ข้ามไปเนื้อหา

สู่นรกภูมิ (ดันเต)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สู่นรกภูมิ
คันโต้ 1 จากสู่นรกภูมิ ส่วนแรกของบทเพลงแห่งพระเจ้าโดยดันเต อาลีกีเอรี
ผู้ประพันธ์ดันเต อาลีกีเอรี
ประเทศอิตาลี
ภาษาอิตาลี
ชุดบทเพลงแห่งพระเจ้า
ประเภทกวีนิพนธ์เล่าเรื่อง
วันที่พิมพ์ป. ค.ศ. 1321
ข้อความสู่นรกภูมิ ที่ วิกิซอร์ซ

สู่นรกภูมิ (อิตาลี: Inferno; ภาษาอิตาลี: [iɱˈfɛrno]; แปลว่า 'นรก') เป็นส่วนแรกของกวีนิพนธ์เล่าเรื่องในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เรื่องบทเพลงแห่งพระเจ้าโดยดันเต อาลีกีเอรีนักเขียนชาวอิตาลี ตามมาด้วยส่วนแดนชำระ (Purgatorio) และส่วนสวรรค์ (Paradiso) ส่วนสู่นรกภูมิเล่าถึงการเดินทางของดันเตในรูปแบบตัวละครสมมติผ่านนรก นำทางโดยวอร์จิลิโอหรือเวอร์จิลผู้เป็นกวีชาวโรมโบราณ ในกวีนิพนธ์เรื่องนี้ นรกถูกพรรณนาว่าเป็นวงแหวนแห่งความทรมานที่ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ เก้าวงที่ตั้งอยู่ในโลก เป็น "อาณาจักร [...] ของเหล่าผู้ที่ปฏิเสธคุณค่าทางจิตวิญญาณด้วยการยอมจำนนต่อกิเลสตัณหาหรือความรุนแรง หรือบิดเบือนสติปัญญาของมนุษย์เพื่อหลอกลวงหรือมุ่งร้ายต่อเพื่อนมนุษย์"[1] บทเพลงแห่งพระเจ้าเป็นกวีนิพนธ์เชิงอุปมานิทัศน์ที่นำเสนอการเดินทางของวิญญาณไปถึงพระเป็นเจ้า โดยสู่นรกภูมิบรรยายถึงการรับรู้และการปฏิเสธบาป[2]

บทนำสู่นรกภูมิ

[แก้]

คันโต้ 1

[แก้]
ภาพพิมพ์ลายแกะของกุสตาฟว์ ดอเรประกอบหนังสือบทเพลงแห่งพระเจ้า (ค.ศ. 1861–1868) ในภาพนี้แสดงเหตุการณ์ที่ดันเตหลงทางในช่วงต้นของคันโต้ 1 ของสู่นรกภูมิ

กวีนิพนธ์เริ่มต้นในคืนวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ในวันที่ 24 มีนาคม (หรือ 7 เมษายน) ค.ศ. 1300 ไม่นานก่อนรุ่งสางของวันศุกร์ประเสริฐ[3][4] ผู้เล่าเรื่องคือตัวดันเตเองมีอายุ 35 ปี จึงอยู่ "ณ ครึ่งชีวิตที่เดินทางผ่านพ้นของมนุษย์เรา" (Nel mezzo del cammin di nostra vita)[5] ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของอายุขัยมนุษย์ตามที่ระบุในคัมภีร์ไบเบิลคือ 70 ปี (สดุดี 89:10 ในฉบับวัลเกต; นับเป็นสดุดี 90:10 ในฉบับคิงเจมส์) ตัวกวีพบว่าตนเองหลงทางในป่าอันมืดมิด (selva oscura)[6] พลัดจาก "เส้นทางอันเที่ยงตรง" (diritta via[7] แปลได้อีกแบบว่า 'เส้นทางอันถูกต้อง') แห่งความรอด เขาตั้งใจจะปีนตรงขึ้นบนภูเขาเล็ก ๆ แต่เส้นทางของเขาถูกขัดขวางโดยสัตว์ร้าย 3 ตัวที่เขาไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ได้แก่ lonza[8] (มักแปลว่า 'เสือดาว' หรือ 'เสือดำ')[9] leone[10] (สิงโต) และ lupa[11] (หมาป่าตัวเมีย) สัตว์ร้ายทั้งสามมีที่มาจากเยเรมีย์ 5:6[12] เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของบาป 3 ประเภทที่นำวิญญาณที่ไม่สำนึกผิดไปสู่นรก 3 ขุมใหญ่ จอห์น ชาร์ดี (John Ciardi) ระบุว่าบาปเหล่านี้ได้แก่ ความไม่ยับยั้ง (หมาป่าตัวเมีย), ความรุนแรง/การสมสู่กับสัตว์ (สิงโต) และการฉ้อโกง/ความมุ่งร้าย (เสือดาว)[13]

ขณะนั้นเป็นเวลารุ่งเช้าของวันศุกร์ประเสริฐคือวันที่ 8 เมษายน ดวงอาทิตย์ขึ้นในราศีเมษ เหล่าสัตว์ร้ายขับไล่เขาให้กลับไปสู่ความมืดมิดแห่งความผิดพลาดคือ "ที่ราบต่ำ" (basso loco)[14] ที่ซึ่งดวงอาทิตย์สงบเงียบ (l sol tace)[15] แต่ดันเตก็ได้รับการช่วยเหลือจากบุคคลหนึ่งที่ประกาศว่าตนเกิดในยุคสมัยแห่งยุยโอ (sub Iulio; คือสมัยของจูเลียส ซีซาร์)[16] และมีชีวิตอยู่ภายใต้เอากุสโต (จักรพรรดิเอากุสตุส) เป็นร่างเงาของวอร์จิลิโอ (เวอร์จิล) กวีชาวโรมผู้เขียนอีเนียดมหากาพย์ภาษาละตินซึ่งก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทางผ่านแดนคนตาย

คันโต้ 2

[แก้]

ตอนเย็นของวันศุกร์ประเสริฐ ดันเตลังเลใจขณะเดินตามวอร์จิลิโอ วอร์จิลิโออธิบายว่าตนถูกส่งมาโดยบีทริชอันเป็นสัญลักษณ์ของความรักของพระเจ้า บีทริชได้รับการดลใจจากพระนางมารีย์พรหมจารี (สัญลักษณ์ของความเมตตา) และนักบุญลูเซีย (สัญลักษณ์ของพระคุณอันส่องสว่าง) ให้ช่วยเหลือดันเต ราเชเล (ราเชล) ผู้เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตปัสนาก็ปรากฏในฉากสวรรค์ที่วอร์จิลิโอเล่าให้ฟังด้วย จากนั้นทั้งสองเริ่มการเดินทางไปนรกภูมิ ดันเตไม่มั่นใจว่าตนคู่ควรกับการเดินทางนี้หรือไม่ จึงไตร่ตรองถึงเส้นทางของเอเนย์ (อีเนียส) และเปาโลซึ่งได้รับอนุญาคให้เข้าสู่โลกหลังความตาย และสงสัยในความสามารถของตนเองในการพยายามเดินทาง (สู่นรกภูมิ 2.10-36)

คันโต้ 3: ทางเข้านรก

[แก้]

ดันเตเดินผ่านประตูนรก ซึ่งมีจารึกที่ลงท้ายด้วยวลีว่า "Lasciate ogne speranza, voi ch'intrate",[17] มักแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า "Abandon all hope, ye who enter here"[a] และแปลเป็นภาษาไทยว่า "ละทิ้งความหวังทั้งหมดสิ้น ท่านผู้เยื้องย่าง"[18] ดันเตและผู้นำทางได้ยินเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของเหล่าผู้ไม่ถูกผูกมัด เหล่านี้เป็นวิญญาณของคนที่ในชีวิตไม่ได้ฝักฝ่ายใด ๆ เป็นผู้ฉวยโอกาสที่ไม่เข้าข้างความดีหรือความชั่ว เพียงสนใจแต่ตนเองเท่านั้น ในบรรดาวิญญาณเหล่านี้ ดันเตจดจำบุคคลผู้ "ปฏิเสธต่อสู้กับความกลัว" (great refusal) ได้ โดยนัยเป็นการกล่าวถึงสมเด็จพระสันตะปาปาเซเลสทีนที่ 5 ผู้ที่ "ความขี้ขลาด (ในความหวาดกลัวอย่างเห็นแก่ตัวเพื่อสวัสดิภาพของตนเอง) ของพระองค์เป็นประตูที่นำความชั่วร้ายมากมายเข้ามาสู่คริสตจักร"[19] ที่ปะปนอยู่ในหมู่วิญญาณเหล่านี้คือเหล่าผู้ถูกขับไล่ซึ่งไม่เข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการก่อกบฏของทูตสวรรค์ วิญญาณเหล่านี้ไม่มีวันถูกจัดจำแนก ไม่อยู่ทั้งในนรกหรือที่อื่น ๆ อยู่แต่บนฝั่งของแม่น้ำอาเครอนเต้ (แม่น้ำแอเคอรอน) วิญญาณเหล่านี้เปลือยเปล่าและเหนื่อยล้า ต่างวิ่งวุ่นไปรอบ ๆ ผ่านกลุ่มหมอกเพื่อไล่ตามธงที่โบกสะบัดไปมาแต่จับต้องไม่ได้ (สัญลักษณ์ของการแสวงประโยชน์ส่วนตนซึ่งแปรเปลี่ยนไปโดยตลอด) ขณะเดียวกันก็ถูกต่อและแตนไล่ตามอย่างไม่ลดละ และต่อยวิญญาณเหล่านี้โดยตลอด[20] หนอนที่น่ารังเกียจที่เท้าของคนบาปดูดเอาของผสมเน่าเหม็นของเลือด หนอง และน้ำตาที่ไหลมาจากร่างกายของคนเหล่านั้น เป็นสัญลักษณ์ของความเจ็บปวดจากจิตสำนึกที่รู้สึกผิดและความรังเกียจบาป อาจถือว่าเป็นภาพสะท้อนของความชะงักงันทางจิตวิญญาณขณะมีชีวิต

ภาพวาดของกุสตาฟว์ ดอเรประกอบคันโต้ 3: การมาถึงของคารอน

หลังผ่านช่วงทางเข้านรกมา ดันเตและวอร์จิลิโอก็มาถึงเรือข้ามฟากที่ใช้พาข้ามแม่น้ำอาเครอนเต้ไปยังนรก เรือข้ามฟากมีคารอน (แครอน) เป็นผู้พาย คารอนไม่ต้องการให้ดันเตเข้าไปนรก เพราะดันเตยังมีชีวิต วอร์จิลิโอบังคับคารอนให้พาพวกตนเข้าไปโดยประกาศว่า Vuolsi così colà dove si puote / ciò che si vuole ("เป็นความประสงค์จากเบื้องบน / เป็นสิ่งที่เจ้าปรารถนา")[21] หมายความถึงความจริงที่ว่าดันเตกำลังเดินทางโดยการหนุนนำของพระเจ้า เสียงคร่ำครวญและเสียงสาปแช่งของวิญญาณที่ขึ้นไปบนเรือของคารอนแตกต่างจากเสียงร้องเพลงรื่นเริงของวิญญาณได้รับพรซึ่งมาถึงโดยเรือข้ามฟากในแดนชำระ ไม่มีความบรรยายถึงการเดินทางข้ามแม่น้ำอาเครอนเต้เนื่องจากดันเตล้มลงหมดสติและไม่ตื่นขึ้นจนกระทั่งไปถึงอีกฝั่งหนึ่งแล้ว

วงแหวนทั้งเก้าแห่งนรกภูมิ

[แก้]

ภาพรวม

[แก้]

วงแหวนที่หนึ่ง (ลิมโบ)

[แก้]

คันโต้ 4

[แก้]

วงแหวนที่สอง (ราคะ)

[แก้]

คันโต้ 5

[แก้]

วงแหวนที่สาม (ตะกละ)

[แก้]

คันโต้ 6

[แก้]

วงแหวนที่สี่ (โลภะ)

[แก้]

คันโต้ 7

[แก้]

วงแหวนที่ห้า (โทสะ)

[แก้]

คันโต้ 8

[แก้]

ทางเข้าสู่เมืองดีเต

[แก้]

คันโต้ 9

[แก้]

วงแหวนที่หก (นอกรีต)

[แก้]

คันโต้ 10

[แก้]

คันโต้ 11

[แก้]

วงแหวนที่เจ็ด (ความรุนแรง)

[แก้]

คันโต้ 12-14

[แก้]

คันโต้ 15

[แก้]

คันโต้ 16

[แก้]

คันโต้ 17

[แก้]

วงแหวนที่แปด (การฉ้อโกง)

[แก้]

คันโต้ 18-21

[แก้]

คันโต้ 22

[แก้]

คันโต้ 23-24

[แก้]

คันโต้ 25

[แก้]

คันโต้ 26

[แก้]

คันโต้ 27

[แก้]

คันโต้ 28

[แก้]

คันโต้ 29

[แก้]

คันโต้ 30

[แก้]

คันโต้ 31

[แก้]

วงแหวนที่เก้า (การทรยศ)

[แก้]

คันโต้ 32-34

[แก้]

ใจกลางนรก

[แก้]

ภาพวาด

[แก้]
ชุดภาพพิมพ์แกะไม้แสดงภาพวาดนรกของดันเต วาดโดยอันโตนีโอ มาเนตตี (ค.ศ. 1423–1497)
Dialogo di Antonio Manetti cittadino fiorentino circa al sito, forma, et misure dello inferno di Dante Alighieri poeta excellentissimo (Florence: F. Giunta, possibly 1510)
Everything Reduced to One Plan, 1506
Everything Reduced to One Plan, 1506 
The Chamber of Hell, 1506
The Chamber of Hell, 1506 
Overview of Hell, 1506
Overview of Hell, 1506 
Circles Six and Seven, 1506
Circles Six and Seven, 1506 
The Lair of Geryon, 1506
The Lair of Geryon, 1506 
The Tomb of Lucifer, 1506
The Tomb of Lucifer, 1506 

หมายเหตุ

[แก้]
  1. มีคำแปลภาษาอังกฤษหลายสำนวนแปลของวลีอันโด่งดังนี้ ตัวอย่างส่วนหนึ่งได้แก่
    • "All hope abandon, ye who enter here" – Henry Francis Cary (ค.ศ. 1805–1814, ขึ้นกับว่าฉบับพิมพ์ครั้งใดปรากฏขึ้นก่อน)
    • "All hope abandon, ye who enter in!" – Henry Wadsworth Longfellow (ค.ศ. 1882)
    • "Leave every hope, ye who enter!" – Charles Eliot Norton (ค.ศ. 1891)
    • "Leave all hope, ye that enter" – Carlyle-Okey-Wicksteed (ค.ศ. 1932)
    • "Lay down all hope, you that go in by me." – Dorothy L. Sayers (ค.ศ. 1949)
    • "Abandon all hope, ye who enter here" – John Ciardi (ค.ศ. 1954)
    • "Abandon every hope, you who enter." – Charles S. Singleton (ค.ศ. 1970)
    • "No room for hope, when you enter this place" – C. H. Sisson (ค.ศ. 1980)
    • "Abandon every hope, who enter here." – Allen Mandelbaum (ค.ศ. 1982)
    • "Abandon all hope, you who enter here." – Robert Pinsky (ค.ศ. 1993); Robert Hollander (ค.ศ. 2000)
    • "Abandon every hope, all you who enter" – Mark Musa (ค.ศ. 1995)
    • "Abandon every hope, you who enter." – Robert M. Durling (ค.ศ. 1996)
    วลีนี้แปลแบบคำต่อคำได้ว่า "Leave (lasciate) every (ogne) hope (speranza), ye [ภาษาอังกฤษปัจจุบัน 'you'] (voi) that (ch') enter (intrate)."

อ้างอิง

[แก้]
  1. John Ciardi, The Divine Comedy, Introduction by Archibald T. MacAllister, p. 14.
  2. Dorothy L. Sayers, Hell, notes, p. 19.
  3. Hollander, Robert (2000). Note on Inferno I.11. In Robert and Jean Hollander, trans., The Inferno by Dante. New York: Random House. p. 14. ISBN 0-385-49698-2.
  4. Allen Mandelbaum, Inferno, notes on Canto I, p. 345.
  5. สู่นรกภูมิ. คันโต้ 1, วรรค 1.
  6. สู่นรกภูมิ. คันโต้ 1, วรรค 2.
  7. สู่นรกภูมิ. คันโต้ 1, วรรค 3.
  8. สู่นรกภูมิ. คันโต้ 1, วรรค 32.
  9. Allaire, Gloria (7 August 1997). "New evidence towards identifying Dante's enigmatic lonza". Electronic Bulletin of the Dante Society of America. {{cite journal}}: Cite journal ต้องการ |journal= (help) – defines lonza as the result of an unnatural pairing between a leopard and a lioness in Andrea da Barberino Guerrino meschino.
  10. สู่นรกภูมิ. คันโต้ 1, วรรค 45.
  11. สู่นรกภูมิ. คันโต้ 1, วรรค 49.
  12. เยเรมีย์ 5:6
  13. John Ciardi, Inferno, notes on Canto I, p. 21.
  14. สู่นรกภูมิ. คันโต้ 1, วรรค 61.
  15. สู่นรกภูมิ. คันโต้ 1, วรรค 60.
  16. สู่นรกภูมิ. คันโต้ 1, วรรค 70.
  17. สู่นรกภูมิ คันโต้ 3, วรรค 9.
  18. ดันเต อาลีกีเอรี. นภัค ลิมป์ (แปล). บทเพลงแห่งพระเจ้า: สู่นรกภูมิ. สำนักพิมพ์เวลา, 2567, p. 27.
  19. John Ciardi, Inferno, notes on Canto III, p. 36.
  20. Dorothly L. Sayers, Hell, notes on Canto III.
  21. สู่นรกภูมิ, คันโต้ 3, วรรค 95–96.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

ต้นฉบับ

[แก้]
  • Dante Dartmouth Project: Full text of more than 70 Italian, Latin, and English commentaries on the Commedia, ranging in date from 1322 (Iacopo Alighieri) to the 2000s (Robert Hollander)
  • World of Dante Multimedia website that offers Italian text of Divine Comedy, Allen Mandelbaum's translation, gallery, interactive maps, timeline, musical recordings, and searchable database for students and teachers by Deborah Parker and IATH (Institute for Advanced Technologies in the Humanities) of the University of Virginia
  • Dante's Divine Comedy: Full text paraphrased in modern English verse by Scottish author and artist Alasdair Gray
  • Audiobooks: Public domain recordings from LibriVox (in Italian, Longfellow translation); some additional recordings

แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ

[แก้]