สมเด็จพระอริยวงษญาณ (สุก ญาณสังวร)
สมเด็จพระอริยวงษญาณ (สุก ญาณสังวร) | |
---|---|
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก | |
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก | |
ดำรงพระยศ | พ.ศ. 2363 — 2365 |
สถาปนา | 7 ธันวาคม พ.ศ. 2363 วัดพระศรีรัตนศาสดาราม |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระสังฆราช (มี) |
ถัดไป | สมเด็จพระอริยวงษญาณ (ด่อน) |
พรรษา | 69 |
สถิต | วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร |
ศาสนา | พุทธ |
นิกาย | มหานิกาย |
ประสูติ | 5 มกราคม พ.ศ. 2276 กรุงศรีอยุธยา สุก |
สิ้นพระชนม์ | 4 ตุลาคม พ.ศ. 2365 (89 ปี) กรุงรัตนโกสินทร์ |
สมเด็จพระอริยวงษญาณ พระนามเดิม สุก เป็นสมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ได้รับการสถาปนาเมื่อปี พ.ศ. 2363 อยู่ในตำแหน่ง 3 ปี สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2365 สิริพระชันษาได้ 89 ปี 272 วัน
พระประวัติ
[แก้]พระองค์ประสูติเมื่อวันศุกร์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือนยี่ ปีฉลู จ.ศ. 1095 ตรงกับวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2276[1] ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งอาณาจักรอยุธยา ในสมัยกรุงธนบุรี ได้เป็นพระอธิการอยู่วัดท่าหอย แขวงรอบกรุงเก่า มีพระเกียรติคุณในทางวิปัสสนาธุระ[2]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดให้นิมนต์พระองค์มาอยู่ที่วัดพลับ[2] (วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร) และให้เป็นพระราชาคณะที่พระญาณสังวรเถร พระองค์เป็นพระอาจารย์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ตั้งแต่ยังอยู่ที่วัดท่าหอย การที่โปรดให้นิมนต์มาอยู่ที่วัดพลับ ก็เนื่องจากเป็นวัดสำคัญฝ่ายอรัญวาสีของกรุงธนบุรี ซึ่งต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้รับพระราชทานชื่อใหม่ว่าวัดราชสิทธาราม
ปี พ.ศ. 2359 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่สมเด็จพระญาณสังวร[3] นับว่าเป็นตำแหน่งพิเศษในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ที่พระราชทานแก่พระเถระผู้ทรงคุณทางวิปัสสนาธุระโดยเฉพาะ เมื่อสมเด็จพระสังฆราช (มี) สิ้นพระชนม์ เดิมทรงพระราชดำริจะตั้งสมเด็จพระพนรัตน (อาจ) วัดสระเกศ เปนสมเด็จพระสังฆราช แต่ภายหลังสมเด็จพระพนรัตนต้องอธิกรณ์จนถูกถอดจากสมณศักดิ์ แล้วทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระญาณสังวรเปนสมเด็จพระราชาคณะผู้ใหญ่ และเปนพระอาจารย์ที่เคารพในพระราชวงศ์ ในวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2363 จึงโปรดให้แห่มาสถิต ณ วัดมหาธาตุ เมื่อถึงวันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม ศกนั้น จึงทรงตั้งเปนสมเด็จพระสังฆราช[2]
เมื่อครั้งเกิดอหิวาตกโรคระบาดในกรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2363 มีผู้คนเสียชีวิตมากมาย ประมาณถึง สามหมื่นคนเศษ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงให้ตั้งพระราชพิธีอาพาธพินาศ โดยพระองค์ทรงศีลและให้ตั้งโรงทาน ส่วนสมเด็จพระสังฆราชทรงให้สังคายนาบทสวดมนต์ในพระราชพิธีดังกล่าว
ชาวบ้านทั่วไปมักเรียกพระองค์ว่า "พระสังฆราชไก่เถื่อน" เพราะร่ำลือกันว่า ทรงช่ำชองวิปัสสนาธุระถึงขนาดทำให้ไก่ป่าเชื่องด้วยอำนาจพรหมวิหารได้[4]
พระองค์เป็นสมเด็จพระสังฆราชอยู่ 1 ปี 10 เดือน จึงสิ้นพระชนม์เมื่อวันศุกร์ แรม 4 ค่ำ เดือน 11 ปีมะเมีย[5] ตรงกับวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2365
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชทานพระโกศทองใหญ่ให้ทรงพระศพ เมื่อตั้งที่พระเมรุท้องสนามหลวง พระโกศองค์นี้ นอกจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับพระบรมวงศานุวงศ์ที่พระเกียรติยศสูงบางพระองค์ มีปรากฏว่าได้ทรงแต่พระศพสมเด็จพระสังฆราชพระองค์นี้พระองค์เดียว นับเป็นการถวายพระเกียรติอย่างสูงด้วยเหตุที่ทรงเป็นที่เคารพนับถืออย่างยิ่งนั้นเอง[6]
อ้างอิง
[แก้]- เชิงอรรถ
- ↑ พระมหาสมคิด สุรเตโช. ประวัติวัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร. กรุงเทพฯ : ธรรมเมธี-สหายพัฒนาการพิมพ์, 2548. 142 หน้า. หน้า 2.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๔ : ตั้งสมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร)
- ↑ พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๔ : ตั้งสมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร)
- ↑ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. (2489). ความทรงจำ. ม.ป.ท. หน้า 43.
- ↑ พระราชพงษาวดาร กรุงรัตนโกสินทร รัชกาลที่ ๒ : ๗๖. เรื่องสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช (ด่อน)
- ↑ 89 (2019-12-08). "สมเด็จพระอริยวงษญาณสมเด็จพระสังฆราช (สุก) : อริยะโลกที่ 6". ข่าวสด.
{{cite web}}
: CS1 maint: numeric names: authors list (ลิงก์)
- บรรณานุกรม
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา (2459). "พระราชพงษาวดาร กรุงรัตนโกสินทร รัชกาลที่ ๒". ห้องสมุดดิจิทัลวชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)
ก่อนหน้า | สมเด็จพระอริยวงษญาณ (สุก ญาณสังวร) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระสังฆราช (มี) | สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2363 — 2365) |
สมเด็จพระอริยวงษญาณ (ด่อน) |