศนาในห้าง ในฤดูกาลที่ 4 เธอได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ เดอะเฮลล์ไฟร์คลับ ร่วมกับไมค์และดัสติน หลังจากแอลและวิลย้ายเมือง ตอนที่ ลูคัส พี่ชายของเธอให้ของขวัญเป็น D&D ทำให้เธอชอบเล่นเหมือนพวกพี่ชายของเธอ
เมอร์เรย์ บาวแมน (Murray Bauman)
รับบทโดย Brett Gelman
เพื่อนของฮอปเปอร์และจอยซ์ มีความสามารถพูดภาษารัสเซียได้ หลังจากที่ฮอปเปอร์ถูกขังในรัสเซีย เขากับจอยซ์จึงออกตามหาฮอปเปอร์ เพื่อออกจากที่นี้
เอ็ดดี้ มันสัน (Eddie Munson)
รับบทโดย โจเซฟ ควินน์
ปรากฏตัวครั้งแรกฤดูกาลที่ 4 เป็นเพื่อนใหม่ของพวกไมค์ และหัวหน้าชมรม D&D ของโรงเรียนมัธยมปลายฮอว์กินส์ ที่มีชื่อว่า เดอะเฮลล์ไฟร์คลับ เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนที่ฆ่าคริสซี่ ทำให้เขาต้องหลบหนีจนกระทั่งพวกดัสตินได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้ เขาเป็นผู้ต้องสงสัยหลักของเมืองฮอว์กินส์ ในข้อหาสังหารคริสซี่ แต่ความจริงแล้วเอ็ดดี้ไม่ได้ฆ่าคริสซี่ เพื่อนสาวของเขาแต่ถูกเว็คนาใส่ร้าย ถูกฝูงเดโมแบทโจมตีกัดกินจนเสียชีวิต ขณะต่อสู้กับปีศาจและปกป้องดัสตินในโลกกลับด้าน ทำให้ดัสตินเสียใจ
อาร์ไกล์ (Argyle)
รับบทโดย เอดูอาร์โด แฟรนโก
ปรากฏตัวครั้งแรกในฤดูกาลที่ 4 หนุ่มคนส่งพิซซ่าจากร้าน Surfer Boy Pizza เป็นเพื่อนสนิทของโจนาธาน ชอบเสพกัญชาและรักความสนุกสนาน
เว็คนา (Vecna)
รับบทโดย เจมี แคมป์เบลล์ บาวเวอร์
สิ่งมีชีวิตที่มาจากโลกกลับด้าน สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในโลกกลับด้าน ผู้ที่สังหารบุคคลด้วยการดึงจิดสำนึกของเหยื่อด้วยโทรจิตทำให้เหยี่อมีร่างกายที่บิดเบี้ยวผิดปกติ โดยจะทำการล่าเหยื่อจากบุคคลที่มีปัญหาความเครียดสะสม ซึ่งส่วนใหญ๋ได้สังหารคนจากเมืองฮอว์กินส์ ประกอบไปด้วยคริสซี่, เฟร็ด และ แพททริค รวมถึงพยายามที่จะสังหารแม็กซ์แต่ทำไม่สำเร็จ และครั้งที่สองสามารถสังหารแม็กซ์ได้ แต่ถูกอิเลฟเวนสังหารทำให้เธอรอดชีวิตและตาบอด จนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเมืองฮอว์กินส์
ตัวตนที่แท้จริงของเว็คนา คือ เฮนรี ครีล (Henry Creel) ลูกชายของ วิคเตอร์ ครีล เป็นบุคคลที่มีพลังจิตตั้งแต่กำเนิด แต่ว่าเขากลับเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว จนกระทั่งปี 1950 เขาได้สังหารเวอร์จิเนียผู้เป็นแม่และอลิซผู้เป็นน้องสาวของตัวเอง จนทำให้ร่างกายอยู่สภาพโคม่าจากการที่ใช้พลังมากเกินไป ส่วนวิคเตอร์ถูกจับกุมข้อหาฆ่ายกครัว จนเวลาผ่านไปเฮนรีถูกเลี้ยงดูโดย ดร. เบรนเนอร์ เป็นผู้ทดลองในห้องแล็บฮอว์กินส์ หมายเลข 001 จนเวลาผ่านไปเขาใช้ชื่อว่า ปีเตอร์ บัลลาร์ด (Peter Ballard) เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลห้องแล็บฮอว์กินส์ เขาเป็นคนขยันและทำงานอย่างระเบียบ คอยดูแลการทดลองของเบรนเนอร์เกี่ยวกับเด็กที่มีพลังพิเศษจำนวนหนึ่งรวมถึงอิเลฟเวน ซึ่งเขาถูกเบรนเนอร์ฝังฟันเทียมไว้ที่ใต้คอเพื่อกดพลังของเขาไว้ โดยเขาได้พยายามผูกมิตรกับอิเลฟเวนเนื่องจากเห็นอิเลฟเวนถูกกระทำจากกลุ่มเด็กทดลองที่ทำเยี่ยงอย่างนักโทษ ทำให้อิเลฟเวนเริ่มที่จะเข้าใจและร้องขอให้ช่วยเหลือให้กับปีเตอร์ด้วยการดึงทำลายอุปกรณ์ที่ฝังร่างกายจนทำให้พลังของเขากลับคืนมา หลังจากนั้นเขาได้สังหารเจ้าหน้าที่และเด็กทดลองที่เหลือเกือบทั้งหมด เมื่ออิเลฟเวนได้รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาพยายามจะฆ่าอิเลฟเวนแต่ว่าอิเลฟเวนได้ดึงพลังจิตของเธอส่งเขาไปยังโลกกลับด้าน ทำให้ร่างกายของเขากลายสภาพเป็นเว็คนาไปในที่สุด

ตัวละครที่กลับมาวนเวียน[แก้]

ลอนนี ไบเยอรส์ (Lonnie Byers)
รับบทโดย รอส พาร์ทริด
อดีตสามีของจอยซ์ และพ่อของโจนาธานและวิล ปัจจุบันเขาเป็นคนขี้เหล้าและอาศัยอยู่กับแฟนใหม่ที่มีชื่อว่า ซินเธีย
คาเรน วีลเลอร์ (Karen Wheeler)[14]
รับบทโดย คาร่า บูโอโน่
แม่ของ แนนซี่, ไมค์และฮอลลี่
บาบาร่า บาร์บ ฮอลแลนด์ (Barbara "Barb" Holland)[15]
รับบทโดย แชนนอน ฟุตเซอร์
เพื่อนสนิทของแนนซี่ หายตัวไปที่สระน้ำบ้านของสตีฟ ในฤดูกาลแรก และเสียชีวิตจากการถูกเดโมกอร์กอนสังหารแต่ว่าถูกทางการรัฐบาลปิดข่าวว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อสารเคมี
มาร์ติน เบรนเนอร์ (Martin Brenner)[16]
รับบทโดย แมททิว โมไดน์
นักวิทยาศาสตร์ผู้คุม ห้องแล็บฮอว์กินส์[17]
แซม โอเวนส์ (Sam Owens)
รับบทโดย พอล เรย์เซอร์
นักวิทยาศาสตร์ของห้องแล็บฮอว์กินส์ ที่รู้เรื่องความลับของโลกกลับด้าน ในฤดูกาลที่ 4 เขาพาแอลไปยังห้องแล็บฮอว์กินส์อีกครั้งเพื่อให้เธอมีพลังอีกครั้ง
ทอมมี เอช. (Tommy H.)
รับบทโดย Chester Rushing
อดีตเพื่อนสนิทของสตีฟ ต่อมากลายเป็นศัตรูของสตีฟและเป็นแฟนหนุ่มของแครอล
แครอล (Carol)
รับบทโดย Chelsea Talmadge
อดีตเพื่อนสนิทของสตีฟ ต่อมากลายเป็นศัตรูของสตีฟ เป็นแฟนสาวของทอมมี
ฮอลลี่ วิลเลอร์ (Holly Wheeler)
รับบทโดย Tinsley-Anniston Price
ลูกสาวคนเล็กของบ้านวิลเลอร์และน้องสาวของแนนซี่และไมค์
เท็ด วีลเลอร์ (Ted Wheeler)
รับบทโดย Joe Chrest
พ่อของแนนซี่, ไมค์และฮอลลี่ และสามีของคาเรน
คลาวด์เดีย เฮนเดอร์สัน (Claudia Henderson)
รับบทโดย Catherine Curtin
แม่ของดัสติน
คีธ (Keith)
รับบทโดย แมทธิว คาร์ดาโรเปิล
เทเรซา เทอร์รี่ อิเวส (Teresa "Terry" Ives)
รับบทโดย Aimee Mullins
แม่ของอิเลฟเวน ถูกนักวิทยาศาสตร์ผู้คุมห้องแล็บขโมย เจน หรือ อีเลฟเวน ลูกสาวของเธอไป หลังจากที่สูญเสียลูกได้ไปยังห้องแล็บเพื่อตามหาเจน แต่ว่าถูกนักวิทยาศาสตร์ใช้คลื่นกระแสไฟฟ้าแรงสูงใส่สมองของเธอทำให้ไม่สามารถที่จะสื่อสารได้ปกติ มีเพียงคำพูดที่ถูกย้ำจำได้จากสมองที่จดจำ
กาลี ปราสาท (Kali Prasad)
รับบทโดย ลินนี เบอร์เธลเซน
พี่สาวบุญธรรมของอิเลฟเวน เป็นหนึ่งในเด็กที่ถูกจับเป็นผู้ทดลองในห้องแล็บฮอว์กินส์ หมายเลข 008 อยู่กับอิเลฟเวนในห้องสายรุ้งของห้องทดลองฮอว์กกินส์ และเมื่อมีพลังจิตที่แข็งแกร่งขึ้นทำให้ได้ทำร้ายและหลบหนีไปยังเมืองหนึ่งได้พบกับเอ็กเซล, มิค, ฟันไชน์, ดอทตี้ จนสร้างแก๊งโจรขึ้นมา
เบ็คกี้ อิเวส (Becky Ives)
รับบทโดย เอมี ไซเมตซ์
พี่สาวของเทอร์รี และป้าแท้ๆ ของอิเลฟเวน เธอเป็นคนดูแลน้องสาวของเธอ
นิล ฮาร์กรูฟ์ (Neil Hargrove)
รับบทโดย วิล เชส
อดีตสามีของซูซาน พ่อของบิลลี่ และพ่อเลี้ยงของแม็กซ์ เขามีนิสัยอารมณ์ร้อน ดูหมิ่นวาจาใส่กับบิลลี่ ลูกชายของเขา ในฤดูกาลที่ 4 หลังจากได้ยินการเสียชีวิตของลูกชายของเขาเมื่อปีที่แล้ว นิลหย่ากับซูซานและออกจากเมืองฮอว์กินส์
ซูซาน ฮาร์กรูฟ์ (Susan Hargrove)
รับบทโดย เจนนิเฟอร์ มาร์แชลล์
อดีตภรรยาของนิล แม่ของแม็กซ์ และแม่เลี้ยงของบิลลี่ เธอมีนิสัยใจดีกับเหล่าลูกๆของเธอ ในฤดูกาลที่ 4 ซูซานถูกนิลหย่าและเธอเลี้ยงดูแลแม็กซ์ ลูกสาวของเธอในเมืองฮอว์กินส์ต่อไป
ซูซี่ บิงแฮม (Suzie Bingham)
รับบทโดย กาเบรียลล่า พิซโซโล
คนรักของดัสติน อาศัยอยู่เมือง Salt Lake City
แลร์รี่ ไคลน์ (Larry Kline)
รับบทโดย แครี่ เอลเวส
ฮีเธอร์ ฮอลโลเวย์ (Heather Holloway)
รับบทโดย Francesca Reale
ไลฟ์การ์ดของสวนว่ายน้ำในเมืองฮอว์กินส์ ถูกบิลลี่จับตัวและกลายเป็นปรสิตสิงให้กับมายด์เฟลย์เยอร์อีกคน
บรูซ (Bruce)
รับบทโดย Jake Busey
ทอม ฮอลโลเวย์ (Tom Holloway)
รับบทโดย Michael Park
พ่อของฮีเทอร์
อเล็กเซ (Alexei)
รับบทโดย Alec Utgoff
นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย ที่ทำงานให้กับรัฐบาลรัสเซีย เป็นผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับการร่วมมือของรัฐบาลรัสเซียและเมืองฮอว์กินส์ ถูกกริกอรี่ยิงเสียชีวิตต่อหน้ามัวร์เรย์ ขณะกำลังมีความสุขกับชีวิตของเขา
กริกอรี่ (Grigori)
รับบทโดย Andrey Ivchenko
สายลับชาวรัสเซีย
ดอริส ดริสคอลล์ (Doris Driscoll)
รับบทโดย Peggy Miley
หญิงแก่ผู้ที่อยู่เพียงคนเดียว ที่ต้องสูญเสียสามีไป เสียชีวิตเนื่องจากโดนสังหารโดยมายด์เฟลย์เยอร์โจมตี
วิคเตอร์ ครีล (Victor Creel)
รับบทโดย โรเบิร์ต อิงแลนด์
ชายชราที่อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช เขาถูกคุมขังอยู่อยู่ในโรงพยาบาลด้วยข้อหาฆาตกรรมอันน่าสยดสยองในยุค 1950 แต่ความจริงแล้ววิคเตอร์ไม่ได้ฆ่าลูกและภรรยาของเขา แต่ถูกใส่ร้ายจากลูกชายของเขา ในช่วงที่อยู่ในห้องขังเขาพยายามที่จะฆ่าตัวตายด้วยการนำมีดโกนเข้าที่ตา แต่ว่าไม่สำเร็จทำให้ตาของเขาบอดสนิททั้งสองข้าง แถมยังถูกภาพหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เจสัน คาร์เวอร์ (Jason Carver)
รับบทโดย เมสัน ไดย์
ปรากฏตัวครั้งแรกในฤดูกาลที่ 4 เป็นนักกีฬาหนุ่มโรงเรียนที่หล่อและรวย แล้วก็ออกเดทกับผู้หญิงที่ดังที่สุดในโรงเรียน แต่เมื่อความชั่วร้ายใหม่เข้าคุกคามเมืองฮอว์กินส์ โลกที่สมบูรณ์แบบของเขาก็พังทลายลง นอกจากนี้เขายังเป็นศัตรูของพวกไมค์ อีกด้วย หลังจากคริสซี่ แฟนสาวของเขาเสียชีวิต เจสันก็มีความแค้นกับเอ็ดดี้ ในข้อหาสังหารแฟนของเขา และไล่ตามจับตัวเอ็ดดี้ รวมถึงเหล่าสมาชิกเดอะเฮลล์ไฟร์คลับคนอื่นๆ อีกด้วย โดยพยายามที่จะตามล่าคนที่เกี่ยวข้องกับเอ็ดดี้และเฮลล์ไฟร์คลับ จนได้พบพวกลูคัสที่บ้านร้าง และพบตัวลูคัส แม้ว่าลูคัสจะพยายามพูดข้อโต้แย้ง แต่เจสันกลับไม่สนที่จะฟัง สุดท้ายเจสันเสียชีวิตจากการถูกประตูรอยแยกของมิติโลกกลับด้านฉีกบนร่างกาย
วิคกี้ (Vickie)
รับบทโดย เอมีเบธ แมคนัลตี
ปรากฏตัวครั้งแรกในฤดูกาลที่ 4 เป็นสาวนักดนตรี เป็นคนคูลๆ ที่มีไหวพริบ ฉลาด เนิร์ด และเป็นที่สะดุดตาของเหล่าฮีโร่ที่รักของพวกเรา เป็นคนที่โรบินแอบชอบ
แพทริค แมคคินนี (Patrick McKinney)
รับบทโดย ไมลส์ ทรูตต์
ปรากฏตัวครั้งแรกในฤดูกาลที่ 4 เป็นดาวเด่นนักกีฬาบาสเกตบอลของฮอว์กินส์ที่มีเพื่อนเยอะ เป็นคนมีความสามารถ และมีชีวิตที่ดี จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นและทำให้ชีวิตของเขาเสียศูนย์ นอกจากนี้เขายังเป็นเพื่อนสนิทและร่วมทีมของลูคัส ต่อมาเขาถูกเว็คนาสังหาร ต่อหน้าเจสัน ในขณะตามหาจับตัวเอ็ดดี้ ในข้อหาสังหารคริสซี่
คริสซี่ คันนินแฮม (Chrissy Cunningham)
รับบทโดย เกรซ ฟาน เดียน
ปราฏตัวครั้งแรกในฤดูกาลที่ 4 เป็นแฟนสาวของเจสันและเป็นหัวหน้าเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียนมัธยมปลายฮอว์กินส์ เป็นคนที่ถูกเว็คนาสังหาร ในขณะที่อยู่รถบ้านของเอ็ดดี้
ครูเคลลีย์ (Ms. Kelley)
รับบทโดย เรจิน่า ทิง เฉิน
ปรากฏตัวครั้งแรกในฤดูกาลที่ 4 เป็นครูหญิงฝ่ายที่ปรึกษาสุดป็อปที่แคร์เด็กๆ นักเรียนของเธอ
ดีมีทรี (Dmitri)
รับบทโดย Tom Wlaschiha
ผู้คุมเรือนจำชาวรัสเซียที่ฉลาดและมีสเน่ห์ เป็นเพื่อนนักโทษของฮอปเปอร์
ยูริ (Yuri)
รับบทโดย Nikola Đuričko
นักค้าอาวุธของเถื่อนชาวรัสเซียที่คาดเดาไม่ได้ ชอบเรื่องตลกร้าย เงินเย็น และเนยถั่วสไตล์กรุบกรอบ เป็นคนที่ให้จอยซ์และเมอร์เรย์ไปรัสเซีย เพื่อตามหาฮอปเปอร์ ต่อมาเขาได้ทรยศต่อหน้าจอย์ซและเมอร์เรย์ เพื่อเข้าคุก เพราะรู้ว่าทั้งคู่เป็นคนอเมริกัน
เวยน์ มันสัน (Wayne Munson)
รับบทโดย โจเอล สโตเฟอร์
ลุงของเอ็ดดี้ มีนิสัยชอบสูบบูหรี่ แต่ไม่รู้ว่าหลานชายของเขาสังหารคริสซี่ ที่บ้านรถของเขา แต่ความจริงแล้วหลานชายของเขาไม่ได้สังหาร แต่ถูกเว็คนาใส่ร้าย ทำให้หลานชายของเขาต้องหลบหนีจากการสังหารของคริสซี่
พันเอกซิลลิแวน (Lt. Colonel Sullivan)
รับบทโดย Sherman Augustus
ชายหนุ่มคนขรึมที่เชื่อว่า เขารู้วิธีหยุดความชั่วร้ายในเมืองฮอว์กินส์ได้
เวอร์จิเนีย ครีล (Virginia Creel)
รับบทโดย Tyner Rushing
ภรรยาของวิคเตอร์ ครีล และเป็นแม่ของเฮนรี่, อลิซ ครีล
เฟร็ด เบนสัน (Fred Benson)
รับบทโดย โลแกน ไรลีย์ บรูเนอร์
นักข่าวหนุ่มจากโรงเรียนมัธยมปลายฮอว์กินส์ เป็นเพื่อนร่วมงานของแนนซี่ ที่เกี่ยวกับข่าวสืบสวน ถูกเว็คนาสังหาร ในข้อหาเขาขับรถชนกับรถของวัยรุ่นจนทำให้พวกเขาเสียชีวิต
อีเดน บิงแฮม (Eden Bingham)
รับบทโดย ออเดรย์ ฮอลคอมบ์
ปรากฏตัวครั้งแรกในฤดูกาลที่ 4 เป็นพี่สาวคนโตของซูซี่ และเป็นคนรักของอาร์ไกล
แองเจล่า (Angela)
รับบทโดย เอโลดี เกรซ ออร์กิ้น
ปรากฏตัวครั้งแรกในฤดูกาลที่ 4 ศัตรูและคู่ปรับของอิเลฟเวน เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนของอิเลฟเวนกับวิลในโรงเรียนใหม่ มีนิสัยชอบแกล้งอิเลฟเวน และเป็นแฟนสาวของเจค เธอพยายามจะให้ชีวิตของแอลพังทลาย ต่อมาถูกแอลใช้รองเท้าสเก็ตที่จมูกและสมอง 2 ระดับ เพื่อแก้แค้นเกี่ยวกับชีวิตพังทลายของเธอ ทำให้เธอเลือดออกจากหน้าผากและจมูก จนทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ
เจค (Jake)
รับบทโดย โลแกน อัลเลน
ปรากฏตัวครั้งแรกในฤดูกาลที่ 4 ศัตรูของอิเลฟเวน แฟนหนุ่มของแองเจล่า เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนอีกคนของอิเลฟเวนกับวิล มีนิสัยชอบแกล้งเหมือนแฟนสาวของเขา

ข้อมูลอื่นๆ[แก้]

ฮอว์กกินส์ (Hawkins)
เมืองที่อยู่ในรัฐอินดีแอนา
ห้องวิจัยระดับชาติฮอว์กินส์ (Hawkins National Laboratory)
โลกกลับด้าน (Upside Down)
โลกมิติคู่ขนานที่เต็มไปด้วยสถานที่ที่รกร้างและมีสารพิษ
เดโมกอร์กอน (Demogorgon)
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยจากโลกกลับด้าน ชื่อถูกตั้งมาจากตัวละครจากเกม Dungeons & Dragons
มายด์ เฟลย์เยอร์ (Mind Flayer)
ปีศาจเงามืดผู้นำของโลกกลับด้าน เป็นจุดศูนย์กลางของโลกกลับด้านและเป็นผู้บงการทั้งหมดของเดโมกอร์กอน เมื่อสิงสู่เข้ากับร่างมนุษย์มักอาศัยในที่เย็นๆ และไม่ออกนอกบ้าน มีจุดอ่อนคือความร้อน
เลโนร่า ฮิลส์ (Lenora Hills)
ปรากฏตัวในฤดูกาลที่ 4 เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตรงกลางข้ามกับเมืองเล็กๆ เมืองฮอว์กินส์ เป็นที่อาศัยอยู่ปัจจุบันของอิเลฟเว่นกับครอบครัวไบเออร์ส และเป็นบ้านเกิดของอาร์ไกล

รายชื่อตอน[แก้]

ปีจำนวนตอนวันที่เผยแพร่
1815 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 (2016-07-15)
2927 ตุลาคม ค.ศ. 2017 (2017-10-27)
384 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 (2019-07-04)
4[18]9727 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 (2022-05-27)
21 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 (2022-07-01)

ฤดูกาลที่ 1[แก้]

ตอนรวม ตอนฤดูกาล ชื่อตอน เขียนบท ผู้กำกับ
1 1 บทที่ 1: การหายตัวไปของวิล ไบเยอร์ส (Chapter One: The Vanishing of Will Byers) The Duffer Brothers The Duffer Brothers
2 2 บทที่ 2: คนประหลาดบนถนนเมเปิ้ล (Chapter Two: The Weirdo on Maple Street) The Duffer Brothers The Duffer Brothers
3 3 บทที่ 3: ฮอลลี่ จอลลี่ (Chapter Three: Holly, Jolly) Jessica Mecklenburg Shawn Levy
4 4 บทที่ 4: ศพ (Chapter Four: The Body) Justin Doble Shawn Levy
5 5 บทที่ 5: หมัดและนักกายกรรม (Chapter Five: The Flea and the Acrobat) Alison Tatlock The Duffer Brothers
6 6 บทที่ 6: สัตว์ประหลาด (Chapter Six: The Monster) Jessie Nickson-Lopez The Duffer Brothers
7 7 บทที่ 7: อ่างอาบน้ำ (Chapter Seven: The Bathtub) Justin Doble The Duffer Brothers
8 8 บทที่ 8: การกลับหัว (Chapter Eight: The Upside Down) Paul Dichter The Duffer Brothers

ฤดูกาลที่ 2[แก้]

ตอนรวม ตอนฤดูกาล ชื่อตอน เขียนบท ผู้กำกับ
9 1 บทที่ 1: แมดแม็กซ์ (Chapter One: MADMAX) The Duffer Brothers The Duffer Brothers
10 2 บทที่ 2: ทริค ออร์ ทรีต ไอ้ตัวประหลาด (Chapter Two: Trick or Treat, Freak) The Duffer Brothers The Duffer Brothers
11 3 บทที่ 3: ลูกอ๊อด (Chapter Three: The Pollywog) Justin Doble Shawn Levy
12 4 บทที่ 4: วิลผู้รู้ (Chapter Four: Will the Wise) Paul Dichter Shawn Levy
13 5 บทที่ 5: ขุดค้น (Chapter Five: Dig Dug) Jessie Nickson-Lopez Andrew Stanton
14 6 บทที่ 6: สายลับ (Chapter Six: The Spy) Kate Trefry Andrew Stanton
15 7 บทที่ 7: พี่สาวที่หายไป (Chapter Seven: The Lost Sister) Justin Doble Rebecca Thomas
16 8 บทที่ 8: จอมเปิดโปง (Chapter Eight: The Mind Flayer) The Duffer Brothers The Duffer Brothers
17 9 บทที่ 9: ประตู (Chapter Nine: The Gate) The Duffer Brothers The Duffer Brothers

ฤดูกาลที่ 3[แก้]

ตอนรวม ตอนฤดูกาล ชื่อตอน เขียนบท ผู้กำกับ
18 1 บทที่ 1: ซูซี่ ทราบแล้วเปลี่ยน? (Chapter One: Suzie, Do You Copy?) The Duffer Brothers The Duffer Brothers
19 2 บทที่ 2: เด็กห้าง (Chapter Two: The Mall Rats) The Duffer Brothers The Duffer Brothers
20 3 บทที่ 3: ไขปริศนาไลฟ์การ์ดที่หายไป (Chapter Three: The Case of the Missing Lifeguard) William Bridges Shawn Levy
21 4 บทที่ 4: การทดสอบในซาวน่า (Chapter Four: The Sauna Test) Kate Trefey Shawn Levy
22 5 บทที่ 5: การเปิดโปง (Chapter Five: The Flayed) Paul Dichter Uta Briesewitz
23 6 บทที่ 6: หลากหลายเป็นหนึ่งเดียว (Chapter Six: E Pluribus Unum) Curtis Gwinn Uta Briesewitz
24 7 บทที่ 7: รอยกัด (Chapter Seven: The Bite) The Duffer Brothers The Duffer Brothers
25 8 บทที่ 8: การต่อสู้ที่สตาร์คอร์ท (Chapter Eight: The Battle of Starcourt) The Duffer Brothers The Duffer Brothers

ฤดูกาลที่ 4[แก้]

ตอนรวม ตอนฤดูกาล ชื่อตอน เขียนบท ผู้กำกับ
Vol. 1
26 1 บทที่ 1: เฮลไฟร์คลับ (Chapter One: The Hellfire Club) The Duffer Brothers The Duffer Brothers
27 2 บทที่ 2: คำสาปของเว็คนา (Chapter Two: Vecna's Curse) The Duffer Brothers The Duffer Brothers
28 3 บทที่ 3: สัตว์ประหลาดและยอดมนุษย์ (Chapter Three: The Monster and the Superhero) Shawn Levy Caitlin Schneiderhan
29 4 บทที่ 4: ถึงบิลลี่ (Chapter Four: Dear Billy) Shawn Levy Paul Dichter
30 5 บทที่ 5: นีน่าโปรเจกต์ (Chapter Five: The Nina Project) Nimród Antal Kate Trefry
31 6 บทที่ 6: ดำดิ่ง (Chapter Six: The Dive) Nimród Antal Curtis Gwinn
32 7 บทที่ 7: สังหารที่ห้องแล็บฮอว์กินส์ (Chapter Seven: The Massacre at Hawkins Lab) The Duffer Brothers The Duffer Brothers
Vol. 2
33 8 บทที่ 8: พ่อ (Chapter Eight: Papa)[19] The Duffer Brothers The Duffer Brothers
34 9 บทที่ 9: การติดตาม (Chapter Nine: The Piggyback)[19] The Duffer Brothers The Duffer Brothers

การสร้าง[แก้]

ละครชุดดำเนินเรื่องในทศวรรษ 1980 ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองสมมติ ฮอว์กินส์ รัฐอินเดียนา มีเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติมากมายที่เกิดขึ้นรอบเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อมโยงกับความเป็นจริงที่แตกต่างที่ไม่เป็นมิตรที่เรียกว่าโลกกลับด้าน หลังจากการเชื่อมโยงระหว่างโลกกลับด้านกับโลกเกิดขึ้นโดยศูนย์ทดลองเด็กของรัฐบาล ละครชุดมีนักแสดงนำจำนวนมาก ได้แก่ วิโนนา ไรเดอร์, เดวิด ฮาร์เบอร์, ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด, มิลลี บ็อบบี บราวน์, เกเตน มาตาราซโซ, เคเล็บ แมตลาฟลิน, นาตาเลีย ไดเออร์, ชาร์ลี ฮีตัน, โนอาห์ ชแนปป์, เซดี ซิงก์, โจ เคียรี, คารา บูโอโน, แมตทิว โมไดน์, เดเคอร์ มอนต์กอเมอรี, ฌอน แอสติน, พอล ไรเซอร์, มายา ฮอว์ก, ไปรอาห์ เฟอร์กูสันและเบรตต์ เกลแมน

พี่น้องดัฟเฟอร์พัฒนา สเตรนเจอร์ ธิงส์ ให้เป็นการผสมผสานระหว่างละครแนวสืบสวนร่วมกับองค์ประกอบ เหนือธรรมชาติ ที่แสดงถึงความสยองขวัญ, นิยายวิทยาศาสตร์และความอ่อนไหวแบบเด็ก ๆ การให้ละครชุดดำเนินเรื่องในช่วงทศวรรษ 1980 พี่น้องดัฟเฟอร์ผสมผสานการอ้างอิงถึงวัฒนธรรมป๊อปในทศวรรษดังกล่าว ในขณะที่แก่นเรื่องและด้านการกำกับได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานของ สตีเวน สปีลเบิร์ก, จอห์น คาร์เพนเตอร์, เดวิด ลินช์, สตีเวน คิง, เวส คราเวนและเอช. พี. เลิฟคราฟท์ พวกเขายังได้รับแรงบันดาลใจจากการทดลองที่ดำเนินการในช่วงสงครามเย็นและทฤษฎีสมคบคิดในโลกแห่งความเป็นจริงที่เกี่ยวข้องกับการทดลองลับของรัฐบาล สเตรนเจอร์ ธิงส์ ได้ดึงดูดผู้ชมเป็นประวัติการณ์บนเน็ตฟลิกซ์ และได้รับการชื่นชมอย่างมากในเรื่องของลักษณะเฉพาะของละครชุด, บรรยากาศ, การแสดง, ดนตรีประกอบ, การกำกับ, บทละครชุดและการแสดงความเคารพต่อภาพยนตร์ในคริสต์ทศวรรษ 1980

สเตรนเจอร์ ธิงส์ มักถูกมองว่าเป็นหนึ่งในละครชุดเรือธงของเน็ตฟลิกซ์ ที่มีฐานผู้ชมที่ทุ่มเทและได้รับเครดิตในการเปิดตัวอาชีพของนักแสดงรุ่นเยาว์หลายคน ละครชุดได้รับการเสนอชื่อและรางวัลมากมาย ได้แก่ การเสนอชื่อใน รางวัลลูกโลกทองคำ, รางวัลสถาบันโทรทัศน์อังกฤษ, รางวัลสมาคมผู้กำกับแห่งอเมริกา, รางวัลสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกาและรางวัลแกรมมี ได้รับรางวัลในรางวัลไพรม์ไทม์เอมมี, รางวัลสมาคมนักแสดง สำหรับการแสดงยอดเยี่ยมโดยคณะนักแสดงในละครชุดแนวดรามา, สถาบันภาพยนตร์อเมริกัน, รางวัลโทรทัศน์ขวัญใจวิจารณ์และรางวัลขวัญใจประชาชน

ในสื่ออื่น[แก้]

ขุดลึกเบื้องหลัง สเตรนเจอร์ ธิงส์[แก้]

ขุดลึกเบื้องหลัง สเตรนเจอร์ ธิงส์ (Beyond Stranger Things) ออกพร้อมกับฤดูกาลที่ 2 ดำเนินรายการโดย จิม แรช เป็นรายการที่นำเบื้องลึกเบื้องหลังพูดคุยเกี่ยวกับการถ่ายทำของซีรีส์นี้และมีการเล่าเนื้อหาส่วนสำคัญของฤดูกาลที่ 2 ที่ออกฉาย รวมทั้งเล่าที่มาของตัวละครและข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏในเรื่อง[20]

สเตรนเจอร์ ธิงส์ ทีวี[แก้]

เป็นโฆษณาโปรโมทซีรีส์ สเตรนเจอร์ ธิงส์ ที่ร่วมมือกันระหว่างเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์และเน็ตฟลิกซ์ประเทศไทย โดยเนื้อหาของตัวโฆษณาได้อ้างอิงรายการโทรทัศน์ในยุค 80 โดยมีพิธีกรคือ จอร์ซ (กันต์ กันตถาวร) และ ซาร่า (อภิษฎา เครือคงคา) แนะนำซีรีส์นี้ให้ผู้รับชมได้ดู และได้มีการออกอากาศ สเตรนเจอร์ ธิงส์ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 21:30 น. ซึ่งการออกอากาศนั้นได้ออกอากาศเฉพาะตอนแรกเพียงตอนเดียว และเป็นการโปรโมททั้งซีรีส์และเน็ตฟลิกซ์

อ้างอิง[แก้]

  1. "Stranger Things". Ricardo Diaz - Cinematographer. สืบค้นเมื่อ December 23, 2021.
  2. Nair, Rupesh (2022-04-22). "Season 4 of Stranger Things Reportedly Costed $30 Million Per Episode". IGN India (ภาษาIndian English). สืบค้นเมื่อ 2022-06-21.
  3. Ho, Rodney (July 19, 2016). "New Netflix drama series Stranger Things to shoot in Atlanta". The Atlanta Journal-Constitution. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 28, 2016. สืบค้นเมื่อ January 27, 2016.
  4. "Netflix to premiere original series Montauk in 2016". Reuters. April 2, 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 24, 2015. สืบค้นเมื่อ April 3, 2015.
  5. Gallagher, Caitlin (July 15, 2016). "Is Hawkins A Real Town? 'Stranger Things' Will Make You Nostalgic For These Other '80s Classics". Bustle. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2018. สืบค้นเมื่อ August 5, 2016.
  6. Stack, Tim (February 9, 2017). "Stranger Things season 2: Who's in danger? Who's new? The plot revealed!". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2018. สืบค้นเมื่อ February 9, 2017.
  7. Kilkenny, Katie (March 25, 2018). "'Stranger Things': First Season 3 Details Revealed". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 26, 2018. สืบค้นเมื่อ March 26, 2018.
  8. McVey, Clara (June 5, 2018). "Noah Schnapp Teases 'Stranger Things' Season 3: "It's Very Different"". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 12, 2018. สืบค้นเมื่อ June 5, 2018.
  9. 9.0 9.1 Ausiello, Michael (June 15, 2015). "Scoop: Winona Ryder to Headline Untitled Netflix Supernatural Thriller". TVLine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-08-16. สืบค้นเมื่อ August 24, 2015.
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 10.5 10.6 Andreeva, Nellie (August 20, 2015). "Duffer Bros. Netflix Supernatural Drama Series Sets Young Cast, Gets Title". Deadline.com. สืบค้นเมื่อ August 24, 2015.
  11. Crossan, Ashley (August 31, 2016). "EXCLUSIVE: 'Stranger Things' Actor Joe Keery on Season 2, Steve's Hair and Justice for Barb". Entertainment Tonight. สืบค้นเมื่อ January 2, 2017.
  12. Petski, Denise (October 14, 2016). "'Stranger Things' Netflix Series Adds Two New Regulars, Promotes Two For Season 2". Deadline.com. สืบค้นเมื่อ October 14, 2016.
  13. 'Stranger Things': Maya Hawke Pulls the Curtain Back on Season 3 Breakout Role
  14. Petski, Denise (September 1, 2015). "Cara Buono Joins Netflix's 'Stranger Things'; Dean Cain In 'Lady Dynamite'". Deadline.com. สืบค้นเมื่อ July 17, 2016.
  15. Pedersen, Erik (June 9, 2016). "'Stranger Things' Trailer: First Look At Netflix's Supernatural Drama Starring Winona Ryder & Matthew Modine". Deadline.com. สืบค้นเมื่อ August 4, 2016.
  16. "Netflix's 'Stranger Things' Adds Matthew Modine to Cast (Exclusive)". TheWrap. October 27, 2015. สืบค้นเมื่อ July 17, 2016.
  17. "'Stranger Things' executive producer confirms a major character's fate". Business Insider. สืบค้นเมื่อ December 16, 2017.
  18. Mason, Charlie (May 20, 2022). "Stranger Things Season 4, Part 1 Episode Count Revealed at Last". TVLine. สืบค้นเมื่อ May 20, 2022.
  19. 19.0 19.1 Gaudens, Reed (May 29, 2022). "How many episodes is Stranger Things season 4 part 2? (Episode titles and more)". NetflixLife.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-06-03. สืบค้นเมื่อ May 30, 2022.
  20. Stedman, Alex (October 26, 2017). "'Stranger Things' Aftershow to Launch on Netflix". Variety. สืบค้นเมื่อ October 26, 2017.