ตำบลวังประจัน
ตำบลวังประจัน | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Tambon Wang Prachan |
ด่านพรมแดนวังประจัน มุมมองจากฝั่งประเทศมาเลเซีย | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | สตูล |
อำเภอ | ควนโดน |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 100.50 ตร.กม. (38.80 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2566)[1] | |
• ทั้งหมด | 3,201 คน |
• ความหนาแน่น | 31.85 คน/ตร.กม. (82.5 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 91160 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 910204 |
องค์การบริหารส่วนตำบลวังประจัน | |
---|---|
พิกัด: 6°45′15.1″N 100°08′55.8″E / 6.754194°N 100.148833°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | สตูล |
อำเภอ | ควนโดน |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 100.50 ตร.กม. (38.80 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2566) | |
• ทั้งหมด | 3,201 คน |
• ความหนาแน่น | 31.85 คน/ตร.กม. (82.5 คน/ตร.ไมล์) |
รหัส อปท. | 06910205 |
ที่อยู่ที่ทำการ | หมู่ที่ 3 ถนนสมันตรัฐวิถี ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล 91160 |
เว็บไซต์ | www |
วังประจัน เป็นตำบลในอำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เป็นที่ตั้งของด่านศุลกากรวังประจันที่ผ่านไปยังวังเกอเลียน ประเทศมาเลเซีย ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของเทือกเขาสันกาลาคีรีมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ จึงเป็นที่ทำการของอุทยานแห่งชาติทะเลบัน[2][3] และมีพื้นที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง[4]
ที่ตั้งและอาณาเขต[แก้]
ตำบลวังประจัน มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้[5]
- ทิศเหนือ ติดต่อกับตำบลทุ่งนุ้ย (อำเภอควนกาหลง)
- ทิศตะวันออก ติดต่อตำบลทุ่งหมอ และตำบลปาดังเบซาร์ (อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา)
- ทิศใต้ ติดต่อกับรัฐเปอร์ลิส (ประเทศมาเลเซีย) และตำบลเกตรี (อำเภอเมืองสตูล)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับตำบลเกตรี (อำเภอเมืองสตูล) และตำบลควนสตอ ตำบลควนโดน
ประวัติ[แก้]
วังประจัน เดิมเป็นหมู่บ้านในเขตตำบลควนสตอ อำเภอเมืองสตูล หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีชาวมลายู หรือมาเลเซียในปัจจุบัน จากบ้านวังเกลียน รัฐเปอร์ลิส อพยพมาอยู่ที่บริเวณทะเลบัน ต่อมาบริเวณนั้นแผ่นดินยุบตัวลงได้ย้ายมาตั้งหมู่บ้านใหม่ที่บ้านวังประจัน ผู้ที่อพยพมี 3 ตระกูล คือ ตระกูลละใบโดย เป็นตระกูลผู้พี่ ตระกูลละใบแด เป็นตระกูลรอง ตระกูลละใบจิ เป็นตระกูลน้องเล็ก ทั้ง 3 ตระกูลเป็นผู้ก่อตั้งหมู่บ้านวังประจัน ส่วนตระกูลอื่นได้เข้ามาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว[6]
ในปี พ.ศ. 2520 มีการแยกกิ่งอำเภอควนโดน ออกจากการปกครองของอำเภอเมืองสตูล[7] และตั้งเป็นอำเภอควนโดนในปี พ.ศ. 2530[8] หมู่บ้านวังประจันจึงย้ายมาขึ้นกับอำเภอควนโดน จนกระทั่งวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2535 ทิศตะวันออกของตำบลควนสตอที่มีแนวคลองดุสนและแนวเขากุบังปะโหลดกั้นเขตมีลักษณะแยกออกจากกัน จึงแยกพื้นที่ 4 หมู่บ้านที่อยู่อีกด้าน ได้แก่ หมู่ 10 บ้านทุ่งมะปรัง, หมู่ 11 บ้านวังประจัน,หมู่ 12 บ้านวังประจันใต้ และหมู่ 13 บ้านเขานุ้ย ตั้งขึ้นเป็นตำบล[9] ใช้ชื่อตำบลว่า "วังประจัน"
วังประจัน เดิมชื่อว่า "วังปลาจัน" เพิ่งมาเปลี่ยนชื่อเป็นบ้าน "วังประจัน" ในสมัยที่ นายศุภโยค พาณิชย์วิทย์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล (พ.ศ. 2515 – 2518) คำว่า "วัง" หมายถึง หุบเขาหรือแอ่งน้ำลึก "ปลาจัน" มาจากคำภาษายาวี หมายถึง กะปิ เนื่องจากมีก้อนหินลักษณะเหมือนก้อนกะปิเป็นจำนวนมาก อยู่ในลำคลองปัจจุบัน คือ คลองทุ่น ส่วนที่เปลี่ยนชื่อเป็น วังประจันก็เนื่องจากตำบลนี้เป็นเขตแดน มีถนนเชื่อมกับบ้านวังเกอเลียนของมาเลเซีย ตำบลจึงเปรียบเสมือนด่านประจันหน้ากับมาเลเซีย
การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]
การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]
ตำบลวังประจันแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 4 หมู่บ้าน ได้แก่
หมู่ 1 | บ้านทุ่งมะปรัง | (Ban Thung Maprang) | หมู่ 10 (เดิม) โอนมาจากตำบลควนสตอ | |||
หมู่ 2 | บ้านเขานุ้ย | (Ban Khao Nui) | หมู่ 13 (เดิม) โอนมาจากตำบลควนสตอ | |||
หมู่ 3 | บ้านวังประจัน | (Ban Wang Prachan) | หมู่ 11 (เดิม) โอนมาจากตำบลควนสตอ | |||
หมู่ 4 | บ้านวังประจันใต้ | (Ban Wang Prachan Tai) | หมู่ 12 (เดิม) โอนมาจากตำบลควนสตอ |
การปกครองส่วนท้องถิ่น[แก้]
ตำบลวังประจันเดิมมีฐานะเป็นสภาตำบลวังประจันหลังจากแยกตัวออกจากตำบลควนสตอ ในการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลปี พ.ศ. 2538–2542 ทางกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาให้ตำบลวังประจันมีฐานะเป็นสภาตำบลวังประจันดังเดิม เนื่องจากขณะนั้นมีประชากรเพียง 1,764 คน และ 327 ครัวเรือน[10] จึงไม่ผ่านเงื่อนไขในการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลที่ต้องมีจำนวนประชากรสองพันคนขึ้นไป
ในปี พ.ศ. 2546 กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาว่าสภาตำบลวังประจันมีประชากรจำนวน 2,432 คน และ 480 ครัวเรือน[11] ซึ่งผ่านเงื่อนไขในการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล รวมทั้งขณะนั้นสภาตำบลวังประจันมีรายได้โดยไม่รวมเงินอุดหนุนในปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้วติดต่อกันสามปีเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท กระทรวงมหาดไทยจึงพิจารณาให้สภาตำบลวังประจันอยู่ในเงื่อนไขที่จะจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลได้ จึงจัดตั้งเป็น องค์การบริหารส่วนตำบลวังประจัน ในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2547[12]
ประชากร[แก้]
พื้นที่ตำบลวังประจันประกอบด้วยหมู่บ้านทั้งสิ้นจำนวน 4 หมู่บ้าน มีจำนวนประชากร 3,201 คน แบ่งเป็นชาย 1,597 คน หญิง 1,604 คน (เดือนธันวาคม 2566)[13] เป็นตำบลที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดในอำเภอควนโดน
- หมายถึงจำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
- หมายถึงจำนวนประชากรได้คงเดิมเมื่อเทียบกับปีก่อน
- หมายถึงจำนวนประชากรได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
* ปี พ.ศ. 2558 มีการรวมผู้ที่ไม่ได้สัญชาติไทยในทะเบียนราษฎร ส่งผลให้ข้อมูลจำนวนประชากรปีดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
หมู่บ้าน | พ.ศ. 2566[13] | พ.ศ. 2565[14] | พ.ศ. 2564[15] | พ.ศ. 2563[16] | พ.ศ. 2562[17] | พ.ศ. 2561[18] | พ.ศ. 2560[19] |
---|---|---|---|---|---|---|---|
วังประจัน | 924 | 917 | 907 | 889 | 884 | 886 | 875 |
วังประจันใต้ | 806 | 791 | 787 | 772 | 779 | 761 | 732 |
ทุ่งมะปรัง | 763 | 765 | 768 | 767 | 765 | 782 | 759 |
เขานุ้ย | 708 | 714 | 704 | 692 | 680 | 667 | 657 |
รวม | 3,201 | 3,187 | 3,166 | 3,120 | 3,108 | 3,096 | 3,023 |
อ้างอิง[แก้]
- ↑ ประชากรในเขตตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 โดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย.
- ↑ "พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าหัวกะหมิง ป่ากุปัง และป่าปุโล๊ต ในท้องที่ตำบลควนสตอ กิ่งอำเภอควนโดน อำเภอเมืองสตูล และตำบลบ้านควน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๓" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 97 (165 ก): (ฉบับพิเศษ) 22-23. วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2523
- ↑ "พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าหัวกะหมิง ป่ากุปัง ป่าโล้ต และป่าควนบ่อน้ำ ในท้องที่ตำบลควนสตอ อำเภอควนโดน และตำบลเกตรี ตำบลบ้านควน ตำบลปูยู อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๔" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 108 (127 ก): (ฉบับพิเศษ) 37-38. วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2534
- ↑ "พระราชกฤษฎีกาขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าโตนงาช้าง ในท้องที่ตำบลทุ่งตำเสา อำเภอหาดใหญ่ ตำบลคลองหลา ตำบลคลองหอยโข่ง อำเภอคลองหอยโข่ง ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง และตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล พ.ศ. ๒๕๖๐" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 134 (79 ก): 24–25. วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การกำหนดเขตตำบล ในท้องที่อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 114 (ตอนพิเศษ 5 ง): 189–204. วันที่ 292 เมษายน พ.ศ. 2541
- ↑ ประวัติความเป็นมาของตำบลวังประจัน ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล สืบค้นเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2567
- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แบ่งท้องที่อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ตั้งเป็นกิ่งอำเภอควนโดน" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 94 (11 ง): 487. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520
- ↑ "พระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอนามน อำเภอพระยืน อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอจะแนะ อำเภอหนองหงส์ อำเภอนาโพธิ์ อำเภอเกาะยาว อำเภอแกดำ อำเภอสระโบสถ์ อำเภอโนนคูณ อำเภอควนโดน อำเภอไชยวาน อำเภอหนองแสง และอำเภอตาลสุม พ.ศ. ๒๕๓๐" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 104 (278 ก): (ฉบับพิเศษ) 33-37. วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2530
- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและกำหนดเขตตำบลในท้องที่อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 109 (131 ง): (ฉบับพิเศษ) 103-107. วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2535
- ↑ ประชากรรายตำบลในประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2539 (เขตตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล) สืบค้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2567
- ↑ ประชากรรายตำบลในประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2546 (เขตตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล) สืบค้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2567
- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก กิ่งอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด และองค์การบริหารส่วนตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 121 (ตอนพิเศษ 64 ง): 7–8. วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2547
- ↑ 13.0 13.1 กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [1] 2565. สืบค้น 24 มกราคม 2565.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [2] 2564. สืบค้น 18 มีนาคม 2564.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [3] 2563. สืบค้น 10 มกราคม 2563.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/036/T_0032.PDF 2562. สืบค้น 12 กุมภาพันธ์ 2562.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/041/22.PDF 2561. สืบค้น 26 กุมภาพันธ์ 2561.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/y_stat59.htm 2560. สืบค้น 3 มีนาคม 2560.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/y_stat58.htm 2558. สืบค้น 16 กุมภาพันธ์ 2559.