ข้ามไปเนื้อหา

สงครามออสเตรีย-ตุรกี (ค.ศ. 1788-1791)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สงครามออสเตรีย-ตุรกี (1788–1791)
ส่วนหนึ่งของ สงครามออสเตรีย-ตุรกี

กองกำลังหลักของกองทัพออตโตมันจำนวน 8000 นาย, พฤษภาคม 1788
วันที่กุมภาพันธ์ 1788 – 4 สิงหาคม 1791
สถานที่
ดินแดน
เปลี่ยนแปลง
ออตโตมันยอมยกออร์โชวาและชายแดนแถบโครเอเชียให้แก่ฮาพส์บวร์ค
คู่สงคราม
จักรวรรดิออตโตมัน
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค โยเซ็ฟที่ 2 (ตาย 1790)
ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค เลโอพ็อลท์ที่ 2
ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค ไฟรแฮร์ ฟอน เลาดอน
ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค เพาล์ ไคร
ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค แมร์เว็ลท์
ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค อันโทน ฟอน เอ็ลส์นิทซ์
และอื่นๆ

อับดุล ฮามิดที่ 1 (ตาย 1789)

เซลิมที่ 3
ปาชา

สงครามออสเตรีย-ตุรกี หรือที่รู้จักในชื่อ สงครามฮาพส์บวร์ค–ออตโตมัน เกิดขึ้นระหว่างปี 1788 ถึง 1791 เป็นความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์ฮาพส์บวร์คและจักรวรรดิออตโตมัน สงครามครั้งนี้สิ้นสุดด้วยการได้ดินแดนเพิ่มเล็กน้อยของฮาพส์บวร์ค นอกจากนี้ สงครามครั้งนี้ยังเกิดขึ้นควบคู่กับสงครามรัสเซีย–ตุรกี (ค.ศ. 1787–1792)

ภูมิหลัง

[แก้]

ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ความตึงเครียดระหว่างราชวงศ์ฮาพส์บวร์คของออสเตรีย และจักรวรรดิออตโตมันยังคงคุกรุ่นอยู่ จากประวัติศาสตร์การสู้รบที่ยาวนานต่อเนื่องหลายศตวรรษ สองมหาอำนาจนี้แย่งชิงอิทธิพลและดินแดนในคาบสมุทรบอลข่านอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการเจรจาสันติภาพเป็นระยะๆ แต่ความขัดแย้งปะทุได้ตลอดเวลา

รัสเซียภายใต้การนำของเยกาเจรีนามหาราชินี เปิดฉากสงครามต่อสงครามรัสเซีย-ตุรกีในปี 1787 มีเป้าหมายเพื่อแผ่ขยายอำนาจของรัสเซียลงสู่ทะเลดำ ครอบครองภูมิภาคไครเมีย และเข้าควบคุมทางออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จักรวรรดิออสเตรียซึ่งเป็นพันธมิตรของรัสเซียจากสนธิสัญญาพันธมิตรป้องกันประเทศเมื่อปี 1781 จึงถูกกดดันให้เข้าร่วมสงครามกับออตโตมันในฐานะพันธมิตร

จักรพรรดิโยเซ็ฟที่ 2 แห่งออสเตรีย ผู้มีความใฝ่ฝันในการขยายอิทธิพลของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คในดินแดนตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป มองเห็นโอกาสจากการที่จักรวรรดิออตโตมันเริ่มอ่อนแอลง หลังจากต้องรับศึกหลายด้านพร้อมกันในปี 1788 ออสเตรียจึงประกาศสงครามอย่างเป็นทางการกับออตโตมัน โดยหวังจะรื้อฟื้นความรุ่งเรืองในอดีตและชิงดินแดนในแถบบอลข่านกลับคืน

ด้วยเหตุนี้ จักรวรรดิออตโตมันต้องแบ่งกำลังรับมือหลายแนวรบ ทั้งจากออสเตรียและรัสเซียในเวลาเดียวกัน

เหตุการณ์ช่วงสงคราม

[แก้]

ฮาพส์บวร์คเข้าร่วมสงครามในเดือนกุมภาพันธ์ 1888 ซึ่งถือว่าล่าช้า การเตรียมทัพที่ล่าช้าของออสเตรีย ทำให้กองทัพออตโตมันสามารถรวมกำลังไว้ที่เบลเกรดจำนวนมาก ออสเตรียจึงพลาดโอกาสที่จะเอาชนะอย่างง่ายดาย[1] ฮาพส์บวร์คต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากรัสเซียในแคว้นมอลโดวา ซึ่งกว่าจะเริ่มก็ย่างเข้าปลายปี 1788 นอกจากนี้ จักรพรรดิโยเซฟที่ 2 ดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะทำสู้รบกับจักรวรรดิออตโตมัน ต่อมาในเดือนกรกฎาคม กองทัพออตโตมันได้ข้ามแม่น้ำดานูบและบุกเข้าสู่แคว้นบานัทของออสเตรีย

ทั้งสองฝ่ายต่างประสบปัญหาขาดแคลนเสบียง ขณะที่กองทัพฮาพส์บวร์คเผชิญกับโรคระบาด ในช่วงเวลานั้น มีผู้ลี้ภัยชาวเซิร์บมากถึง 50,000 คนหลั่งไหลข้ามแม่น้ำดานูบเข้ามา ทำให้เกิดปัญหาด้านการส่งกำลังบำรุงต่อฝ่ายฮาพส์บวร์ค ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม จักรพรรดิโยเซฟที่ 2 ส่งทหารจำนวน 20,400 นายเข้าสู่แคว้นบานัท ในพื้นที่ดังกล่าว มีการจัดตั้งกองพลน้อยอาสาเซอร์เบียจำนวน 5,000 นาย ซึ่งประกอบด้วยผู้ลี้ภัยที่หนีจากความขัดแย้งก่อนหน้านี้ในจักรวรรดิออตโตมัน กองกำลังนี้ต้องการปลดปล่อยเซอร์เบีย และนำดินแดนเข้าอยู่ภายใต้ฮาพส์บวร์ค[1]

ยุทธการที่โด่งดังที่สุดคือ ยุทธการที่คารานเซเบส ในปี 1788 ซึ่งน่าอับอายอย่างยิ่งต่อออสเตรีย กองทัพฮาพส์บวร์คประกอบด้วยหลายกองกำลังหลายเชื้อชาติหลายภาษา เหตุการณ์เริ่มต้นจากทัพหน้าซึ่งเป็นทหารม้าออสเตรีย และส่วนระวังหน้าซึ่งเป็นทหารโรมาเนียใช้กำลังทะเลาะกันกลางดึก เหตุการณ์บานปลายเมื่อมีคนตะโกนหลอกว่าข้าศึกมาแล้ว เพื่อหวังจะให้เลิกทะเลาะกัน แต่เหตุการณ์กลับบานปลาย มีคนยิงปืน ทั้งสองหน่วยจึงตกใจนึกว่าข้าศึกมาจริง จึงแตกเตลิดไปทางที่ตั้งของทัพหลวง ทัพหลวงก็เข้าใจผิดคิดว่าข้าศึกบุกมา ทัพหลวงจึงตอบโต้ด้วยการยิงปืนใหญ่และส่งทหารราบออกไป ส่งผลให้ทหารฝ่ายเดียวกันบาดเจ็บนับหมื่นนาย

ในทางยุทธศาสตร์ การรบส่วนใหญ่ของออสเตรียมีลักษณะเป็นการตั้งรับหรือเคลื่อนกำลังอย่างระมัดระวัง ยุทธการที่สำคัญอีกครั้งคือ การปิดล้อมเบลเกรดในปี 1789 ซึ่งแม้จะประสบความสำเร็จในเชิงทหาร แต่กองทัพฮาพส์บวร์คก็ไม่สามารถครองความได้เปรียบไว้ได้นาน เนื่องจากกองทัพประสบปัญหาทั้งโรคระบาดและขาดเสบียง อีกด้านหนึ่ง จักรวรรดิออตโตมันแม้จะอยู่ในภาวะกดดันจากศึกสองด้านกับทั้งออสเตรียและรัสเซีย แต่ก็สามารถรักษาแนวป้องกันหลักไว้ได้หลายจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาลาเคียและบัลแกเรีย ซึ่งกลายเป็นแนวรบสำคัญในช่วงท้ายสงคราม

ผลของสงคราม

[แก้]

สงครามครั้งนี้ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ปี 1788 ถึง 1791 สิ้นสุดลงโดยไม่มีฝ่ายใดได้รับชัยชนะขาดลอย แม้ว่าออสเตรียสามารถยึดครองดินแดนบางส่วนได้ เช่น เบลเกรด แต่ผลโดยรวมกลับไม่เป็นไปตามความคาดหวังของจักรพรรดิโยเซฟที่ 2 และประเทศพันธมิตรอย่างรัสเซีย ขณะที่จักรวรรดิออตโตมันแม้สูญเสียบางพื้นที่ แต่ก็สามารถรักษาเสถียรภาพในภาพรวมไว้ได้ภายใต้แรงกดดันจากศึกหลายด้าน

ผลลัพธ์สำคัญที่สุดของสงครามครั้งนี้คือสนธิสัญญาซิสโตวา (Treaty of Sistova) เมื่อปี 1791 ภายใต้เงื่อนไขที่ค่อนข้างสมประโยชน์สำหรับทั้งสองฝ่าย โดยออสเตรียตกลงที่จะคืนดินแดนส่วนใหญ่ที่ยึดมาได้ ยกเว้นเพียงบางส่วนของชายแดนแถบโครเอเชีย ขณะที่ออตโตมันยอมรับความเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อแลกกับการยุติสงคราม

สงครามครั้งนี้ส่งผลรุนแรงต่อภายในจักรวรรดิของจักรพรรดิโยเซฟที่ 2 เศรษฐกิจสูญเสียเสถียรภาพ หนี้สาธารณะของประเทศพุ่งสูงขึ้นจาก 22 ล้านกิลเดนในปี 1789 เป็น 400 ล้านกิลเดนในปี 1790 ราคาสินค้าและภาษีเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ประชาชนต้องเผชิญกับการเกณฑ์ทหารใหม่ หลังจากผลผลิตทางเกษตรเสียหายในฤดูเก็บเกี่ยวปี 1788/89 ก็เกิดการจลาจลเรื่องขนมปังในกรุงเวียนนา ความไม่พอใจของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างมาก และความนิยมในตัวจักรพรรดิร่วงลงอย่างรวดเร็ว[2]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Paul W. Schroeder (1996). The Transformation of European Politics, 1763–1848. Oxford University Press. pp. 58–59. ISBN 978-0-19-820654-5.
  2. Calinger (2003:71)