สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทโย)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
(อยู่ ญาโณทโย)
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
สมเด็จพระสังฆราชไทย พระองค์ที่ 15
ดำรงพระยศ4 พฤษภาคม พ.ศ. 2506 - 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2508 (2 ปี 11 วัน)
สถาปนา4 พฤษภาคม พ.ศ. 2506
ก่อนหน้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปลด กิตฺติโสภโณ)
ถัดไปสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน อุฏฺฐายี)
พรรษา71
สถิตวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
นิกายมหานิกาย
ประสูติ1 ธันวาคม พ.ศ. 2417
จังหวัดธนบุรี
อยู่
สิ้นพระชนม์15 พฤษภาคม พ.ศ. 2508 (90 ปี)
พระชนกตรุษ ช้างโสภา
พระชนนีจันทน์ ช้างโสภา

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ พระนามเดิม อยู่ ช้างโสภา ฉายา ญาโณทโย เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 15 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2506 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงดำรงตำแหน่งอยู่ 2 ปี สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2508 สิริพระชันษา 90 ปี 166 วัน[1]

พระประวัติ[แก้]

พระกำเนิด[แก้]

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ มีพระนามเดิมว่า อยู่ ช้างโสภา (นามสกุลเดิม "แซ่ฉั่ว")[2] ประสูติเมื่อวันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2417 ที่เรือนแพหน้าวัดกัลยาณมิตร อำเภอบางกอกใหญ่ (ในปัจจุบันคือ เขตบางกอกใหญ่)​ ธนบุรี พระชนกชื่อตรุษ พระชนนีชื่อจันทน์[1] ทรงรับการศึกษาเบื้องต้นในสำนักของบิดา และพระอาจารย์ช้างที่วัดสระเกศ

อุปสมบท[แก้]

สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) ทรงบรรพชาเป็นสามเณรอยู่วัดสระเกศ จนถึงปีมะเมีย พ.ศ. 2437 จึงทรงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยสมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธรรมทานาจารย์ (จุ่น) และพระธรรมกิตติ (เม่น) เป็นพระกรรมวาจาจารย์[3]

การศึกษา[แก้]

หลังจากบรรพชาเป็นสามเณร จึงได้ศึกษาภาษาบาลีตามคัมภีร์มูลกัจจายน์กับพระอาจารย์ช้าง และศึกษาในสำนักของพระธรรมกิตติ (เม่น) สำนักสมเด็จพระวันรัตน์ (แดง สีลวฑฺฒโน) และสำนักของพระยาธรรมปรีชา (ทิม) ด้วย

เมื่อได้เปรียญธรรม 9 ประโยคแล้ว พระองค์ก็ทรงดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการสนามหลวง สอบไล่พระปริยัติธรรมตลอดมา

สมณศักดิ์[แก้]

ธรรมเนียมพระยศของ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ตราประจำพระองค์
การทูลฝ่าพระบาท
การแทนตนเกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน
การขานรับเกล้ากระหม่อม
พะย่ะค่ะ/เพคะ
  • พ.ศ. 2451 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระปิฎกโกศล[4]
  • พ.ศ. 2464 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชเวที ตรีปิฎกภูสิต ธรรมบัณฑิต ยติคณิศร บวรสังฆาราม คามวาสี[5]
  • พ.ศ. 2466 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพเวที ตรีปิฎกคุณสุนทรธรรมภูสิต ยติคณิศร บวรสังฆาราม คามวาสี[6]
  • พ.ศ. 2470 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมเจดีย์ กวีวงศนายก ตรีปิฏกบัณฑิตมหาคณฤศร บวรสังฆารามคามวาสี[7]
  • พ.ศ. 2488 ได้รับสถาปนาสมณศักดิ์เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะที่ พระธรรมวโรดม บรมญาณอดุลย์ สุนทรนายก ตรีปิฎกคุณาลังการภูสิต สุทธิกิจสาทร มหาคณฤศร บวรสังฆาราม คามวาสี[8]
  • พ.ศ. 2496 ได้รับสถาปนาสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณอดุลสุนทรนายก ตรีปิฎกวิทยาคุณ วิบุลคัมภีรญาณสุนทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัณยวาสี[9]
  • พ.ศ. 2506 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช มีราชทินนามว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สุขุมวิธานธำรง สกลมหาสงฆปริณายก ตรีปิฎกโกศล วิมลคัมภีรญาณ ญาโณทยาภิธานสังฆวิสุต พุทธบริษัทคารวสถาน ธรรมปฏิภาณญาณสุนทร บวรธรรมบพิตร สมเด็จพระสังฆราช[10]

ตำแหน่ง[แก้]

พระกรณียกิจ[แก้]

พระองค์ทรงอุปถัมภ์ส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกบาลี และนักธรรม ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น เป็นองค์อุปภัมภ์กิตติมศักดิ์ของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตั้งแต่เริ่มเปิดการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2490 ตลอดมา ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง วัดสระเกศ) จนสำเร็จเรียบร้อยดังที่เห็นอยู่ปัจจุบัน เป็นปูชนียสถานที่เริ่มสร้างมาแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นศรีสง่าแก่กรุงเทพมหานครมาจวบถึงปัจจุบัน

สิ้นพระชนม์[แก้]

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทโย) สิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคเส้นพระโลหิตในพระเศียรอุดตัน เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2508 เวลา 02.20 น. สิริพระชันษา 90 ปี 166 วัน สำนักนายกรัฐมนตรีประกาศให้สถานที่ราชการลดธงครึ่งเสาและข้าราชการไว้ทุกข์ 15 วัน[11] และได้รับพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508[12]

อ้างอิง[แก้]

เชิงอรรถ
  1. 1.0 1.1 เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๒, หน้า 61-70
  2. ÊÁà´ç¨¾ÃÐÊѧ¦ÃÒª - Dhammathai.org : BUDDHISH INFORMATION NETWORK
  3. เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๑, หน้า 266-7
  4. ราชกิจจานุเบกษา, การตั้งพระราชาคณะแลพระครู, เล่มที่ 25, ตอนที่ 15, 12 กรกฎาคม 2454, หน้า 454
  5. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนาสมเด็จพระราชาคณะและพระราชาคณะ, เล่มที่ 38, ตอนที่ 0 ง, 2 ตุลาคม 2464, หน้า 1833
  6. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนาสมณะศักดิ์, เล่มที่ 40, ตอนที่ 0 ง, 25 พฤศจิกายน 2466, หน้า 2596
  7. ราชกิจจานุเบกษา, รายนามพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรสมณศักดิ์, เล่มที่ 44, ตอนที่ 0 ก, วันที่ 13 พฤศจิกายน 2470, หน้า 2525–6
  8. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์, เล่มที่ 62, ตอนที่ 72, 25 ธันวาคม 2488, หน้า 716–7
  9. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์, เล่มที่ 70, ตอนที่ 78, 22 ธันวาคม 2496, หน้า 1537
  10. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการประกาศสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช และ สมเด็จพระราชาคณะ, เล่มที่ 80, ตอนที่ 45, 13 พฤษภาคม 2506, หน้า 1–5
  11. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์, เล่มที่ 82, ตอนที่ 40 ง ฉบับพิเศษ, 15 พฤษภาคม 2508, หน้า 1
  12. ประวัติวัดสระเกศราชวรมหาวิหารและจดหมายเหตุเรื่องพระสารีริกธาตุเมืองกบิลพัสดุ์, ปกหน้า
บรรณานุกรม
  • กรมศิลปากร. เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๒. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545. 450 หน้า. ISBN 974-417-530-3
  • คณะรัฐมนตรีประวัติวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และ จดหมายเหตุเรื่องพระสารีริกธาตุเมืองกบิลพัสดุ์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี, 2508. 148 หน้า. [พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทโย) สมเด็จพระสังฆราช วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508]
  • สมมอมรพันธุ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ. เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545. 428 หน้า. ISBN 974-417-530-3


ก่อนหน้า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทโย) ถัดไป
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
(ปลด กิตฺติโสภโณ)

สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
(พ.ศ. 2506 - พ.ศ. 2508)
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
(จวน อุฏฐายี)
พระธรรมปิฎก (น่วม จนฺทสุวณฺโณ)
เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
(พ.ศ. 2467 - พ.ศ. 2508)
พระธรรมเจดีย์ (เทียบ ธมฺมธโร)