สึโตมุ ยามางูจิ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สึโตมุ ยามางูจิ
山口 彊
เกิด16 มีนาคม ค.ศ. 1916(1916-03-16)
นางาซากิ จักรวรรดิญี่ปุ่น
เสียชีวิตมกราคม 4, 2010(2010-01-04) (93 ปี)
นางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น
อาชีพวิศวกร
บุตร9 คน

สึโตมุ ยามางูจิ (ญี่ปุ่น: 山口 彊โรมาจิYamaguchi Tsutomu; 16 มีนาคม ค.ศ. 1916 – 4 มกราคม ค.ศ. 2010) เป็นวิศวกรทางทะเลชาวญี่ปุ่นและผู้รอดชีวิตจากการทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมะและนางาซากิในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ถึงแม้ว่ามีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดทั้งสองเท่าที่รู้จักอย่างน้อย 70 คน[1] เขาเป็นบุคคลเดียวที่รัฐบาลญี่ปุ่นยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นผู้รอดชีวิตจากระเบิดทั้งสอง[2]

เขาเป็นพลเมืองนางาซากิ แต่ตอนที่มีการทิ้งระเบิดลูกแรกที่ฮิโรชิมะในเวลา 8:15 น. ของวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ยามางูจิกำลังทำงานเป็นลูกจ้างที่มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์ แล้วกลับไปที่นางาซากิในวันต่อมา และถึงแม้ว่าบาดแผลของเขายังไม่หายก็ตาม เขาก็กลับไปทำงานต่อในวันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ระเบิดลูกที่สองตกลงมา โดยในเช้าวันนั้น เขาถูกผู้ดูแลด่าว่า "เป็นบ้า" หลังจากอธิบายว่าระเบิดลูกหนึ่งสามารถทำลายทั้งเมืองได้อย่างไร[3] ใน ค.ศ. 1957 เขาได้รับสถานะเป็น ฮิบากูชะ ("บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากระเบิด") จากการทิ้งระเบิดที่นางาซากิ เขาเสียชีวิตในวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2010 ด้วยอายุ 93 ปี

ชีวิตช่วงต้น[แก้]

ยามางูจิเกิดในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1916 ที่นางาซากิ เขาเข้าทำงานในมิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์ในคริสต์ทศวรรษ 1930 และทำงานเป็นช่างเขียนแบบไว้ออกแบบเรือบรรทุกน้ำมัน[4]

สงครามโลกครั้งที่สอง[แก้]

ยามางูจิกล่าวว่าเขา "ไม่คิดว่าญี่ปุ่นจะเป็นผู้เริ่มสงคราม" เขายังคงทำงานที่มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์ แต่ภายหลังอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเริ่มมีปัญหาเพราะทรัพยากรเริ่มขาดแคลนและเรือบรรทุกน้ำมันจมน้ำ[4]

การทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมะ[แก้]

ยามางูจิเติบโตและทำงานที่นางาซากิ แต่ในฤดูร้อน ค.ศ. 1945 เขาเดินทางเพื่อธุรกิจเป็นเวลา 3 เดือนที่ฮิโรชิมะ[4] ในวันที่ 6 สิงหาคม เขากำลังเตรียมตัวออกจากเมืองพร้อมกับเพื่อนร่วมงานสองคน อากิระ อิวานางะ และคูนิโยชิ ซาโต และเดินทางไปที่สถานีรถไฟ ซึ่งรู้ตัวว่าตนลืมฮังโกะ (แสตมป์ที่พบได้ทั่วไปที่ญี่ปุ่น) และกลับไปที่ทำงานเพื่อหามัน[5][6] จากนั้น ในเวลา 8:15 น. ตอนที่เขากำลังเดินทางไปที่ท่าเรือ โบอิง บี-29 อีโนลาเกย์ ของสหรัฐได้ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลิตเติลบอย ลงห่างจากใจกลางเมืองเพียง 3 กิโลเมตร (1.9 ไมล์)[4][7] ยามางูจิหวนนึกว่าตนเห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดและร่มชูชีพสองอันก่อนที่จะมี "แสงวาบบนท้องฟ้า และตัวผมก็ปลิวไป"[6] การระเบิดนี้ทำให้แก้วหูแตก, ตาบอดชั่วคราว และทำให้เขารับแผลไหม้จากรังสีอย่างรุนแรงในบริเวณท่อนซ้ายบนของร่างกาย หลังฟื้นตัวและพักผ่อนแล้ว เขาคลานไปที่หลบภัย และเดินทางหาเพื่อนร่วมงาน[6] ทั้งคู่รอดชีวิตและใช้เวลาทั้งคืนในที่พักพิงสำหรับการจู่โจมทางอากาศก่อนกลับไปที่นางาซากิในวันถัดมา[5][6] ที่นางาซากิ เขาได้รับการรักษาและไปทำงานต่อในวันที่ 9 สิงหาคม ถึงแม้ว่าตนจะเข้าเฝือกก็ตาม[4][8]

การทิ้งระเบิดที่นางาซากิ[แก้]

ในเวลา 11:00 น. ของวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ในขณะที่เครื่องบินทิ้งระเบิดสหรัฐบ็อกสการ์ได้ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์แฟตแมนลงในเมือง เขากำลังอธิบายการระเบิดที่ฮิโรชิมะแก่ผู้ดูแล โดยอยู่ห่างจากกราวนด์ซีโร 3 กิโลเมตร แต่ครั้งนี้เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด[7] ถึงกระนั้น เชาไม่สามารถหาเฝือกใหม่มาทดแทนและมีไข้สูงกับอาเจียนต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์[4]

เสียชีวิต[แก้]

Wikinews
Wikinews

ใน ค.ศ. 2009 ยามางูจิรู้ว่าตนจะเสียชีวิตจากมะเร็งกระเพาะอาหาร[7] เขาเสียชีวิตในวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2010 ที่นางาซากิ ด้วยอายุ 93 ปี[5][9][10][11][12]

อ้างอิง[แก้]

  1. 広島・長崎で2度被爆、約160人 広島祈念館が調査 [160 Double A-bomb Survivors Found, Hiroshima National Peace Memorial Hall for the Atomic Bomb Victims says.]. Asahi Shimbun (ภาษาญี่ปุ่น). 2005-08-01. 広島、長崎への原爆投下後、両市で2度被爆した可能性のある人が少なくとも約160人にのぼることが、国立広島原爆死没者追悼平和祈念館(広島市)の調査で明らかになった。
  2. "Double atomic bomb survivor dies in Japan". Tokyo: NBC News. Associated Press. 2010-01-06. สืบค้นเมื่อ 2011-01-25. Tsutomu Yamaguchi, the only person officially recognized as a survivor of both the Hiroshima and Nagasaki atomic bombings at the end of World War II, has died at age 93.
  3. Survivor's story (ABC News, Australia, uploaded 2010Jan6)
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 "Tsutomu Yamaguchi". The Daily Telegraph. 2010-01-06. สืบค้นเมื่อ 2010-01-07.
  5. 5.0 5.1 5.2 McCurry, Justin (2009-03-25). "A little deaf in one ear – meet the Japanese man who survived Hiroshima and Nagasaki". The Guardian. London. สืบค้นเมื่อ 2010-01-11.
  6. 6.0 6.1 6.2 6.3 Lloyd Parry, Richard (2009-03-25). "The luckiest or unluckiest man in the world? Tsutomu Yamaguchi, double A-bomb victim". The Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 21, 2014. สืบค้นเมื่อ 2014-09-21.
  7. 7.0 7.1 7.2 McNeill, David (26 March 2009). "How I survived Hiroshima – and then Nagasaki". The Independent. สืบค้นเมื่อ 2009-03-26.
  8. "Mr Yamaguchi". www.vaguedirection.com. VagueDirection. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-28. สืบค้นเมื่อ 2022-01-28.
  9. Richard Lloyd Parry (2010-01-07). "Tsutomu Yamaguchi, victim of Japan's two atomic bombs, dies aged 93". The Times.
  10. 阿部弘賢; 宮下正己 (2010-01-06). 山口彊さん死去:「8月6、9日は命日」 「青き地球」と短歌に思い. 毎日jp (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2010-01-06. Mainichi Shimbun [ลิงก์เสีย]
  11. "Japan survivor of both atomic bombs dies, aged 93". BBC News. 2010-01-06. สืบค้นเมื่อ 2010-01-07.
  12. "Double Atomic Bomb Survivor Dies in Japan". The New York Times. 2010-01-06. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 7, 2010.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]