มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่น
ก่อตั้ง | ค.ศ. 1991 |
---|---|
ประเภท | องค์การไม่แสวงหาผลกำไร |
ที่ตั้ง |
|
ประธาน | มิโนรุ คามาตะ |
มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่น (อังกฤษ: Japan Chernobyl Foundation; อักษรย่อ: JCF; ญี่ปุ่น: 日本チェルノブイリ連帯基金) เป็นองค์การไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ที่โดยส่วนใหญ่ผ่านการรักษาทางการแพทย์สำหรับเด็กที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรคอื่น ๆ มูลนิธินี้ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1991 โดยเริ่มต้นจากการให้การสนับสนุนทางการแพทย์แก่ชาวยูเครนและเบลารุสที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติเชียร์โนบีล[1] ตั้งแต่การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย ค.ศ. 2022 มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นได้ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานต่างชาติเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นชาวยูเครน นอกจากนี้ มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นยังได้ให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์และมนุษยธรรมในอิรักตั้งแต่ ค.ศ. 2004 เช่นเดียวกับในญี่ปุ่นภายหลังเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮกุ ค.ศ. 2011 และภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะแห่งที่หนึ่ง ค.ศ. 2011 โดยสำนักงานใหญ่ของมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นตั้งอยู่ในมัตสึโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น และประธานมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นคนปัจจุบันคือ ดร. มิโนรุ คามาตะ[2]
ประวัติและกิจกรรม
[แก้]มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม ค.ศ. 1991 ในมัตสึโมโตะ จังหวัดนางาโนะ ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อนิฮงเชรูโนบุยริเร็นไตคิกิง หรือมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่น (JCF) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ผู้ประสบภัยจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีลเมื่อ ค.ศ. 1986 มูลนิธิดังกล่าวได้มีบทบาทอย่างมากในการสนับสนุนการคัดกรอง, การวิจัย และการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมไทรอยด์ในเด็ก โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จากมหาวิทยาลัยชินชู ศูนย์มะเร็งต่อมไทรอยด์แห่งชาติในมินสค์ และโรงพยาบาลรัฐโฆเมียล[3]
ใน ค.ศ. 2004 มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นเริ่มให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ในประเทศอิรัก โดยมุ่งเน้นที่สาขาวิทยามะเร็งในเด็กเป็นหลัก[4] มูลนิธินี้ได้ให้การสนับสนุนการบำบัดทำลายเซลล์สำหรับเด็กที่เป็นโรคมะเร็ง รวมถึงบริการธนาคารเลือดโดยการบริจาคเครื่องแยกเซลล์ ตลอดจนจัดหลักสูตรฝึกอบรมให้แก่บุคลากรด้านวิทยามะเร็งในเด็กในสถานที่นอกประเทศอิรัก และด้วยการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัทคิริงบรูเออรี มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นจึงสามารถจัดหาเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เฉพาะ เช่น ตัวกระทำปัจจัยภาวะเม็ดเลือดขาวสูงสำหรับเคมีบำบัด ให้แก่โรงพยาบาลสอนกลางของประเทศอิรัก และโรงพยาบาลสอนสวัสดิการเด็กมันซูร์ ผ่านความร่วมมือควบคู่กับเครือข่ายการแพทย์ญี่ปุ่น-อิรัก (JIM-NET) ซึ่งมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นยังคงช่วยชีวิตเด็กชาวอิรักที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวต่อไป[5]
หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮกุเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2011 ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงตลอดแนวชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น และอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะแห่งที่หนึ่ง เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นได้ทำงานเพื่อตรวจสอบระดับกัมมันตภาพรังสีในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและตรวจสอบอาหารจากภูมิภาคนี้[6] ด้วยความช่วยเหลือจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยชินชู มูลนิธิดังกล่าวจึงสามารถตรวจวัดระดับรังสีในเลือดและเฝ้าระวังสัญญาณของมะเร็งต่อมไทรอยด์และมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็กได้ รวมถึงให้การดูแลทางจิตใจ[7]
ใน ค.ศ. 2014 หลังจากที่สถานการณ์ความมั่นคงแห่งชาติในอิรักเลวร้ายลงรวมถึงการที่กลุ่มไอซิสยึดครองเมืองโมซูลและเขตปกครองอื่น ๆ ของอิรัก มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นได้ริเริ่มโครงการใหม่ในอิรักเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (IDP) อื่น ๆ ซึ่งคลินิกมาร์-ชีมูนี ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014 พร้อมทั้งได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2015 คลินิกมาร์-ชีมูนี ในระยะเริ่มแรกนั้นเป็นเพียงเต็นท์ที่มีแพทย์จากความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นภายในประเทศคอยดูแล ส่วนการบริจาคครั้งต่อ ๆ มาของมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นทำให้มีการสนับสนุนที่เพียงพอในการจัดตั้งคลินิกที่เหมาะสมรวมถึงจัดหายาและสิ่งของอื่น ๆ[8][9] โดยระหว่าง ค.ศ. 2015 ถึง 2018 มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นได้ช่วยจัดตั้งศูนย์ระบบสาธารณสุขปฐมภูมิ (PHC) จำนวน 5 แห่งในบริเวณใกล้เคียงเมืองอัรบีล ซึ่งเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคเคอร์ดิสถานทางตอนเหนือของอิรัก ได้แก่ ฮาร์ชาม, ซีริน, ซีทูน, ทูบซาวา และอาลทูน คูบรี ด้วยเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นสามารถจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่ศูนย์ระบบสาธารณสุขปฐมภูมิฮาร์ชามได้ มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นยังได้จัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่งให้แก่ศูนย์ระบบสาธารณสุขปฐมภูมิอื่น ๆ ในพื้นที่อัรบีล และช่วยให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศจำนวนหลายพันคนในภูมิภาคนี้นับตั้งแต่ที่ไอซิสเข้ายึดครอง นอกจากนี้ มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นยังได้จัดหาอุปกรณ์ส่องกล้องและยาให้แก่โรงพยาบาลใกล้เคียง รวมถึงสนับสนุนการบรรยายด้านสุขภาพโดยแพทย์ของมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นที่เดินทางไปเยือนอิรักเช่นกัน[10] และเนื่องในโอกาสที่โมซูลได้รับการปลดปล่อยจากไอซิสเมื่อ ค.ศ. 2017 มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นได้จัดหาอุปกรณ์ให้แก่สถานพยาบาลทางการผ่าตัดที่โรงพยาบาลฉุกเฉินโรจาวาในอัรบีล รวมถึงใน ค.ศ. 2020 มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นก็ได้ช่วยจัดตั้งหน่วยโฟลไซโทเมทรีหน่วยแรกในเมืองโมซูลที่โรงพยาบาลอิบน์ อัลอะษีร์ ส่วนโครงการมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นอื่น ๆ ได้แก่ หลักสูตรการฝึกอบรมในประเทศญี่ปุ่นสำหรับแพทย์อิรัก โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยามะเร็งในเด็ก, โลหิตวิทยา และสาขาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโครงการฝึกอบรมสำหรับพยาบาลในสาขาวิทยามะเร็งในเด็ก,ที่โรงพยาบาลอิบน์ อัลอะษีร์ หลังจากการปลดปล่อยเมืองโมซูลจากไอซิส ตลอดจนการช่วยเหลือนักศึกษาแพทย์ชนหมู่น้อยชาวยาซิดิสที่ต้องอพยพเพื่อสำเร็จการศึกษาด้านการแพทย์ และความช่วยเหลือและการสนับสนุนรูปแบบต่าง ๆ สำหรับเหยื่อรายบุคคลของกลุ่มไอซิส[11]
ในช่วงหลายทศวรรษนับตั้งแต่ภัยพิบัติเชอร์โนบิลใน ค.ศ. 1986 มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นได้พัฒนาความสัมพันธ์อันเป็นมิตรจำนวนมากในยูเครนและในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าอย่างยิ่งหลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียใน ค.ศ. 2022[12][13] โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นได้ทำงานร่วมกับบอห์ดัน ซาวูลา บาทหลวงนิกายโรมันคาทอลิกแห่งโบสถ์โฮริอันสกา รอตนดา/เซนต์อันนา ในเมืองอุฌฮอรอด ประเทศยูเครน และมาซากาซุ มิยานางะ ซึ่งเป็นจิตรกร[14] ในเมืองกรากุฟ ประเทศโปแลนด์ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้อพยพชาวยูเครน โดยเงินบริจาคจากประเทศญี่ปุ่นจะใช้เพื่อซื้ออาหาร, เสื้อผ้า, น้ำ และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ[15]
ดร. มิโนรุ คามาตะ ประธานมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่น พร้อมด้วยแพทย์, พยาบาล และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่น ได้เดินทางมาเยือนประเทศอิรักหลายครั้งเพื่อให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ สมาชิกมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นหนึ่งรายยังทำงานร่วมกับแพทย์ในท้องถิ่นในเมืองอัรบีล ประเทศอิรัก อย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการและประเมินความต้องการทางคลินิก[16]
สิ่งพิมพ์
[แก้]กราวด์ซีโร เป็นสิ่งพิมพ์รายไตรมาส ซึ่งเป็นวารสารอย่างเป็นทางการของมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่น วารสารดังกล่าวให้รายละเอียดกิจกรรมของมูลนิธิผ่านการสัมภาษณ์และเรื่องราวพิเศษจากพื้นที่ภัยพิบัติ ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงบทบาทของมูลนิธิเชียร์โนบีลญี่ปุ่นในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาในภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Japan Chernobyl Foundation (eds) (September 2000). Cherunobuiri kara no dengon(『チェルノブイリからの伝言』)Report from Chernobyl. Office Mu. pp. 7–16. ISBN 9784900918337.
{{cite book}}
:|last1=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help) - ↑ "Iraku nammin shien ketsui" [Decision for Iraqi Refugee Support]. Shinano Mainichi Shinbun [Shinano Mainichi Newspaper]. No. Morning ed. 2014-12-31. p. 27.
- ↑ Japan Chernobyl Foundation (eds) (September 2000). Cherunobuiri kara no dengon(『チェルノブイリからの伝言』)Report from Chernobyl. Office Mu. pp. 7–16. ISBN 9784900918337.
{{cite book}}
:|last1=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help) - ↑ Al-Kzayer, Lika’a Fasih Y.; และคณะ (2012). "Genetic Evaluation of Childhood Acute Lymphoblastic Leukemia in Iraq Using FTA Cards". Pediatric Blood & Cancer. 59 (3): 464. doi:10.1002/pbc.24055. PMID 22238115. S2CID 9337611.
- ↑ Ground Zero. Japan Chernobyl Foundation. June 2004. p. 6.
- ↑ "Genpatsu 30 kiro kennai de shien" [Support within the 30km nuclear exclusion zone]. Shinano Mainichi Shinbun [Shinano Mainichi Newspaper]. No. Morning ed. 2011-03-26. p. 32.
- ↑ "Houshasei busshitsu no osoroshisa manabu" [Learning the frightening facts about radioactive materials]. Shimin Taimusu [Shimin Times Newspaper]. No. Morning ed. 2011-09-25. p. 3.
- ↑ "Gijutsu mochikaereru no ka?" [Can the technology be taken home?]. Shinano Mainichi Shinbun [Shinano Mainichi Newspaper]. No. Morning ed. 2011-01-19. p. 26.
- ↑ "Fundraising in Japan to Support Children's Hospital in Iraq:中日新聞Web". 中日新聞Web (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
- ↑ Whitcomb, Alexander (2015-09-06). "Iraq's war victims get 5 tips for long life, Japanese style". www.rudaw.net. สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
- ↑ "White Paper on Development Cooperation 2017 | Ministry of Foreign Affairs of Japan". www.mofa.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
- ↑ "長野県内のニュース". 株式会社 長野放送 (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "JIM-NET(ジムネット)公式サイト » 姉妹団体JCFのウクライナ避難民支援を応援します!". JIM-NET(ジムネット)公式サイト (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
- ↑ "宮永匡和 画伯 - かまたみのる公式ブログ 八ヶ岳山麓日記". かまたみのる公式ブログ 八ヶ岳山麓日記. สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
- ↑ "ウクライナ現地で支援活動するカトリック神父ら、日本のNPO主催イベントで報告". クリスチャントゥデイ (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
- ↑ "Iraku nammim shien ketsui" [Decision for Iraqi Refugee Support]. Shinano Mainichi Shimbun [Shinano Mainichi Newspaper]. No. Morning ed. 2014-12-31. p. 27.