ข้ามไปเนื้อหา

รายชื่อนัดชิงชนะเลิศยูโรเปียนคัพและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
รายชื่อนัดชิงชนะเลิศยูโรเปียนคัพและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ก่อตั้งค.ศ. 1955
ภูมิภาคยูฟ่า (ยุโรป)
จำนวนทีม36 (รอบลีก)
2 (นัดชิงชนะเลิศ)
ทีมชนะเลิศปัจจุบันประเทศสเปน เรอัลมาดริด
(15 สมัย)
ทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดประเทศสเปน เรอัลมาดริด
(15 สมัย)
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2024

ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เป็นการแข่งขันฟุตบอลประจำปีที่จัดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1955[1] ก่อนฤดูกาล 1992–93 การแข่งขันมีชื่อว่า ยูโรเปียนคัพ[1] ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนั้นเปิดให้แชมป์ลีกจากสมาคมสมาชิกยูฟ่า (สหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป) ทั้งหมดเข้าร่วมได้ (ยกเว้น ลีชเทินชไตน์ ซึ่งไม่มีการแข่งขันลีก) เช่นเดียวกับสโมสรที่จบอันดับตั้งแต่รองชนะเลิศถึงอันดับที่สี่ในลีกที่แข็งแกร่งที่สุด[2] แต่เดิม อนุญาตให้เฉพาะแชมป์ของลีกระดับประเทศและแชมป์เก่าของการแข่งขันเท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้ อย่างไรก็ตาม ใน ค.ศ. 1997 ได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าวเพื่อให้รองแชมป์ของลีกที่แข็งแกร่งกว่าสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้เช่นกัน และใน ค.ศ. 1999 ได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าวอีกครั้ง โดยทีมที่จบอันดับที่สามและสี่ของลีกดังกล่าวก็มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันเช่นกัน[3] ในยุคแชมเปียนส์ลีก ทีมแชมป์เก่าของการแข่งขันไม่ได้ผ่านเข้ารอบโดยอัตโนมัติจนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงกฎใน ค.ศ. 2005 เพื่อให้แชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูลสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้[4]

ทีมที่ชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสามครั้งติดต่อกันหรือห้าครั้ง จะได้รับตราสัญลักษณ์ผู้ชนะเลิศหลายสมัย[5] หกทีมได้รับสิทธิพิเศษนี้ ได้แก่ เรอัลมาดริด, อายักซ์, ไบเอิร์นมิวนิก, เอซี มิลาน, ลิเวอร์พูล และบาร์เซโลนา[6] ก่อน ค.ศ. 2009 สโมสรที่ได้รับตราสัญลักษณ์ดังกล่าวจะได้รับอนุญาตให้เก็บถ้วยรางวัลยูโรเปียนแชมเปียนคลับส์คัพไว้ได้ และมีการสั่งทำถ้วยใหม่ขึ้น[7] ตั้งแต่ ค.ศ. 2009 ทีมที่ชนะเลิศในแต่ละปีจะได้รับถ้วยรางวัลจำลองขนาดเท่าจริง ส่วนถ้วยรางวัลดั้งเดิมนั้นจะถูกเก็บรักษาไว้โดยยูฟ่า[8]

มี 23 สโมสรที่เคยชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก/ยูโรเปียนคัพ เรอัลมาดริดครองสถิติชนะเลิศมากที่สุด โดยชนะเลิศ 15 สมัย รวมถึงครั้งแรกด้วย พวกเขาชนะเลิศติดต่อกันมากที่สุดถึงห้าสมัยตั้งแต่ ค.ศ. 1956 ถึง 1960 ยูเวนตุส เป็นรองชนะเลิศมากที่สุด โดยแพ้ในนัดชิงชนะเลิศเจ็ดครั้ง อัตเลติโกเดมาดริด เป็นทีมเดียวที่เข้าถึงนัดชิงชนะเลิศสามครั้งแต่ไม่ชนะเลิศ ขณะที่ แร็งส์ และบาเลนเซีย เป็นรองชนะเลิศสองครั้ง ทีมจากสเปนชนะเลิศมากที่สุด โดยได้ชนะเลิศถึงยี่สิบครั้งจากสองสโมสร[9] หกสโมสรจากอังกฤษชนะเลิศรวมกันสิบห้าสมัย ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด ส่วนสามสโมสรจากอิตาลีชนะเลิศรวมกันสิบสองสมัย สโมสรจากอังกฤษถูกแบนจากการแข่งขันเป็นเวลาห้าปี หลังเกิดภัยพิบัติเฮย์เซลใน ค.ศ. 1985[10] แชมป์ปัจจุบันคือ เรอัลมาดริด โดยชนะ โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 2–0 ในนัดชิงชนะเลิศ 2024[11]

แม้ว่าสถานที่จัดการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศจะได้รับการเลือกไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่มีสี่ครั้งที่สโมสรเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศแล้วแข่งขันในสนามกีฬาของตนเอง เรอัลมาดริด และอินเตอร์มิลาน ชนะเลิศยูโรเปียนคัพครั้งที่สองของพวกเขาในซานเตียโก เบร์นาเบว เมื่อ ค.ศ. 1957 และซานซีโร เมื่อ ค.ศ. 1965 ตามลำดับ โรมา แพ้การดวลลูกโทษกับลิเวอร์พูลในสตาดีโอโอลิมปีโก เมื่อ ค.ศ. 1984 ไบเอิร์นมิวนิก แพ้การดวลลูกโทษกับเชลซีในอัลลีอันทซ์อาเรนา เมื่อ ค.ศ. 2012

รายชื่อนัดชิงชนะเลิศ

[แก้]
สัญลักษณ์
ชนะการแข่งขันในช่วงต่อเวลาพิเศษ
* ชนะการแข่งขันโดยการดวลลูกโทษ
& ชนะการแข่งขันโดยการแข่งใหม่
  • คอลัมน์ "ฤดูกาล" หมายถึงฤดูกาลที่การแข่งขันจัดขึ้น และวิกิลิงก์ไปยังบทความที่เกี่ยวข้องกับฤดูกาลดังกล่าว
  • วิกิลิงก์ในคอลัมน์ "ผลประตู" เชื่อมโยงไปที่บทความเกี่ยวกับนัดชิงชนะเลิศของฤดูกาลดังกล่าว
รายชื่อนัดชิงชนะเลิศยูโรเปียนคัพและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก[12][13][14]
ฤดูกาล ประเทศ ผู้ชนะเลิศ ผลประตู รองชนะเลิศ ประเทศ สถานที่ ผู้ชม[15]
1955–56  สเปน เรอัลมาดริด 4–3 แร็งส์  ฝรั่งเศส ปาร์กเดแพร็งส์, ปารีส, ฝรั่งเศส 38,239
1956–57  สเปน เรอัลมาดริด 2–0 ฟีออเรนตีนา  อิตาลี ซานเตียโก เบร์นาเบว, มาดริด, สเปน 124,000
1957–58  สเปน เรอัลมาดริด 3–2 มิลาน  อิตาลี สนามกีฬาเฮย์เซล, บรัสเซลส์, เบลเยียม 67,000
1958–59  สเปน เรอัลมาดริด 2–0 แร็งส์  ฝรั่งเศส เนกคาร์สตาดิโอน, ชตุทท์การ์ท, เยอรมนีตะวันตก 72,000
1959–60  สเปน เรอัลมาดริด 7–3 ไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท  เยอรมนีตะวันตก แฮมป์เดนพาร์ก, กลาสโกว์, สกอตแลนด์ 127,621
1960–61  โปรตุเกส ไบฟีกา 3–2 บาร์เซโลนา  สเปน วังค์ดอร์ฟชตาดิโยน, แบร์น, สวิตเซอร์แลนด์ 26,732
1961–62  โปรตุเกส ไบฟีกา 5–3 เรอัลมาดริด  สเปน สนามกีฬาโอลิมปิก, อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์ 61,257
1962–63  อิตาลี มิลาน 2–1 ไบฟีกา  โปรตุเกส สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน, อังกฤษ 45,715
1963–64  อิตาลี อินเตอร์มิลาน 3–1 เรอัลมาดริด  สเปน สนามกีฬาพราเทอร์, เวียนนา, ออสเตรีย 71,333
1964–65  อิตาลี อินเตอร์มิลาน 1–0 ไบฟีกา  โปรตุเกส ซานซีโร, มิลาน, อิตาลี 89,000
1965–66  สเปน เรอัลมาดริด 2–1 ปาร์ติซาน  ยูโกสลาเวีย สนามกีฬาเฮย์เซล, บรัสเซลส์, เบลเยียม 46,745
1966–67  สกอตแลนด์ เซลติก 2–1 อินเตอร์มิลาน  อิตาลี อิชตาดีอูนาซีอูนัล, ลิสบอน, โปรตุเกส 45,000
1967–68  อังกฤษ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 4–1 ไบฟีกา  โปรตุเกส สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน, อังกฤษ 92,225
1968–69  อิตาลี มิลาน 4–1 อายักซ์  เนเธอร์แลนด์ ซานเตียโก เบร์นาเบว, มาดริด, สเปน 31,782
1969–70  เนเธอร์แลนด์ ไฟเยอโนร์ด 2–1 เซลติก  สกอตแลนด์ ซานซีโร, มิลาน, อิตาลี 53,187
1970–71  เนเธอร์แลนด์ อายักซ์ 2–0 ปานาซีไนโกส  กรีซ สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน, อังกฤษ 83,179
1971–72  เนเธอร์แลนด์ อายักซ์ 2–0 อินเตอร์มิลาน  อิตาลี เดอเกยป์, รอตเทอร์ดาม, เนเธอร์แลนด์ 61,354
1972–73  เนเธอร์แลนด์ อายักซ์ 1–0 ยูเวนตุส  อิตาลี เรดสตาร์สเตเดียม, เบลเกรด, ยูโกสลาเวีย 89,484
1973–74  เยอรมนีตะวันตก ไบเอิร์นมิวนิก 1–1 อัตเลติโกเดมาดริด  สเปน สนามกีฬาเฮย์เซล, บรัสเซลส์, เบลเยียม 48,722
4–0& 23,325
1974–75  เยอรมนีตะวันตก ไบเอิร์นมิวนิก 2–0 ลีดส์ยูไนเต็ด  อังกฤษ ปาร์กเดแพร็งส์, ปารีส, ฝรั่งเศส 48,374
1975–76  เยอรมนีตะวันตก ไบเอิร์นมิวนิก 1–0 แซ็งเตเตียน  ฝรั่งเศส แฮมป์เดนพาร์ก, กลาสโกว์, สกอตแลนด์ 54,864
1976–77  อังกฤษ ลิเวอร์พูล 3–1 โบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค  เยอรมนีตะวันตก สตาดีโอโอลิมปีโก, โรม, อิตาลี 57,000
1977–78  อังกฤษ ลิเวอร์พูล 1–0 กลึบบรึคเคอ  เบลเยียม สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน, อังกฤษ 92,500
1978–79  อังกฤษ นอตทิงแฮมฟอเรสต์ 1–0 มัลเมอ เอฟเอฟ  สวีเดน โอลึมพีอาชตาดีอ็อน, มิวนิก, เยอรมนีตะวันตก 57,500
1979–80  อังกฤษ นอตทิงแฮมฟอเรสต์ 1–0 ฮัมบัวร์เกอร์ เอ็สเฟา  เยอรมนีตะวันตก ซานเตียโก เบร์นาเบว, มาดริด, สเปน 51,000
1980–81  อังกฤษ ลิเวอร์พูล 1–0 เรอัลมาดริด  สเปน ปาร์กเดแพร็งส์, ปารีส, ฝรั่งเศส 48,360
1981–82  อังกฤษ แอสตันวิลลา 1–0 ไบเอิร์นมิวนิก  เยอรมนีตะวันตก เดอเกยป์, รอตเทอร์ดาม, เนเธอร์แลนด์ 46,000
1982–83  เยอรมนีตะวันตก ฮัมบัวร์เกอร์ เอ็สเฟา 1–0 ยูเวนตุส  อิตาลี สนามกีฬาโอลิมปิก, เอเธนส์, กรีซ 73,500
1983–84  อังกฤษ ลิเวอร์พูล 1–1*[a] โรมา  อิตาลี สตาดีโอโอลิมปีโก, โรม, อิตาลี 69,693
1984–85  อิตาลี ยูเวนตุส 1–0 ลิเวอร์พูล  อังกฤษ สนามกีฬาเฮย์เซล, บรัสเซลส์, เบลเยียม 58,000
1985–86  โรมาเนีย สเตอัวบูคูเรสตี 0–0*[b] บาร์เซโลนา  สเปน รามอน ซานเชซ ปิซควน, เซบิยา, สเปน 70,000
1986–87  โปรตุเกส โปร์ตู 2–1 ไบเอิร์นมิวนิก  เยอรมนีตะวันตก สนามกีฬาพราเทอร์, เวียนนา, ออสเตรีย 57,500
1987–88  เนเธอร์แลนด์ เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน 0–0*[c] ไบฟีกา  โปรตุเกส เนกคาร์สตาดิโอน, ชตุทท์การ์ท, เยอรมนีตะวันตก 68,000
1988–89  อิตาลี มิลาน 4–0 สเตอัวบูคูเรสตี  โรมาเนีย กัมนอว์, บาร์เซโลนา, สเปน 97,000
1989–90  อิตาลี มิลาน 1–0 ไบฟีกา  โปรตุเกส สนามกีฬาพราเทอร์, เวียนนา, ออสเตรีย 57,558
1990–91  ยูโกสลาเวีย เรดสตาร์เบลเกรด 0–0*[d] มาร์แซย์  ฝรั่งเศส สตาดีโอซานนีโกลา, บารี, อิตาลี 56,000
1991–92  สเปน บาร์เซโลนา 1–0 ซัมป์โดเรีย  อิตาลี สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน, อังกฤษ 70,827
1992–93  ฝรั่งเศส มาร์แซย์ 1–0 เอซี มิลาน  อิตาลี โอลึมพีอาชตาดีอ็อน, มิวนิก, เยอรมนี 64,400
1993–94  อิตาลี มิลาน 4–0 บาร์เซโลนา  สเปน สนามกีฬาโอลิมปิก, เอเธนส์, กรีซ 70,000
1994–95  เนเธอร์แลนด์ อายักซ์ 1–0 เอซี มิลาน  อิตาลี สนามกีฬาแอ็นสท์ ฮัพเพิล, เวียนนา, ออสเตรีย 49,730
1995–96  อิตาลี ยูเวนตุส 1–1*[e] อายักซ์  เนเธอร์แลนด์ สตาดีโอโอลิมปีโก, โรม, อิตาลี 70,000
1996–97  เยอรมนี โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 3–1 ยูเวนตุส  อิตาลี โอลึมพีอาชตาดีอ็อน, มิวนิก, เยอรมนี 59,000
1997–98  สเปน เรอัลมาดริด 1–0 ยูเวนตุส  อิตาลี อัมสเตอร์ดัมอาเรนา, อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์ 48,500
1998–99  อังกฤษ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2–1 ไบเอิร์นมิวนิก  เยอรมนี กัมนอว์, บาร์เซโลนา, สเปน 90,245
1999–2000  สเปน เรอัลมาดริด 3–0 บาเลนเซีย  สเปน สตาดเดอฟร็องส์, แซ็ง-เดอนี, ฝรั่งเศส 80,000
2000–01  เยอรมนี ไบเอิร์นมิวนิก 1–1*[f] บาเลนเซีย  สเปน ซานซีโร, มิลาน, อิตาลี 71,500
2001–02  สเปน เรอัลมาดริด 2–1 ไบเออร์เลเวอร์คูเซิน  เยอรมนี แฮมป์เดนพาร์ก, กลาสโกว์, สกอตแลนด์ 50,499
2002–03  อิตาลี มิลาน 0–0*[g] ยูเวนตุส  อิตาลี โอลด์แทรฟฟอร์ด, แมนเชสเตอร์, อังกฤษ 62,315
2003–04  โปรตุเกส โปร์ตู 3–0 มอนาโก  ฝรั่งเศส อาเรนาเอาฟ์ชัลเคอ, เกลเซนเคียร์เชิน, เยอรมนี 53,053
2004–05  อังกฤษ ลิเวอร์พูล 3–3*[h] เอซี มิลาน  อิตาลี สนามกีฬาโอลิมปิกอาทาทืร์ค, อิสตันบูล, ตุรกี 69,000
2005–06  สเปน บาร์เซโลนา 2–1 อาร์เซนอล  อังกฤษ สตาดเดอฟร็องส์, แซ็ง-เดอนี, ฝรั่งเศส 79,610
2006–07  อิตาลี มิลาน 2–1 ลิเวอร์พูล  อังกฤษ สนามกีฬาโอลิมปิก, เอเธนส์, กรีซ 63,000
2007–08  อังกฤษ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1–1*[i] เชลซี  อังกฤษ สนามกีฬาลุจนีกี, มอสโก, รัสเซีย 67,310
2008–09  สเปน บาร์เซโลนา 2–0 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด  อังกฤษ สตาดีโอโอลิมปีโก, โรม, อิตาลี 62,467
2009–10  อิตาลี อินเตอร์มิลาน 2–0 ไบเอิร์นมิวนิก  เยอรมนี ซานเตียโก เบร์นาเบว, มาดริด, สเปน 73,490
2010–11  สเปน บาร์เซโลนา 3–1 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด  อังกฤษ สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน, อังกฤษ 87,695
2011–12  อังกฤษ เชลซี 1–1*[j] ไบเอิร์นมิวนิก  เยอรมนี อัลลีอันทซ์อาเรนา, มิวนิก, เยอรมนี 62,500
2012–13  เยอรมนี ไบเอิร์นมิวนิก 2–1 โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์  เยอรมนี สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน, อังกฤษ 86,298
2013–14  สเปน เรอัลมาดริด 4–1 อัตเลติโกเดมาดริด  สเปน อิชตาดีอูดาลุช, ลิสบอน, โปรตุเกส 60,976
2014–15  สเปน บาร์เซโลนา 3–1 ยูเวนตุส  อิตาลี โอลึมพีอาชตาดีอ็อน, เบอร์ลิน, เยอรมนี 70,442
2015–16  สเปน เรอัลมาดริด 1–1*[k] อัตเลติโกเดมาดริด  สเปน ซานซีโร, มิลาน, อิตาลี 71,942
2016–17  สเปน เรอัลมาดริด 4–1 ยูเวนตุส  อิตาลี มิลเลนเนียมสเตเดียม, คาร์ดิฟฟ์, เวลส์ 65,842
2017–18  สเปน เรอัลมาดริด 3–1 ลิเวอร์พูล  อังกฤษ สนามโอลิมปิสกีเนชันแนลสปอตส์คอมเพล็กซ์, เคียฟ, ยูเครน 61,561
2018–19  อังกฤษ ลิเวอร์พูล 2–0 ทอตนัมฮอตสเปอร์  อังกฤษ เอสตาดิโอเมโตรโปลิตาโน, มาดริด, สเปน 63,272
2019–20  เยอรมนี ไบเอิร์นมิวนิก 1–0 ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง  ฝรั่งเศส อิชตาดีอูดาลุช, ลิสบอน, โปรตุเกส 0[l]
2020–21  อังกฤษ เชลซี 1–0 แมนเชสเตอร์ซิตี  อังกฤษ อิชตาดียูดูดราเกา, โปร์ตู, โปรตุเกส 14,110[m]
2021–22  สเปน เรอัลมาดริด 1–0 ลิเวอร์พูล  อังกฤษ สตาดเดอฟร็องส์, แซ็ง-เดอนี, ฝรั่งเศส 75,000
2022–23  อังกฤษ แมนเชสเตอร์ซิตี 1–0 อินเตอร์มิลาน  อิตาลี สนามกีฬาโอลิมปิกอาทาทืร์ค, อิสตันบูล, ตุรกี 71,412
2023–24  สเปน เรอัลมาดริด 2–0 โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์  เยอรมนี สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน, อังกฤษ 86,212
นัดชิงชนะเลิศในอนาคต
ฤดูกาล ประเทศ ผู้ชิงชนะเลิศ การแข่งขัน ผู้ชิงชนะเลิศ ประเทศ สถานที่
2024–25 v อัลลีอันทซ์อาเรนา, มิวนิก, เยอรมนี
2025–26 v ปุชกาชออเรนอ, บูดาเปสต์, ฮังการี

ผลงาน

[แก้]

แบ่งตามสโมสร

[แก้]
ผลงานในยูโรเปียนคัพและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกแบ่งตามสโมสร
สโมสร
ชนะเลิศ รองชนะเลิศ ฤดูกาลที่ชนะเลิศ ฤดูกาลที่รองชนะเลิศ
ประเทศสเปน เรอัลมาดริด 15 3 1956, 1957, 1958, 1959, 1960, 1966, 1998, 2000, 2002, 2014, 2016, 2017, 2018, 2022, 2024 1962, 1964, 1981
ประเทศอิตาลี มิลาน 7 4 1963, 1969, 1989, 1990, 1994, 2003, 2007 1958, 1993, 1995, 2005
ประเทศเยอรมนี ไบเอิร์นมิวนิก 6 5 1974, 1975, 1976, 2001, 2013, 2020 1982, 1987, 1999, 2010, 2012
ประเทศอังกฤษ ลิเวอร์พูล 6 4 1977, 1978, 1981, 1984, 2005, 2019 1985, 2007, 2018, 2022
ประเทศสเปน บาร์เซโลนา 5 3 1992, 2006, 2009, 2011, 2015 1961, 1986, 1994
ประเทศเนเธอร์แลนด์ อายักซ์ 4 2 1971, 1972, 1973, 1995 1969, 1996
ประเทศอิตาลี อินเตอร์มิลาน 3 3 1964, 1965, 2010 1967, 1972, 2023
ประเทศอังกฤษ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3 2 1968, 1999, 2008 2009, 2011
ประเทศอิตาลี ยูเวนตุส 2 7 1985, 1996 1973, 1983, 1997, 1998, 2003, 2015, 2017
ประเทศโปรตุเกส ไบฟีกา 2 5 1961, 1962 1963, 1965, 1968, 1988, 1990
ประเทศอังกฤษ เชลซี 2 1 2012, 2021 2008
ประเทศอังกฤษ นอตทิงแฮมฟอเรสต์ 2 0 1979, 1980
ประเทศโปรตุเกส โปร์ตู 2 0 1987, 2004
ประเทศเยอรมนี โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 1 2 1997 2013, 2024
ประเทศสกอตแลนด์ เซลติก 1 1 1967 1970
ประเทศเยอรมนี ฮัมบูร์เกอร์เอสเฟา 1 1 1983 1980
ประเทศโรมาเนีย สเตอัวบูคูเรสตี 1 1 1986 1989
ประเทศฝรั่งเศส มาร์แซย์ 1 1 1993 1991
ประเทศอังกฤษ แมนเชสเตอร์ซิตี 1 1 2023 2021
ประเทศเนเธอร์แลนด์ ไฟเยอโนร์ด 1 0 1970
ประเทศอังกฤษ แอสตันวิลลา 1 0 1982
ประเทศเนเธอร์แลนด์ เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน 1 0 1988
สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย เรดสตาร์เบลเกรด 1 0 1991
ประเทศสเปน อัตเลติโกเดมาดริด 0 3 1974, 2014, 2016
ประเทศฝรั่งเศส แร็งส์ 0 2 1956, 1959
ประเทศสเปน บาเลนเซีย 0 2 2000, 2001
ประเทศอิตาลี ฟีออเรนตีนา 0 1 1957
ประเทศเยอรมนี ไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟูร์ท 0 1 1960
สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย ปาร์ติซาน 0 1 1966
ประเทศกรีซ ปานาซีไนโกส 0 1 1971
ประเทศอังกฤษ ลีดส์ยูไนเต็ด 0 1 1975
ประเทศฝรั่งเศส แซ็งเตเตียน 0 1 1976
ประเทศเยอรมนี โบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค 0 1 1977
ประเทศเบลเยียม กลึบบรึคเคอ 0 1 1978
ประเทศสวีเดน มัลเมอ เอฟเอฟ 0 1 1979
ประเทศอิตาลี โรมา 0 1 1984
ประเทศอิตาลี ซัมป์โดเรีย 0 1 1992
ประเทศเยอรมนี ไบเออร์เลเวอร์คูเซิน 0 1 2002
ประเทศฝรั่งเศส มอนาโก 0 1 2004
ประเทศอังกฤษ อาร์เซนอล 0 1 2006
ประเทศอังกฤษ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 0 1 2019
ประเทศฝรั่งเศส ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง 0 1 2020

แบ่งตามชาติ

[แก้]

มีสโมสรจากสิบสามชาติที่เข้าถึงนัดชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก และมีสิบชาติที่ชนะเลิศรายการนี้ นับตั้งแต่ฤดูกาล 1995–96 นอกจากชัยชนะของโปร์ตูในฤดูกาล 2003–04 แล้ว ผู้ชนะเลิศมาจากหนึ่งในสี่ชาติเท่านั้น ได้แก่ สเปน (13), อังกฤษ (7), เยอรมนี (4) และอิตาลี (4) และนอกเหนือจากมอนาโกในฤดูกาล 2003–04 และปารีแซ็ง-แฌร์แม็งในฤดูกาล 2019–20 แล้ว รองชนะเลิศทั้งหมดมาจากสี่ชาติเดียวกัน

อังกฤษเป็นประเทศที่มีสโมสรที่ชนะเลิศได้มากที่สุด โดยมีหกสโมสรที่คว้าถ้วยรางวัล อิตาลี, เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์มีชาติละสามสโมสรที่ชนะเลิศ ในขณะที่สเปนและโปรตุเกสมีชาติละสองสโมสรที่ชนะเลิศ สกอตแลนด์, โรมาเนีย, ยูโกสลาเวีย และฝรั่งเศสมีชาติละหนึ่งสโมสรที่ชนะเลิศ

ผลงานในนัดชิงชนะเลิศแบ่งตามชาติ
ชาติ ชนะเลิศ รองชนะเลิศ รวม
 สเปน 20 11 31
 อังกฤษ 15 11 26
 อิตาลี 12 17 29
 เยอรมนี[n] 8 11 19
 เนเธอร์แลนด์ 6 2 8
 โปรตุเกส 4 5 9
 ฝรั่งเศส 1 6 7
 โรมาเนีย 1 1 2
 สกอตแลนด์ 1 1 2
 ยูโกสลาเวีย[o] 1 1 2
 เบลเยียม 0 1 1
 กรีซ 0 1 1
 สวีเดน 0 1 1

ดูเพิ่มเติม

[แก้]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. ผลประตู 1–1 หลัง 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูลชนะการดวลลูกโทษ 4–2[16]
  2. ผลประตู 0–0 หลัง 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ สเตอัวบูคูเรสตีชนะการดวลลูกโทษ 2–0[17]
  3. ผลประตู 0–0 หลัง 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟินชนะการดวลลูกโทษ 6–5[18]
  4. ผลประตู 0–0 หลัง 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ เรดสตาร์เบลเกรดชนะการดวลลูกโทษ 5–3[19]
  5. ผลประตู 1–1 หลัง 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ ยูเวนตุสชนะการดวลลูกโทษ 4–2[20]
  6. ผลประตู 1–1 หลัง 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ ไบเอิร์นมิวนิกชนะการดวลลูกโทษ 5–4[21]
  7. ผลประตู 0–0 หลัง 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ มิลานชนะการดวลลูกโทษ 3–2[22]
  8. ผลประตู 3–3 หลัง 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูลชนะการดวลลูกโทษ 3–2[23]
  9. ผลประตู 1–1 หลัง 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะการดวลลูกโทษ 6–5[24]
  10. ผลประตู 1–1 หลัง 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ เชลซีชนะการดวลลูกโทษ 4–3[25]
  11. ผลประตู 1–1 หลัง 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษ เรอัลมาดริดชนะการดวลลูกโทษ 5–3[26]
  12. นัดชิงชนะเลิศ 2020 เล่นโดยไม่มีผู้ชม เนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19 ในทวีปยุโรป[27]
  13. นัดชิงชนะเลิศ 2021 เล่นโดยมีผู้ชมจำกัด เนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19 ในทวีปยุโรป
  14. รวมสโมสรที่เป็นตัวแทนจากเยอรมนีตะวันตก และไม่มีสโมสรที่เป็นตัวแทนจากเยอรมนีตะวันออกเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศ
  15. ตัวแทนจากยูโกสลาเวียทั้งสองสโมสรมาจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเซอร์เบีย

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "Competition history". UEFA. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 November 2017. สืบค้นเมื่อ 13 May 2020.
  2. "Access list" (PDF). UEFA. 30 July 2020. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 28 February 2018. สืบค้นเมื่อ 30 July 2020.
  3. "1997/98: Seventh heaven for Madrid". UEFA. 30 April 2010. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2012. สืบค้นเมื่อ 8 July 2010.
  4. "Liverpool get in Champions League". BBC Sport. 10 June 2005. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 January 2016. สืบค้นเมื่อ 8 July 2010.
  5. "UEFA Champions League Museum" (PDF). UEFA. p. 10. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 6 November 2015. สืบค้นเมื่อ 22 June 2015.
  6. "How UEFA honours multiple European Cup winners". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). UEFA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 November 2020. สืบค้นเมื่อ 8 February 2025.
  7. "Regulations of the UEFA Champions League 2007/08" (PDF). UEFA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 12 March 2007. สืบค้นเมื่อ 7 July 2010.
  8. "Regulations of the UEFA Champions' League 2009/10" (PDF). UEFA. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 July 2016. สืบค้นเมื่อ 20 October 2012.
  9. Haslam, Andrew (27 May 2009). "Spain savour European pre-eminence". UEFA. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 June 2011. สืบค้นเมื่อ 7 July 2010.
  10. "1985: English teams banned after Heysel". BBC News. 31 May 1985. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 June 2017. สืบค้นเมื่อ 8 August 2006.
  11. Pettit, Mark (1 June 2024). "Real Madrid win Champions League: Carvajal and Vinícius Júnior see off Dortmund". UEFA. สืบค้นเมื่อ 2 June 2024.
  12. "UEFA Champions League Finals 1956–2021". RSSSF. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 August 2022. สืบค้นเมื่อ 29 May 2022.
  13. "European Champions' Cup". RSSSF. 31 May 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 July 2009. สืบค้นเมื่อ 13 July 2012.
  14. "UEFA Champions League Statistics Handbook" (PDF). UEFA. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 12 June 2019. สืบค้นเมื่อ 10 November 2022. See also "2022–23 Season Update" (PDF). เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 21 August 2023.
  15. "UEFA Champions League – Statistics Handbook 2012/13" (PDF). UEFA. p. 141. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 25 February 2019. สืบค้นเมื่อ 22 September 2013.
  16. "1983/84: Kennedy spot on for Liverpool". UEFA. 30 May 1984. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 July 2017. สืบค้นเมื่อ 28 February 2012.
  17. "Steaua stun Barcelona with spot-kick masterclass". UEFA. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 May 2020. สืบค้นเมื่อ 13 May 2020.
  18. "1987/88: PSV prosper from Oranje boom". UEFA. 25 May 1988. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 February 2018. สืบค้นเมื่อ 28 February 2012.
  19. "1990/91: Crvena Zvezda spot on". UEFA. 29 May 1991. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 March 2012. สืบค้นเมื่อ 28 February 2012.
  20. "1995/96: Juve hold their nerve". UEFA. 22 May 1996. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 February 2012. สืบค้นเมื่อ 28 February 2012.
  21. "2000/01: Kahn saves day for Bayern". UEFA. 23 May 2001. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 March 2016. สืบค้นเมื่อ 28 February 2012.
  22. "2002/03: Shevchenko spot on for Milan". UEFA. 28 May 2003. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 February 2012. สืบค้นเมื่อ 28 February 2012.
  23. "2004/05: Liverpool belief defies Milan". UEFA. 25 May 2005. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 February 2012. สืบค้นเมื่อ 28 February 2012.
  24. "2007/08: Fate favours triumphant United". UEFA. 21 May 2008. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 February 2012. สืบค้นเมื่อ 28 February 2012.
  25. "Shoot-out win ends Chelsea's long wait for glory". UEFA. 19 May 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 May 2012. สืบค้นเมื่อ 19 May 2012.
  26. "Spot-on Real Madrid defeat Atlético in final again". UEFA. 28 May 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 January 2018. สืบค้นเมื่อ 29 May 2016.
  27. "Venues for Round of 16 matches confirmed" (Press release). UEFA. 9 July 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 August 2020. สืบค้นเมื่อ 10 July 2020.