ลาสต์ เอ็กไซล์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ลาสต์ เอ็กไซล์
ลาสต์ เอ็กไซล์ แฟม, เดอะซิลเวอร์วิง
ラストエグザイル
ชื่อภาษาอังกฤษLast Exile
แนวผจญภัย, ต่อสู้, สงคราม, แฟนตาซี, ไซไฟ
อนิเมะ
ลาสต์ เอ็กไซล์
กำกับโดยโคะอิชิ ชิงิระ
สตูดิโอกอนโซ
มังงะ
ลาสต์ เอ็กไซล์ - ผู้มาจากนาฬิกาทราย
ストエグザイル 砂時計の旅人
เขียนโดยไมโนรุ นูเรียว
สำนักพิมพ์ญี่ปุ่น Kadokawa Shoten
กลุ่มเป้าหมายโชเน็ง
มังงะ
ลาสต์ เอ็กไซล์ - แฟม, ปีกสีเงิน -
ラストエグザイル~銀翼のファム~
เขียนโดยมิยะโมะโตะ โระโบะ
สำนักพิมพ์ญี่ปุ่น Kadokawa Shoten
กลุ่มเป้าหมายโชเน็ง
อนิเมะ
ลาสต์ เอ็กไซล์ - แฟม, ปีกสีเงิน -
กำกับโดยโคอิจิ ชิกิระ
สตูดิโอกอนโซ

ลาสต์ เอ็กไซล์ (ญี่ปุ่น: ラストエグザイルโรมาจิRasuto Eguzairu) เป็นการ์ตูนแนวสงคราม แฟนตาซี โดยจะมีอยู่สองภาคด้วยกัน อำนวยการผลิตโดย กอนโซ สตูดิโอ โดยในภาคสองนั้น ในประเทศไทย ลาสต์ เอ็กไซล์ แฟม เดอะซิลเวอร์ วิง ซึ่งเป็นภาคที่สองได้รับการออกอากาศทางแอนิแมกซ์เอเชีย ผ่าน ทรูวิชั่นส์ ช่อง 77 โดยเริ่มฉายครั้งแรกในโลกพร้อมๆกับอีกหลายประเทศ ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554 สำหรับช่องแอนิแมกซ์เอเชีย จะเล่นแบบ 2 ตอนสลับ ทุกคืนวันเสาร์ เวลา 16.30 น. (ตอนเก่าขึ้นฉายก่อน แล้วตามด้วยตอนใหม่)

แกนหลักของเรื่องกล่าวถึง มิตรภาพ ความหวัง ความฝัน และการต่อสู้ของเด็กหนุ่มสาว ท่ามกลางความขัดแย้งทั้งเรื่องทรัพยากรและเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ซึ่งนำไปสู่สงคราม ความคิดและการมองโลกในมุมมองของเด็กหนุ่มสาวที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ พร้อมนำเสนอประเด็นเรื่องช่องว่างทางสังคม การแบ่งแยกชนชั้นและเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ หลายฉากในเรื่องแสดงให้เห็นช่องว่างทางสังคมระหว่างชนชั้น ชนชั้นสูงของอนาโทเรย์และผู้นำทหารเชื่อว่าผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นชนชั้นล่างไม่เข้าใจเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรีของทหาร ในขณะที่ชนชั้นล่างดูถูกชนชั้นสูงสำหรับการผูกขาดทรัพยากร เน้นย้ำให้เห็นชัดเจนในเรื่องการแบ่งระดับความสะอาดบริสุทธ์ของน้ำ น้ำบริสุทธิ์มีราคาสูงมาก ชนชั้นล่างจึงได้ดื่มแต่น้ำที่มีความบริสุทธิ์รองลงมา พวกเขาจะซื้อน้ำบริสุทธิ์มาดื่มในโอกาสพิเศษเท่านั้น แต่ชนชั้นสูงกลับนำน้ำบริสุทธิ์ไปใช้อย่างฟุ่มเฟือย นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าสังคมที่ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีของกิลด์กำลังเสื่อมศีลธรรมและเกียจคร้าน ขณะที่ผู้คนของอนาโทเรย์และดิซิทมีการพัฒนาตนเองและอุตสาหะ

แม้ว่าเหตุการณ์ในเรื่องจะเกิดในโลกอนาคตในยุคอวกาศ แต่การออกแบบสิ่งก่อสร้าง เครื่องแต่งกาย และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ของฝ่ายมนุษย์ในเรื่อง กลับเป็นแบบศตวรรษที่ 19 หรือยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมของยุโรป การออกแบบแวนชิพถอดแบบมาจากเครื่องบินในยุคทองของอากาศยาน แม้รูปลักษณะภายนอกจะดูโบราณแต่กลับใช้เทคโนโลยีต้านแรงโน้มถ่วงซึ่งพัฒนาโดยกิลด์แทนการใช้ปีกในการบิน ส่วนฝ่ายกิลด์มีการออกแบบสิ่งก่อสร้าง เครื่องแต่งกาย และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ แบบยุคอวกาศ

ในเรื่องมีการกล่าวถึงศัพท์เกี่ยวกับการเดินเรือและทางทหารค่อนข้างมาก รวมทั้งวิธีการเดินเรือที่ค่อนข้างโบราณด้วย ยานรบขนาดใหญ่ในเรื่องเปรียบเสมือนเรือรบบรรทุกเครื่องบินในปัจจุบัน

เนื้อเรื่อง[แก้]

เรื่องราวเกิดขึ้นรอบตัวเด็กหนุ่มนักบินวัย 15 ปี “เคลาส์ วัลกา” และต้นหนของเขา “ลาวี่ เฮด” ทั้งสองมีอาชีพส่งไปรษณีย์ทางอากาศของอนาโทเรย์ แม้ว่าปกติพวกเขาจะรับงานระดับต่ำหรืองานที่ไม่เสี่ยงอันตรายนัก แต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาจำต้องรับงานอันตรายระดับเจ็ดดาว (เทียบจากระดับสูงสุดคือระดับสิบ)ต่อจากนักบินที่กำลังจะตาย คือการนำเด็กสาว ชื่อ “อัลวิส แฮมิลตัน” ไปส่งยังยานรบปริศนา “ซิลวาน่า” แต่เมื่อพวกเขาสามารถนำเธอไปส่งถึงที่หมายแล้ว เคลาส์กลับไม่แน่ใจในความปลอดภัยของอัลวิส และตัดสินที่จะอยู่บนซิลวาน่ากับเธอ

ในตอนแรกลูกเรือซิลวาน่าปฏิบัติกับเคลาส์และลาวี่ในฐานะผู้บุกรุก แต่ไม่นานพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนกับลูกเรือซิลวาน่า พวกเขาพบว่าพวกกิลด์พยายามจะจับตัวอัลวิสด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ในระหว่างการต่อสู้ครั้งแรกระหว่างกิลด์และซิลวาน่า “ดีโอ เอราเคลีย” หนึ่งในสมาชิกของกิลด์สนใจทักษะการบินของเคลาส์ ดีโอยอมให้ลูกเรือซิลวาน่าจับตัวเป็นเชลยเพื่ออยู่บนซิลวาน่า และบอกกลอนปริศนา 1 ใน 4 บท แก่ “อเล็กซ์ โรว์” กัปตันของซิลวาน่า ซึ่งเป็นกุญแจที่ใช้ในการควบคุม “เอ็กไซล์”

เมื่อ “โซเฟีย ฟอสเตอร์” รองกัปตันของซิลวาน่า ซึ่งความจริงคือธิดาของจักรพรรดิแห่งอนาโทเรย์ เดินทางกลับไปยังเมืองหลวงตามคำขอร้องของนายกรัฐมนตรี หลังจากจักรพรรดิถูกปลงพระชนม์ระหว่างที่ดิซิทโจมตีเมืองหลวง โซเฟียขึ้นครองบัลลังก์ และเจรจาเป็นพันธมิตรกับดิซิท เพื่อยึดเอ็กไซล์และยุติอำนาจปกครองของกิลด์ โซเฟียเผยกับเคลาส์ว่าอัลวิสมีความเกี่ยวข้องกับกลอนปริศนาและเอ็กไซล์ แต่ขณะที่แผนการกำลังดำเนินไปนั้น กิลด์ก็บุกจู่โจมซิลวาน่า จับ อัลวิส ดีโอ อเล็กซ์ และเคลาส์ ไปยังเมืองลอยฟ้าของกิลด์

“เดลฟิเน่ เอราเคลีย” มาเอสโตร หรือผู้นำสูงสุดของกิลด์ ผู้เป็นพี่สาวของดีโอ เผยกับเคลาส์ว่าเอ็กไซล์คือยานอพยพที่ใช้นำผู้คนมายังดาวดวงนี้ และเธอจะใช้อัลวิสและกลอนทั้ง 4 บท ในการควบคุมเอ็กไซล์ แต่เคลาส์ อัลวิส และดีโอหนีออกมาได้ เคลาส์และอัลวิสกลับมาพบกับลาวี่ ขณะที่กองกำลังพันธมิตรเข้าโจมตีกิลด์ กองบินติดตามเอ็กไซล์ผ่านแกรนด์ สตรีม ไปยังดิซิท พวกเขาสามารถทำลายกองกำลังของเดลฟิเน่ได้ หลังจากเคลาส์และอัลวิสต่อกลอนปริศนาได้สมบูรณ์ เอ็กไซล์ก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นยานอพยพ พร้อมที่จะนำผู้คนอพยพไปยังโลกใหม่

ตัวละครหลัก[แก้]

เคลาส์ วัลกา (Claus Valca) เด็กหนุ่มผู้มีอาชีพแวนชิพส่งสาร มีทักษะการบินในระดับสูง

ลาวี่ เฮด (Lavie Head) เด็กสาวผู้เป็นเพื่อนสนิทและต้นหนของเคลาส์

อัลวิส อี. แฮมมิลตัล (Alvis E. Hamilton) เด็กหญิงปริศนา ผู้มีพลังในการควบคุม "เอ็กไซล์"

อเล็กซานเดอร์ โรว์ (Alexander Row) กับตันยานรบซิลวาน่า ยานรบอิสระที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุด

ดีโอ เอราเคลีย (Dio Eraclea) เด็กหนุ่มชาวกิลด์ผู้เป็นน้องชายของมาเอสโตร เดลฟีเน่ ผู้นำสูงสุดของกิลด

ลาสต์ เอ็กไซล์ - ผู้มาจากนาฬิกาทราย[แก้]

ลาสต์ เอ็กไซล์ - ภาคผู้มาจากนาฬิกาทราย เผยแพร่ในรูปแบบหนังสือการ์ตูน ตีพิมพ์ลงในนิตยสารรายเดือนของญี่ปุ่น ในปี 2554 เนื้อเรื่องโดยกอนโซ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากจบภาคแรก เคลาส์ ลาวี่ อัลวิส และเพื่อนๆ เดินทางด้วยเอ็กไซล์ออกจากดาวอพยพเพรสเตอร์กลับคืนมาสู่ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน(โลก)และต้องพบกับการจู่โจมของกิลด์บนโลกที่พยายามจับตัวอัลวิส มีทั้งหมด 2 เล่ม(10 ตอน)

ลาสต์ เอ็กไซล์ - ผองเพื่อน[แก้]

ลาสต์ เอ็กไซล์ - ผองเพื่อน (Friends) เผยแพร่ในรูปแบบนวนิยาย เนื้อเรื่องโดยกอนโซ ภาพประกอบโดย มารุโอ มิโนรุ ตีพิมพ์ในหนังสือลาสเอ็กไซล์ เอรียลล็อก ที่วางจำหน่ายเมื่อ 4 มีนาคม 2556 เล่าเรื่องราวของดีโอ หลังจากตอนจบของภาคแรกจนถึงก่อนภาคแฟมปีกสีเงิน

หลังเข้าพิธีในวันเกิดปีที่ 17 ดีโอที่อยู่ในสภาพกึ่งเสียสติ ตกจากแวนชิพระหว่างบินผ่านแกรนด์สตรีม เขารอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่ยังคงสับสนอยู่ระหว่างมีสติและเสียสติ หลายเดือนต่อมาที่โลก แม้ทุกอย่างดูจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่อัลวิสกลับมีท่าทางเศร้าสร้อย เคลาส์ตัดสินใจเดินทางจากโลกกลับไปยังดาวเพรสเตอร์เพียงลำพังเพื่อตามหาดีโอ เหตุการณ์บนเพรสเตอร์ยังคงสับสนวุ่นวาย เนื่องจากประชาชนส่วนหนึ่งยังคงหวาดกลัวไม่กล้าเดินทางอพยพออกจากเพรสเตอร์ไปยังโลก เหล่ากิลด์ที่ยังเหลือรอดและต้องการแก้แค้น กลายเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่คอยซุ่มโจมตี พวกเขาใช้เด็กสาวชาวกิลด์ที่ชื่อรอสในการควบคุมดีโอ ดีโอกลายเป็นอาวุธสังหารที่ไร้ความปราณี ท่ามกลางการรบกลางเวหา เขาฆ่าทหารไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง เดวิด เมดเทน ที่เสียชีวิตระหว่างการรบต่อหน้าเคลาส์ เป็นเวลาหลายเดือนที่เคลาส์พยายามไล่ตามดีโอเพื่อเอาตัวเขากลับมาแต่ไม่สามารถตามดีโอทัน

หลังไม่ได้ข่าวจากเคลาส์หลายเดือน ลาวี่และอัลวิสจึงเดินทางกลับไปยังเพรสเตอร์เพื่อตามหาทั้งเคลาส์และดีโอ พวกเธอได้พบดีโอ แต่เขาหนีไปก่อนที่จะควบคุมตนเองไม่ได้และฆ่าพวกเธอ เจ้าหญิงโซเฟียปราศรัยต่อหน้าประชาชนเพื่อโน้มน้าวให้พวกเขาอพยพไปยังโลก เหล่ากิลด์แฝงตัวเข้ามาในฝูงชนเพื่อสังหารเจ้าหญิงโซเฟีย แต่ถูกเหล่าทหารอารักขาฆ่าตายหมด ในขณะที่สถานการณ์ดูจะผ่อนคลายแล้ว จู่ๆ ดีโอก็เดินเข้ามาอย่างใจเย็น เขาตัดหัวของนายทหารหนุ่มกระเด็นไป เหล่าทหารพากันหวาดกลัว เวทีปราศรัยกลายเป็นที่ละเลงเลือด ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งดีโอได้แม้แต่วินเซนต์ ขณะที่ลาวี่และอัลวิสตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดีโอเกือบจะฆ่าเจ้าหญิงโซเฟีย แต่รอสกลับเข้ามาขวางคมดาบของดีโอไว้ เธอกล่าวขอโทษดีโอก่อนสิ้นใจในอ้อมแขนของเขา ดีโอกำลังจะคลุ้มคลั่งเมื่อเคลาส์ปรากฏตัวขึ้นและใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้ดีโอตามไป ออกห่างจากฝูงชน

เคลาส์ขับแวนชิบตรงไปยังเมืองนอร์เกียที่ตอนนี้ไร้ผู้คน ดีโอไล่ตามไปติดๆ แม้จะถูกไล่บี้จนอยู่ในภาวะคับขัน แต่เคลาส์กลับยิ้มและพูดกับตนเองว่าดีโอยังยอดเยี่ยมเสมอ เคลาส์พยายามบินหลบหลีกกระสุนพลางคิดว่าตนกล้ามากที่ทำตัวเป็นศัตรูกับดีโอ ดีโอและเคลาส์ขับแวนชิพไล่ล่ากันอย่างดุเดือดจนเชื้อเพลิงของเคลาส์ใกล้หมด ดีโอสาดกระสุนใส่แวนชิพของเคลาส์ซึ่งเอาเกราะกันกระสุนออกเพื่อให้เครื่องมีน้ำหนักเบาลงและเร็วขึ้น ในเสี้ยววินาทีนั้นความทรงจำและสติของดีโอก็กลับคืนมา แต่ทุกอย่างสายเกินไป กระสุนเจาะร่างของเคลาส์ แวนชิพของเคลาส์ตกและไถลไปตามพื้น ดีโอรีบเอาเครื่องลงจอดใกล้จุดที่เครื่องของเคลาส์ตก และดึงตัวเคลาส์ออกจากเครื่องก่อนที่มันจะระเบิด เคลาส์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายกลับพยายามร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้กับดีโอที่มีอายุครบ 18 ปี แล้วเคลาส์ก็แน่นิ่งไป ดีโอร้องไห้และเรียกชื่อของเคลาส์ออกมาเป็นครั้งแรก

ทาเทียน่าปล่อยตัวดีโอออกจากห้องขัง บอกว่าเขาได้รับการอภัยโทษเป็นกรณีพิเศษ ดีโอเดินออกมาด้านนอก มองเห็นทุ่งข้าวสาลี เขาพบว่าตนเองอยู่ที่โลก ดีโอพูดว่าเขาไม่สมควรอยู่ที่นี่ แต่อลิสเทียบอกกับดีโอว่าขอให้เขาช่วยปกป้องผู้คนบนโลกใหม่ เพื่อเป็นการไถ่บาปแลกกับชีวิตมากมายที่ถูกเขาพรากไป ดีโอจึงยิ้มอย่างร้ายๆ เขาพบว่าเพื่อนๆ รอต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น อัลวิสยิ้มทั้งน้ำตา ลาวี่ยิ้ม มุลลินอวดลูกที่เพิ่งเกิดของเขากับดอนย่าให้ดีโอดู ฮอลลี่ยิ้ม ทาเทียน่าและอลิสเทียหัวเราะ และเคลาส์แม้จะนั่งบนรถเข็นแต่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้เพื่อนของเขากลับคืนมา

ลาสต์ เอ็กไซล์ แฟม, ปีกสีเงิน[แก้]

เนื้อเรื่อง[แก้]

ลาสต์ เอ็กไซล์ แฟม, ปีกสีเงิน ภาคที่สองของลาสเอ็กไซล์ ออกฉายในปี 2554 เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก หลังจากเอ็กไซล์ของเพรสเตอร์ได้พาพลเมืองบางส่วนเดินทางกลับมาสู่ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน(โลก)ในตอนจบของภาคแรก ประมาณ 2 ปี อาณาจักรและประเทศต่างๆ ถูกรุกรานจากสมาพันธรัฐอะเดส นำโดยนายกรัฐมนตรี ลุสคิเนีย ฮาเฟส สมาพันธรัฐฯได้เริ่มบุกรุกอาณาจักรทูแรน ที่นำโดย เจ้าหญิงลิเลียน่า แห่งราชวงศ์ทูแรน สาเหตุของสงครามมาจากสนธิสัญญาสันติภาพแกรนด์เลคได้หมดอายุความลง เริ่มที่ลุสคิเนีย ล้มการเจรจาสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างทูแรนและสมาพันธรัฐอะเดส และประกาศทำสงครามกับอาณาจักรทูแรน สมาพันธ์รัฐฯส่งกองเรือทั้งสี่ มุ่งสู่อิกราเซีย เมืองหลวงของทูแรน กองเรือของทูแรนไม่สามารถต้านทานได้ ในตอนคับขันนั้นเอง โจรน่านฟ้าได้ร่วมมือกับเจ้าหญิงลิเลียน่า แสร้งทำให้เหมือนว่าเรือ ลาซาส เรือธงของทูแรน เกิดอุบัติเหตุอัปปางลงโดยตอนนั้นเองเจ้าหญิงมิเลียได้หนีไปกับโจรน่านฟ้าสองคนที่ชื่อ แฟม แฟน แฟน และ จิเซลล์ คอเลตต์ ด้วยยานแวนชิพ

ทางสมาพันธรัฐฯคิดว่าลาซาสตกไปแล้วจริงๆ และคิดว่าไม่มีใครรอดชีวิต จึงได้มุ่งหน้าทัพเข้าสู่ทูแรน แต่ก่อนที่จะไปถึงทูแรนได้เพียงไม่กี่อึดใจ ลาซาสได้เข้าโจมตีกองเรือของสมาพันธรัฐฯ โดยมุ่งเป้าหมายเดียวคือเรือธงแห่งสมาพันธรัฐ อิมเพทัส เพื่อต้องการสังหารลุสคิเนีย แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากก่อนการเข้าประชิดเพียงไม่กี่อึดใจ อาเลาดา เสนาธิการแห่งสมาพันธรัฐฯได้บุกเดี่ยวเรือธงลาซาสเข้าไปสังหารเจ้าหน้าที่และพาตัวองค์หญิงมิเลียน่ามาที่อิมเพทัส ในขณะที่ แฟมแฟน, จิเซลล์ และมิเลียได้มาเข้าเฝ้ากษัตริย์แห่งทูแรน เขาขอให้แฟมแฟนและจิเซลล์พามิเลียไปหลบภัยที่บ้านหลวงของราชวงศ์ทางตะวันออก ขณะเดินทางนั้นเองเมื่อเจ้าหญิงมิเลียรู้ข่าว ก็ขอร้องให้แฟมแฟนและจิเซลล์พาเธอไปช่วยพี่สาวของเธอ ทั้งสามได้ลอบนำแวนชิพเข้าสู่ศูนย์กลางของอิมเพทัส ในตอนนั้นเอง กองเรืออะเดสได้ถึงอิกราเซียแล้วในขณะที่ทูแรนก็ตอบโต้และป้องกัน ในอิมเพทัส ทั้งสามได้ประจันหน้ากับลุสคิเนีย ลุสคิเนียจึงได้นำตัวเจ้าหญิงลิเลียน่าออกมาและเธอขอประกาศยอมแพ้ แต่ลุสคิเนียไม่ยอม ต้องการทำลายทูแรนให้สิ้นซาก โดยให้เหตุผลว่าสันติภาพจะเกิดก็ต่อเมื่อประเทศที่ไม่จำเป็นถูกกำจัดให้หมดไป ลุสคิเนียได้ท่องกลอนบทหนึ่ง และนั้นเองทำให้เจ้าหญิงลิเลียนาได้ปลุกเอ็กไซล์ของทูแรนให้ตื่นขึ้นมา ...

ตัวละครหลัก[แก้]

แฟม แฟน แฟน (Fam Fan Fan) อายุ 15 ปี สาวน้อยโจรน่านฟ้าผู้อาศัยอยู่ในท่าเทียบเรือเสียดฟ้า ”คาร์ทัฟฟาร์” เธอใช้แวนชิพที่ชื่อว่าเวสปา ออกล่าเรือบิน และต่อสู้กลางอากาศกับเพื่อนฝูงแล้วนำมาขาย เพื่อเลี้ยงชีพ เธอมีความสามารถชั้นเซียนในการขับแวนชิพ แต่ยังอ่อนประสบการณ์

จิเซลล์ คอเลตต์ (Giselle Colette) อายุ 15 ปี เพื่อนสนิทของแฟม เป็นต้นหนให้กับแฟม มีนิสัยเรียบร้อย เป็นลูกสาวคนโตของอาทาโมรา หัวหน้าโจรน่านฟ้า

ลิเลียนา อิล คูเตรโทรา เมลโร ทูแรน (Liliana il Cutrettola Melro Turan) อายุ 19 ปี พี่สาวของมิเลีย เจ้าหญิงองค์ที่หนึ่งแห่งทูแรน มีนิสัยเรียบร้อย การตัดสินใจที่เด็ดขาดแบกรับภาระการดูแลทูแรนแทนกษัตริย์

มิเลีย อิล เวร์ค คูเตรโทรา ทูแรน (Milia il Werk Cutrettola Turan) อายุ 15 ปี เจ้าหญิงองค์ที่สองแห่งราชอาณาจักรทูแรน หลังจากพี่สาวถูกอะเดสจับตัวไป เธอจึงต้องเป็นผู้นำของชาวทูแรน ในการกอบกู้อาณาจักร

ลุสคิเนีย ฮาเฟส (Luscinia Hafez) นายกรัฐมนตรีแห่งสมาพันธรัฐอะเดส ผู้นำในการบุกทูแรน อดีตเคยเป็นองครักษ์ในองค์ออกัสตาฟารานาซ มีชื่อเดิมว่าลูเคีย เป็นชาวกิลด์

วาแซนต์ (Vasant) นายพลหญิงแห่งสมาพันธรัฐอะเดส ผู้บัญชาการกองเรือที่ 5 กองเรือสำหรับประจำการอารักขาองค์ออกัสตา ภายหลังได้จัดตั้งกองกำลังพันธมิตร เพื่อต่อต้านลุสคิเนีย

อาณาจักรและดินแดน[แก้]

เพรสเตอร์ ดาวอพยพของอนาโทเรย์และดิสซิส

ในลาสต์ เอ็กไซล์ ทั้งสองภาค มีประเทศและดินแดนมากมาย แต่ในที่นี้ จะกล่าวถึงอาณาจักรที่มีบทบาทมาก คือ

อนาโทเรย์ ตั้งอยู่บนเพรสเตอร์ เป็นอาณาจักรที่อุดมสมบูรณ์ ทำสงครามกับดิสซิสอยู่เรื่อยมา*

ดิสซิส ตั้งอยู่บนเพรสเตอร์ ดินแดนที่มีสภาพอากาศหนาวเหน็บที่สุดจนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ จึงจำต้องบุกรุกอนาโทเรย์ *

ทูแรน อาณาจักรที่ตกเป็นเป้าของสมาพันธรัฐอะเดส เนื่องจากองค์หญิงแห่งทูแรนเป็นกุญแจแห่งเอ็กไซล์

อะเดส หรือสมาพันธรัฐอะเดส เป็นประเทศมหาอำนาจที่ไม่ได้ใช้เอ็กไซล์อพยพไปที่อื่น หลังจากเหตุการณ์ปลงพระชนม์องค์ออกัสตาฟารานาซ ลุสคิเนียได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีและเริ่มบุกรุกและดำเนินนโยบายทางการทูตกับดินแดนต่างๆให้ร่วมกับตนเอง เนื่องจากทูแรนมีเอ็กไซล์ จึงต้องการใช้เอ็กไซล์ของทูแรนเพื่อเป็นอาวุธ

กลาเคียส ตั้งอยู่ทางเหนือของแกรนด์เลค มีสภาพอากาศเป็นหิมะตลอดปี มีภาษาเป็นของตนเอง และมีแวนชิพที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง กลาเคียสถือเป็นประเทศที่ลึกลับเนื่องจากไม่ดำเนินนโยบายทางการทูตกับประเทศใดๆ มีเอ็กไซล์เป็นของตนเอง และถือว่าเอ็กไซล์เป็นเทพเจ้าที่คอยปกป้องรักษากลาเคียส

  • (*) - ภายหลัง ดิสซิสผนวกเข้ากับอนาโทเรย์ เป็น สหอาณาจักรแห่งอนาโทเรย์-ดิสซิส และใช้เอ็กไซล์ของเพรสเตอร์อพยพกลับมายังโลก

เอ็กไซล์[แก้]

เอ็กไซล์ (อังกฤษ: Exile) เป็นยานอพยพขนาดมหึมาของกิลด์ แม้จะเป็นยานอพยพแต่ได้รับการติดตั้งระบบป้องกันยานอัตโนมัติซึ่งรุนแรงไว้ จึงอาจใช้เป็นอาวุธทำลายล้างได้ด้วย เอ็กไซล์แต่ละลำจะมีคนเพียงคนเดียวที่มีอำนาจควบคุมได้ ซึ่งถูกเรียกว่ากุญแจแห่งเอ็กไซล์ และเมื่อคนๆ นั้นเสียชีวิต พลังในการควบคุมจะตกไปอยู่ในผู้ที่มีสายสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้ชิดที่สุดที่เป็นเพศหญิง การที่จะทำให้เอ็กไซล์ทำงานต้องใช้บทกลอนเอ็กไซล์

  • เอ็กไซล์ของเพรสเตอร์ ก่อนใช้งานได้มีลักษณะเป็นรูปดักแด้ หลับใหลอยู่ภายในแกรนด์สตรีม ซึ่งภายหลังมีลักษณะคล้ายเล็บมือของหญิงสาว กุญแจคืออัลวิส แฮมมิลตัน และต้องใช้บทกลอน 4 บท ที่ตกทอดมาในตระกูลทั้ง 4 ของกิลด์จึงจะใช้งานได้
    • ความยาว: 5,266 เมตร
    • ความสูง: 622.1 เมตร (ไม่รวมปีก)
    • ความกว้าง: 1,020.5 เมตร (ไม่รวมปีก) [1]
  • เอ็กไซล์ของทูแรน มีลักษณะเป็นพระจันทร์เสี้ยว มีจำนวนมากมายหลับใหลอยู่รอบโลก มีกุญแจคือองค์หญิงลิเลียน่าแห่งทูแรน ภายหลังอำนาจควบคุมตกไปอยู่ที่องค์หญิงมิเลีย
  • เอ็กไซล์ของกลาเคียส มีลักษณะเป็นป้อมปราการขนาดมหึมา ใช้เป็นแนวป้องกันเมืองหลวงของกลาเคียส ไม่ทราบว่ากุญแจคือใคร
  • เอ็กไซล์ของอะเดส มีลักษณะคล้ายแมลงปอสีขาว เรียกว่า แกรนด์เอ็กไซล์ หลับใหลอยู่บริเวณทางเหนือของดินแดนกลาเคียส เป็นเอ็กไซล์ที่มีขนาดมหึมาที่สุด มีพลังและพลานุภาพมากกว่าเอ็กไซล์อื่นๆ ทั้งหมดรวมกัน มีกุญแจคือองค์ออกัสตาแห่งอะเดส

การตอบรับ[แก้]

ในปี 2546 ลาสเอ็กไซล์ภาคแรกได้รับการตอบรับที่ดีมาก ได้รับการกล่าวถึงทั้งในด้านเนื้อเรื่อง ที่กล่าวถึงความขัดแย้งเรื่องทรัพยากรและเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ซึ่งมีความเป็นสากล แต่ขณะเดียวกันก็มีความแปลกใหม่และสร้างสรรค์ ซับซ้อน เข้มข้น และสมจริง เป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์อนิเมทชั่นหลายเรื่องในเวลาต่อมา งานด้านภาพทั้งการออกแบบตัวละครและเครื่องแต่งกาย การออกแบบยานพาหนะ ฉากและเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ในเรื่องที่มีความสมจริง สวยงามและมีรายละเอียดจำนวนมาก มีฉากที่ใช้เทคนิคพิเศษในการถ่ายทำจำนวนมาก โดยมีฉากที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างภาพมากกว่า 200 ฉาก เพลงประกอบที่ใช้ดนตรีคลาสสิค ลาสเอ็กไซล์ภาคแรกถูกนำไปฉายในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา หลายประเทศในแถบยุโรป ละตินอเมริกา และบางส่วนของเอเชีย ถือเป็นแอนิเมชันที่สร้างชื่อเสียงให้แก่บริษัทกอนโซที่เป็นผู้สร้างอย่างมาก อย่างไรก็ดี บริษัทกอนโซที่เป็นผู้ผลิตกลับประสบปัญหาทางการเงินจนต้องปิดตัวลงในอีกหลายปีต่อมา ในปี 2554 บริษัทกอนโซที่เป็นผู้สร้างได้ออกฉายภาคต่อของลาสเอ็กไซล์ เพื่อเฉลิมฉลองการที่บริษัทได้ก่อตั้งขึ้นมาใหม่

ภาพยนตร์[แก้]

ในปี 2548 มีการรายงานข่าวว่า New Line Cinema ให้ความสนใจที่จะนำ ลาสเอ็กไซล์ ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ซึ่งใช้คนแสดง ต่อมาในปี 2552 ภาพออกแบบศิลป์ของภาพยนตร์ได้หลุดออกมาทางอินเตอร์เน็ท ซึ่งต่อมาได้ถูกลบออกตามคำขอของผู้สร้างภาพยนตร์ แต่จนกระทั่งปัจจุบันยังไม่มีข่าวของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติมอีก จึงอาจสันนิษฐานได้ว่าโครงการสร้างภาพยนตร์ของลาสเอ็กไซล์ได้ถูกยกเลิก

รายชื่อตอน[แก้]

ข้อมูลเพิ่มเติม[แก้]

อ้างอิง[แก้]