ระบบบัตรลงคะแนนหลายรอบ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ระบบบัตรลงคะแนนหลายรอบ (อังกฤษ: exhaustive ballot) เป็นระบบการลงคะแนนที่ใช้เลือกผู้ชนะเพียงรายเดียว โดยในระบบบัตรลงคะแนนหลายรอบนี้ผู้ลงคะแนนเสียงเดียวเพื่อเลือกผู้สมัครโดยปกติ อย่างไรก็ตามหากไม่มีผู้สมัครรายใดได้คะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาด ผู้สมัครรายที่ได้คะแนนน้อยที่สุดจะตกรอบและจะมีการลงคะแนนในรอบถัดไป โดยกระบวนการนี้จะทำซ้ำจนกว่าจะได้ผู้สมัครที่ได้คะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาด

ระบบบัตรลงคะแนนหลายรอบนี้มีความคล้ายคลึงกับระบบสองรอบโดยแตกต่างเพียงแค่ประเด็นหลัก ๆ เท่านั้น ในระบบสองรอบนั้นหากไม่มีผู้สมัครรายใดได้คะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาดในรอบแรกนั้น จะเลือกเพียงแค่ผู้สมัครสองรายที่มีคะแนนสูงสุดเพื่อเข้าแข่งขันในรอบที่สอง (รอบตัดสิน) โดยในรอบที่สองผู้ชนะคือผู้ที่ได้คะแนนเสียงข้างมาก ส่วนในระบบบัตรลงคะแนนหลายรอบนี้มีการกำจัดผู้สมัครเพียงรอบละหนึ่งคนดังนั้นจะต้องทำกระบวนการเดิมซ้ำ ๆ จนกว่าจะได้ผู้สมัครที่มีคะแนนเสียงข้างมาก (ในบางสถานการณ์นั้น ผู้สมัครมากกว่าสองรายอาจจะตกรอบพร้อมกันได้หากเมื่อนำคะแนนเสียงทุกคนรวมกันแล้วได้น้อยกว่าผู้สมัครลำดับที่สูงขึ้นถัดไป โดยการ "การกำจัดหมู่" นั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลำดับของการกำจัดผู้สมัครได้ไม่เหมือนในระบบสองรอบ)

เนื่องจากระบบนี้จำเป็นจะต้องให้ผู้ลงคะแนนลงคะแนนเสียงหลายครั้งจึงไม่เหมาะกับการใช้ในการเลือกตั้งขนาดใหญ่ โดยมากนิยมใช้ในการเลือกตั้งที่มีผู้ลงคะแนนเพียงหลักร้อยคน เช่น การเลือกนายกรัฐมนตรี หรือการเลือกประธานสภา ในปัจจุบันใช้ระบบนี้ในรูปแบบแตกต่างกันไปเพื่อเลือกตั้งคณะมนตรีสมาพันธรัฐสวิส มุขมนตรีสกอตแลนด์ ประธานรัฐสภายุโรป และประธานสภาสามัญชนแคนาดา สภาสามัญชนสหราชอาณาจักร และรัฐสภาสกอตแลนด์ การคัดเลือกเมืองเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกและฟุตบอลโลก]

การลงคะแนนและการนับคะแนน[แก้]

ตัวอย่างบัตรลงคะแนน

ในแต่ละรอบนั้นผู้ลงคะแนนสามารถกาเครื่องหมายเลือกผู้สมัครที่ต้องการ หากไม่มีผู้สมัครรายใดได้คะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาด (เกินครึ่งหนึ่ง) ในรอบแรก จะต้องตัดผู้สมัครรายที่ได้คะแนนน้อยที่สุดออกในขณะที่ผู้สมัครทั้งหมดที่เหลือผ่านเข้าไปในรอบที่สอง และหากยังไม่มีผู้สมัครรายใดที่ได้คะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาดอีกผู้สมัครที่ได้คะแนนน้อยที่สุดก็จะตกรอบ ในรอบที่สามหากยังไม่มีผู้สมัครรายใดที่ได้คะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาดอีกผู้สมัครที่ได้คะแนนน้อยที่สุดในรอบก็จะตกรอบ โดยกระบวนการนี้จะถูกทำซ้ำหลายรอบจนกว่าจะได้ผู้สมัครรายเดียวที่มีคะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาด หากจำเป็น จะทำการเลือกตั้งจนกว่าจะเหลือเพียงผู้สมัครสองคนสุดท้าย และหากเกิดกรณีนี้ขึ้นผู้ชนะจะต้องได้รับคะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาด

ในระหว่างการลงคะแนนในแต่ละรอบ ผู้ลงคะแนนสามารถเปลี่ยนใจไปเลือกผู้สมัครรายอื่นได้โดยอิสระ ยกเว้นรายที่ตกรอบไปแล้ว

แบบย่อย[แก้]

  • การบังคับให้ใช้เกณฑ์คะแนนเสียงข้างมากพิเศษ (สองในสาม) ในการเลือกผู้ชนะนั้น สามารถกระทำได้ทั้งในรอบแรก ๆ หรือทุกรอบทั้งหมดเลยก็ได้ ตัวอย่างเช่น ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอิตาลี ในรอบแรก ๆ นั้นใช้คะแนนเสียงข้างมากพิเศษ และในรอบที่สี่เป็นต้นไปลดเกณฑ์ลงเพียงแค่เกณฑ์คะแนนเสียงข้างมากธรรมดา
  • ในบางแบบย่อยของระบบนี้ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวในการกำจัดผู้สมัครออกในแต่ละรอบ โดยปกติผู้สมัครจะเป็นฝ่ายถอนตัวเองโดยอาสา
  • ในบางแบบย่อยจะค่อย ๆ เพิ่มเกณฑ์ขั้นต่ำในการกำจัดผู้สมัครออกในแต่ละรอบเพื่อความรอมชอม ตัวอย่างเช่น ในการคัดเลือกตัวผู้สมัครวุฒิสมาชิกสหรัฐของพรรคประชาธิปัตย์-ชาวนา-แรงงานแห่งมินนิโซตา ใน ค.ศ. 2008 นั้นใช้ระบบบัตรลงคะแนนหลายรอบโดยมีกฎในการปรับตกรอบเริ่มที่ร้อยละ 5 และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 หลังจากรอบที่ 5 และหลังจากนั้นผู้สมัครรายใดที่มีคะแนนเสียงน้อยที่สุดจะถูกกำจัดออกจนกว่าจะเหลือเพียงสองคน[1]
  • อีกแบบย่อยที่กำจัดผู้สมัครมากกว่าหนึ่งรายในแต่ละรอบ ตัวอย่างเช่น ในการเลือกตั้งประธานสภาสามัญชนแห่งแคนาดา และสหราชอาณาจักรนั้นผู้สมัครรายใดที่ได้คะแนนน้อยกว่าร้อยละ 5 ในรอบแรกนั้นจะถือว่าตกรอบทันที

ตัวอย่าง[แก้]

Tennessee's four cities are spread throughout the state
Tennessee's four cities are spread throughout the state

สมมติว่าประชากรในรัฐเทนเนสซีของสหรัฐนั้นออกเสียงเลือกเมืองหลวงสำหรับรัฐใหม่ โดยประชากรนั้นหนาแน่นอยู่รอบ ๆ เมืองหลักทั้งสี่เมืองซึ่งอยู่คนละด้านของรัฐ ในตัวอย่างนี้ให้สมมติว่าเขตเลือกตั้งทั้งหมดนั้นอยู่ในเขตเมืองทั้งสี่ และประชากรทั้งหมดต้องการให้เมืองหลวงอยู่ใกล้กับเมืองของพวกเขามากที่สุด

ผู้สมัครชิงตำแหน่งเมืองหลวงของรัฐเทนเนสซีได้แก่

รอบที่ 1 ในรอบแรกนั้นทุกคนออกเสียงเลือกเมืองของตัวเองซึ่งได้ผลลัพธ์ดังนี้

  • เมมฟิส 42%
  • แนชวิลล์ 26%
  • น็อกซ์วิลล์ 17%
  • แชตตานูกา 15%

รอบที่ 2 เนื่องจากไม่มีผู้สมัครรายใดได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งในรอบแรก ดังนั้นแชตตานูกา ซึ่งได้คะแนนน้อยที่สุดในรอบแรกนั้นตกรอบ และเหลือผู้สมัครเพียงแค่สามรายเข้าแข่งขันต่อในรอบที่ 2 ในรอบนี้ผู้สนับสนุนแชตตานูกานั้นหันไปเลือกลงคะแนนให้น็อกซ์วิลล์แทน เนื่องจากอยู่ใกล้ที่สุด โดยในเมืองอื่นนั้นไม่มีใครเปลี่ยนผลการลงคะแนน ดังนั้นผลลัพธ์ในรอบที่สองเป็นดังนี้

  • เมมฟิส 42%
  • แนชวิลล์ 26%
  • น็อกซ์วิลล์ 32%

รอบที่ 3 แนชวิลล์เป็นผู้ตกรอบในรอบที่สอง ดังนั้นเหลือเพียงแค่ผู้สมัครเพียงสองรายในรอบตัดสิน ในรอบนี้ผู้สนับสนุนแนชวิลล์ย้ายไปสนับสนุนน็อกซ์วิลล์ ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดแทน ผลลัพธ์จึงได้ดังนี้

  • เมมฟิส 42%
  • น็อกซ์วิลล์ 58%

ผลลัพธ์ ในรอบที่สามน็อกซ์วิลล์ได้รับคะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาดจึงเป็นผู้ชนะ

อ้างอิง[แก้]

  1. DFL Call 2008/2009 เก็บถาวร 2008-02-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Page 27: VIII. Endorsement for U.S. Senate: 22. GENERAL ENDORSEMENT RULES:
    • Dropoff rule: Candidates receiving less than 5% will be dropped after the first ballot. On subsequent ballots, the dropoff threshold will be raised by 5% each ballot to a maximum of 25%. After the fifth ballot and each subsequent ballot, the lowest remaining candidates will be dropped so that no more than two candidates remain. In the event that application of the dropoff rule would eliminate all but one candidate, then the two candidates who received the highest percent of the vote on the prior ballot shall be the remaining candidates.
  2. Note: Nashville is in reality both the capital and most populous city of Tennessee, but please ignore this for the sake of example