ข้ามไปเนื้อหา

ลลิตคีรี

พิกัด: 20°35′22″N 86°15′02″E / 20.5894°N 86.2506°E / 20.5894; 86.2506
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ลลิตคีรี
ลลิตคีรีมหาสถูป
ศาสนา
ศาสนาศาสนาพุทธ
สถานะอนุรักษ์
ที่ตั้ง
รัฐโอริสสา
ลลิตคีรีตั้งอยู่ในประเทศอินเดีย
ลลิตคีรี
ที่ตั้งในประเทศอินเดีย
ดินแดนประเทศอินเดีย
พิกัดภูมิศาสตร์20°35′22″N 86°15′02″E / 20.5894°N 86.2506°E / 20.5894; 86.2506

ลลิตคีรี[1] หรือ ลฬิตคิริ (โอเดีย: ଲଳିତଗିରି; Lalitagiri) เป็นหมู่สิ่งปลูกสร้างทางศาสนาพุทธในรัฐโอริสสา ประเทศอินเดีย ประกอบด้วยซากของสถูป, วิหาร และพระพุทธรูปมากมาย ถือเป็นแหล่งโบราณคดีที่เก่าแก่ทีสุดในภูมิภาคนี้[2][3][4] การค้นพบสำคัญในลลิตคีรีรวมถึงการค้นพบพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า[4] ในอดีตศาสนาพุทธที่ปฏิบัติในลลิตคีรีเป็นศาสนาพุทธแบบตันตระ[5]

ลลิตคีรี, รัตนคีรึ และ อุทยคีรี ซึ่งตั้งอยู่ในละแวกเดียวกัน รวมเรียกกันว่าเป็น "สามเหลี่ยมวัชระ" (Diamond Triangle)[6][7] ในอดีตเคยเชื่อว่าลลิตคีรีหรือทั้งสามแหล่งนี้รวมกันเป็นอดีตปุษปคีรีวิหารที่ปรากฏในหลักฐานบันทึกโบราณ[2]

จากการขุดค้นทางโราณคดี เป็นที่สรุปได้ว่ามีการปฏิบัติศาสนาพุทธในลลิตคีรีต่อเนื่องระหว่างศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์กาล ถึงศตวรรษที่ 10[8] ในปี 1985 กรมสำรวจโบราณคดีอินเดีย (ASI) ริเริ่มการขุดค้นลลิตคีรีเพื่อระบุตำแหน่งของปุษปคีรีที่ปรากฏในบันทึกของพระถังซำจั๋ง การขุดค้นนี้นำไปสู่การค้นพบทางโบราณคดีสำคัญมากมาย กระนั้นไม่มีหลักฐานที่ทำให้สรุปได้ว่าที่นี่คือปุษปคีรี ในการขุดค้นในภายหลังเสนอว่าปุษปคีรีน่าจะอยู่ที่ลัณคุฑีมากกว่า[9]

อ้างอิง

[แก้]
  1. ขุนทรง, สฤษดิ์พงศ์ (2012). "ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐโอริสสากับประเทศไทย: ศึกษาจากหลักฐานทางโบราณคดี". of:ดำรงวิชาการ ปีที่ 11. 2 (3): 3–31. สืบค้นเมื่อ 2024-11-14.
  2. 2.0 2.1 Hoiberg & Ramchandani 2000, pp. 175–176.
  3. "Excavated Buddhist site, Laitagiri". Archaeological Survey of India. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 September 2014. สืบค้นเมื่อ 9 April 2015.
  4. 4.0 4.1 Goldberg & Decary2012, p. 387.
  5. Biswas 2014, p. 58.
  6. "Lalitgiri". Government of Odisha: Department of Tourism. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-24.
  7. Kumar, Arjun (22 March 2012). "Sounds of silence at Buddhist sites in Odisha, Ratnagiri-Udayagiri-Lalitgiri". Economic times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 October 2013.
  8. Sinha & Das 1996, p. 74.
  9. "ASI hope for hill heritage – Conservation set to start at Orissa site". The Telegraph. 29 January 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 February 2013.

บรรณานุกรม

[แก้]