ข้ามไปเนื้อหา

ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2025

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2025
อัลลีอันทซ์อาเรนา ในมิวนิก จะเป็นสนามที่จัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
รายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2024–25
วันที่31 พฤษภาคม ค.ศ. 2025 (2025-05-31)
สนามอัลลิอันซ์อารีนา, มิวนิก
ผู้เล่นยอดเยี่ยม
ประจำนัด
เดซีเร ดูเอ (ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง)[1]
ผู้ตัดสินอิสต์วัน คอวัคส์ (โรมาเนีย)[2]
ผู้ชม64,327 คน[3]
สภาพอากาศกลางคืนมีเมฆเป็นบางส่วน
24 °C (75 °F)
47% ความชื้นสัมพัทธ์[4]
2024
2026

ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2025 เป็นการแข่งขันนัดสุดท้ายของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2024–25 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ 70 ของการแข่งขันฟุตบอลสโมสรชั้นนำของยุโรปที่จัดโดยยูฟ่า และเป็นฤดูกาลที่ 33 นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจากยูโรเปียนคัพเป็นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก การแข่งขันจะจัดขึ้นที่อัลลีอันทซ์อาเรนา ในมิวนิก ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2025 ระหว่างสโมสรปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง จากฝรั่งเศส กับสโมสรอินเตอร์มิลาน จากอิตาลี[5] จะถือเป็นนัดชิงชนะเลิศของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกที่ไม่มีสโมสรจากอังกฤษ สเปน หรือเยอรมนี นับตั้งแต่ที่ปอร์ตูเอาชนะมอนาโกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2003–04 และนี่จะเป็นนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกที่จัดขึ้นภายใต้รูปแบบระบบสวิส[6]

ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง เอาชนะในเกมนี้ไป 5–0 คว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพสมัยแรกได้สำเร็จ โดยถือเป็นชัยชนะในรอบชิงชนะเลิศครั้งที่สองของสโมสรจากฝรั่งเศสต่อจากมาร์แซย์ในปี ค.ศ. 1993[7] พวกเขาทำประตูได้ห่างกันมากที่สุดในนัดชิงชนะเลิศ โดยมีเพียงเรอัลมาดริดเท่านั้นที่ทำได้ 7 ประตูเมื่อปี ค.ศ. 1960

เบื้องหลัง

[แก้]

ปารีแซ็ง-แฌร์แม็งเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศยูโรเปียนคัพ/แชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งที่สอง และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 เมื่อพวกเขาพ่ายให้กับไบเอิร์นมิวนิก เจ้าของสนามที่จัดการแข่งขันนัดนี้ นี่เป็นนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลสโมสรยุโรปครั้งที่ 5 ของพวกเขา โดยก่อนหน้านี้พวกเขายังได้เข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพสองครั้งติดต่อกัน สโมสรชนะด้วยสกอร์ 1–0 เหนือราพีทวีนในนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 1996 ก่อนที่จะมาแพ้ให้กับบาร์เซโลนาด้วยสกอร์ 1–0 ในการป้องกันแชมป์ในปีถัดมา สโมสรยังได้ลงแข่งยูฟ่าซูเปอร์คัพในปี 1996 แต่แพ้ให้กับยูเวนตุสด้วยสกอร์รวม 9–2 ปารีแซ็ง-แฌร์แม็งกำลังพยายามที่จะเป็นทีมจากฝรั่งเศสทีมที่สองที่คว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ/แชมเปียนส์ลีกต่อจากความสำเร็จของคู่แข่งสำคัญของพวกเขาอย่างมาร์แซย์ในปี 1993 และเป็นทีมฝรั่งเศสทีมแรกที่จะคว้าเทรเบิลแชมป์ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกเอิงมาครองแล้วและมีกำหนดลงเล่นชิงชนะเลิศของศึกกุปเดอฟรองส์หนึ่งสัปดาห์ก่อนเกมนัดนี้ สโมสรคว้าแชมป์ทรอเฟเดช็องปียง (ซูเปอร์คัพ) มาครองเมื่อช่วงเดือนมกราคม จึงมีโอกาสที่จะคว้าถ้วยแชมป์มาครองได้ทั้งหมด

นี่คือนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปครั้งที่ 13 ของอินเตอร์มิลาน และเป็นนัดชิงชนะเลิศยูโรเปียนคัพ/แชมเปียนส์ลีกครั้งที่ 7 โดยพวกเขาเอาชนะเรอัลมาดริด 3–1 ในปี 1964, เอาชนะไบฟีกา 1–0 ในบ้านในปี 1965 และเอาชนะไบเอิร์นมิวนิก 2–0 ในปี 2010 ส่งผลให้อินเตอร์คว้าเทรเบิลแชมป์ได้ในฤดูกาลนั้น นอกจากนี้ พวกเขายังแพ้เซลติก 2–1 ในปี 1967, แพ้อายักซ์ 2–0 ในปี 1972 และแพ้แมนเชสเตอร์ซิตี 1–0 ในปี 2023 ทำให้ทั้ง 3 สโมสรคว้าเทรเบิลแชมป์ได้สำเร็จ สโมสรยังเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพ/ยูฟ่ายูโรปาลีกถึง 5 ครั้ง โดยคว้าแชมป์ได้ในปี 1991, 1994 และ 1998 รวมถึงแพ้ในปี 1997 และ 2020 พวกเขายังลงแข่งยูฟ่าซูเปอร์คัพปี 2010 โดยพ่ายต่ออัตเลติโกมาดริด 2–0 อินเตอร์มิลาน ยังเป็นทีมจากอิตาลีทีมล่าสุดที่คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมาได้ นับตั้งแต่ปี 2010 มีเพียงยูเวนตุสเท่านั้นที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยแพ้ในปี 2015 และ 2017 ซีโมเน อินซากี ผู้จัดการทีมตั้งเป้าที่จะคว้าแชมป์ยุโรปเป็นครั้งแรกในฐานะผู้จัดการทีมหลังจากที่สามารถเอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ในศึกยูฟ่าซูเปอร์คัพเมื่อปี 1999 ในฐานะผู้เล่นของลัตซีโย สำหรับแฮนริค มะคีทาเรียน กองกลางของทีม ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้เล่นคนที่ 11 ที่สามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ของยุโรปได้ครบทั้งสามรายการ และเป็นคนแรกที่ทำได้กับสามสโมสรที่แตกต่างกัน ซึ่งเขาเคยคว้าแชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2016–17 กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และแชมป์ยูฟ่ายูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก ฤดูกาล 2021–22 กับโรมา

นัดชิงชนะเลิศครั้งที่ผ่านมา

[แก้]

ในตารางด้านล่างนี้, นัดชิงชนะเลิศจนถึงปี ค.ศ. 1992 เป็นในยุคยูโรเปียนคัพ และตั้งแต่ปี 1993 เป็นในยุคของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก.

ทีม การลงสนามนัดชิงชนะเลิศครั้งที่ผ่านมา (ตัวหนา หมายถึง ชนะเลิศ)
ประเทศฝรั่งเศส ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง 1 (2020)
ประเทศอิตาลี อินเตอร์มิลาน 6 (1964, 1965, 1967, 1972, 2010, 2023)

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ

[แก้]

หมายเหตุ: ในผลการแข่งขันทั้งหมดด้านล่างนี้ ผลของทีมที่ได้เข้าชิงชนะเลิศจะขึ้นต้นก่อน (H: เหย้า; A: เยือน)

ประเทศฝรั่งเศส ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง รอบ ประเทศอิตาลี อินเตอร์มิลาน
คู่แข่งขัน ผลการแข่งขัน รอบลีก คู่แข่งขัน ผลการแข่งขัน
ประเทศสเปน ฌิโรนา 1–0 (H) นัดที่ 1 ประเทศอังกฤษ แมนเชสเตอร์ซิตี 0–0 (A)
ประเทศอังกฤษ อาร์เซนอล 0–2 (A) นัดที่ 2 ประเทศเซอร์เบีย เรดสตาร์เบลเกรด 4–0 (H)
ประเทศเนเธอร์แลนด์ เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน 1–1 (H) นัดที่ 3 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยังบอยส์ 1–0 (A)
ประเทศสเปน อัตเลติโกเดมาดริด 1–2 (H) นัดที่ 4 ประเทศอังกฤษ อาร์เซนอล 1–0 (H)
ประเทศเยอรมนี ไบเอิร์นมิวนิก 0–1 (A) นัดที่ 5 ประเทศเยอรมนี แอร์เบ ไลพ์ซิช 1–0 (H)
ประเทศออสเตรีย เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค 3–0 (A) นัดที่ 6 ประเทศเยอรมนี ไบเออร์ เลเวอร์คูเซิน 0–1 (A)
ประเทศอังกฤษ แมนเชสเตอร์ซิตี 4–2 (H) นัดที่ 7 ประเทศเช็กเกีย สปาร์ตาปราก 1–0 (A)
ประเทศเยอรมนี เฟาเอ็ฟเบ ชตุทการ์ท 4–1 (A) นัดที่ 8 ประเทศฝรั่งเศส มอนาโก 3–0 (H)
อันดับที่ 15
ผ่านเข้าสู่รอบแพ้คัดออก เพลย์ออฟ
อันดับล่าสุด อันดับที่ 4
ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
คู่แข่งขัน ผล นัดแรก นัดที่สอง รอบแพ้คัดออก คู่แข่งขัน ผล นัดแรก นัดที่สอง
ประเทศฝรั่งเศส แบร็สต์ 10–0 3–0 (A) 7–0 (H) เพลย์ออฟ บาย
ประเทศอังกฤษ ลิเวอร์พูล 1–1 (ดวลลูกโทษ 4–1) 0–1 (H) 1–0 (ต่อเวลาพิเศษ) (A) รอบ 16 ทีมสุดท้าย ประเทศเนเธอร์แลนด์ ไฟเยอโนร์ด 4–1 2–0 (A) 2–1 (H)
ประเทศอังกฤษ แอสตันวิลลา 5–4 3–1 (H) 2–3 (A) รอบก่อนรองชนะเลิศ ประเทศเยอรมนี ไบเอิร์นมิวนิก 4–3 2–1 (A) 2–2 (H)
ประเทศอังกฤษ อาร์เซนอล 3–1 1–0 (A) 2–1 (H) รอบรองชนะเลิศ ประเทศสเปน บาร์เซโลนา 7–6 3–3 (A) 4–3 (ต่อเวลาพิเศษ) (H)

การแข่งขัน

[แก้]

รายละเอียด

[แก้]

ทีม "เจ้าบ้าน" (ในทางบริหาร) จะถูกกำหนดโดยการจับสลากเพิ่มเติมซึ่งจะจัดขึ้นหลังจากการจับสลากรอบก่อนรองชนะเลิศและรอบรองชนะเลิศ

ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ประเทศฝรั่งเศส5–0ประเทศอิตาลี อินเตอร์มิลาน
รายงาน
ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง[4]
อินเตอร์มิลาน[4]
GK 1 ประเทศอิตาลี จันลุยจี ดอนนารุมมา
RB 2 ประเทศโมร็อกโก อัชร็อฟ ฮะกีมี โดนใบเหลือง ใน 90+1 นาที 90+1'
CB 5 ประเทศบราซิล มาร์กิญญุส (กัปตัน)
CB 51 ประเทศเอกวาดอร์ วิลเลียน ปาโช
LB 25 ประเทศโปรตุเกส นูนู เม็งดึช Substituted off in the 78 นาที 78'
CM 87 ประเทศโปรตุเกส ฌูเวา แนวึช Substituted off in the 84 นาที 84'
CM 17 ประเทศโปรตุเกส วีตีญา
CM 8 ประเทศสเปน ฟาเบียน รุยซ์ Substituted off in the 84 นาที 84'
RF 14 ประเทศฝรั่งเศส เดซีเร ดูเอ โดนใบเหลือง ใน 65 นาที 65' Substituted off in the 66 นาที 66'
CF 10 ประเทศฝรั่งเศส อุสมาน แดมเบเล
LF 7 ประเทศจอร์เจีย ฆวีชา กวารัทส์เฆลีอา Substituted off in the 84 นาที 84'
ผู้เล่นสำรอง:
GK 39 ประเทศรัสเซีย มัตเวย์ ซาโฟนอฟ
GK 80 ประเทศสเปน อาร์เนา เตนัส
DF 3 ประเทศฝรั่งเศส แพร็สแนล กีมแปมเบ
DF 21 ประเทศฝรั่งเศส ลูกัส แอร์น็องแดซ Substituted on in the 78 minute 78'
DF 35 ประเทศบราซิล ลูคัส เบรัลดู
MF 19 ประเทศเกาหลีใต้ อี คัง-อิน
MF 24 ประเทศฝรั่งเศส เซนนี มายูลู Substituted on in the 84 minute 84'
MF 33 ประเทศฝรั่งเศส วาร์เรน ซายาร์-เอเมอรี Substituted on in the 84 minute 84'
FW 9 ประเทศโปรตุเกส กงซาลู รามุช Substituted on in the 84 minute 84'
FW 29 ประเทศฝรั่งเศส แบรดลีย์ บาร์กอลา Substituted on in the 66 minute 66'
FW 49 ประเทศฝรั่งเศส อีบราอิม เอ็มบาเย
ผู้จัดการทีม:
ประเทศสเปน ลุยส์ เอนริเก
GK 1 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยัน ซ็อมเมอร์
CB 28 ประเทศฝรั่งเศส แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ Substituted off in the 53 นาที 53'
CB 15 ประเทศอิตาลี ฟรันเชสโก อาแซร์บี โดนใบเหลือง ใน 71 นาที 71'
CB 95 ประเทศอิตาลี อาเลสซันโดร บัสโตนี
RM 2 ประเทศเนเธอร์แลนด์ แด็นเซิล ดึมฟรีส
CM 23 ประเทศอิตาลี นีโกเลาะ บาเรลลา
CM 20 ประเทศตุรกี ฮาคัน ชัลฮาโนลู Substituted off in the 70 นาที 70'
CM 22 ประเทศอาร์มีเนีย แฮนริค มะคีทาเรียน Substituted off in the 62 นาที 62'
LM 32 ประเทศอิตาลี เฟเดรีโก ดีมาร์โก Substituted off in the 53 นาที 53'
CF 9 ประเทศฝรั่งเศส มาร์คุส ตูว์ราม โดนใบเหลือง ใน 69 นาที 69'
CF 10 ประเทศอาร์เจนตินา เลาตาโร มาร์ติเนซ (กัปตัน)
ผู้เล่นสำรอง:
GK 12 ประเทศอิตาลี ราฟฟาเอเล ดิ เจนนาโร
GK 13 ประเทศสเปน โฆเซป มาร์ติเนซ
DF 6 ประเทศเนเธอร์แลนด์ สเตฟัน เดอ ไฟร
DF 30 ประเทศบราซิล การ์ลุส ออกุสตู Substituted on in the 62 minute 62'
DF 31 ประเทศเยอรมนี ยาน ออเรล บิสเซ็ค Substituted on in the 53 minute 53' Substituted off in the 62 นาที 62'
DF 36 ประเทศอิตาลี มัตเตโอ ดาร์มีอัน Substituted on in the 62 minute 62'
MF 7 ประเทศโปแลนด์ ปิโอเตอร์ ซีลินสกี
MF 16 ประเทศอิตาลี ดาวีเด ฟรัตเตซี
MF 21 ประเทศแอลเบเนีย กริสเตียน อัสลานี Substituted on in the 70 minute 70'
MF 59 ประเทศโปแลนด์ นีกอลา ซาแลฟสกี โดนใบเหลือง ใน 56 นาที 56' Substituted on in the 53 minute 53'
FW 8 ประเทศออสเตรีย มาร์กอ อาร์นาอูตอวิช
FW 99 ประเทศอิหร่าน เมห์ดี ตาเรมี
ผู้จัดการทีม:
ประเทศอิตาลี ซีโมเน อินซากี โดนใบเหลือง ใน 58 นาที 58'

ผู้เล่นยอดเยี่ยมของการแข่งขัน:
เดซีเร ดูเอ (ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง)[1]

ผู้ช่วยผู้ตัดสิน:[2]
มิไฮ มาริกา (โรมาเนีย)
เฟเรนค์ซ ตุนโยกี (โรมาเนีย)
ผู้ตัดสินที่สี่:[2]
ฌูเวา ปินไฮรู (โปรตุเกส)
ผู้ช่วยผู้ตัดสินสำรอง:[2]
บรูโน เฌซุส (โปรตุเกส)
วีเออาร์:[2]
เดนนิส ฮิกแลร์ (เนเธอร์แลนด์)
ผู้ช่วยวีเออาร์:[2]
ชาทาลิน ปอปา (โรมาเนีย)
ผู้ช่วยวีเออาร์สำหรับล้ำหน้า:[2]
โปล ฟัน โบเอเคิล (เนเธอร์แลนด์)

กฎการแข่งขัน

  • 90 นาที
  • 30 นาทีของ เวลาพิเศษ ถ้าจำเป็น
  • การดวลลูกโทษ ถ้าคะแนนยังคงเสมอกัน
  • สามารถระบุชื่อตัวสำรองได้สูงสุด สิบสอง
  • การเปลี่ยนตัวสูงสุด ห้า ครั้ง โดยอนุญาตให้เปลี่ยนตัวได้ครั้งที่ หก ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
  • มีโอกาสเปลี่ยนตัวสำรองได้สูงสุดสามครั้งโดยอนุญาตให้เปลี่ยนตัวครั้งที่สี่ได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

สถิติ

[แก้]

กิจกรรมช่วงก่อนเริ่มครึ่งแรก

[แก้]

มีข่าวลือว่า วงดนตรีร็อกแนวเมทัลลิงคินพาร์ก จะทำการแสดงพักครึ่งของนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2025 วงดนตรีจากแคลิฟอร์เนียนี้ไม่ได้ทำการแสดงมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017 แต่ได้กลับมาพร้อมกับนักร้องนำคนใหม่[9]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "Désiré Doué named official 2025 UEFA Champions League final Player of the Match". UEFA.com. Union of European Football Associations. 31 May 2025. สืบค้นเมื่อ 31 May 2025.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 "Referee teams for 2025 UEFA club competition finals announced". UEFA.com. Union of European Football Associations. 12 May 2025. สืบค้นเมื่อ 12 May 2025.
  3. 3.0 3.1 "Full Time Report Final – Paris Saint-Germain v Inter Milan" (PDF). UEFA.com. Union of European Football Associations. 31 May 2025. สืบค้นเมื่อ 31 May 2025.
  4. 4.0 4.1 4.2 "Tactical Line-ups – Final – Saturday 31 May 2025" (PDF). UEFA.com. Union of European Football Associations. 31 May 2025. สืบค้นเมื่อ 31 May 2025.
  5. "2025 UEFA Champions League final: Munich Football Arena". UEFA.com. Union of European Football Associations. 12 March 2025. สืบค้นเมื่อ 18 March 2025.
  6. "UEFA approves final format and access list for its club competitions as of the ksi is going to take 90 minutes 2024/25 season | Inside UEFA". 10 พฤษภาคม 2022.
  7. "Paris win Champions League: Doué double helps secure record-breaking final win against Inter". UEFA.com. Union of European Football Associations. 31 May 2025. สืบค้นเมื่อ 31 May 2025.
  8. 8.0 8.1 8.2 "Team statistics" (PDF). UEFA. 31 May 2025. สืบค้นเมื่อ 31 May 2025.
  9. "Linkin Park To Play At Champions League Final Half Time Show As Liverpool Favourites". liverpool_fc_on_si (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2025-01-05. สืบค้นเมื่อ 2025-01-10.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]