มิตซูบิชิ ไทรทัน
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
มิตซูบิชิ ไทรทัน | |
---|---|
![]() | |
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | มิตซูบิชิ มอเตอร์ส |
เริ่มผลิตเมื่อ | 2519–ปัจจุบัน |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถกระบะขนาดกลาง (Mid-size pickup truck) |
มิตซูบิชิ ไทรทัน หรือ มิตซูบิชิ แอล 200 (อังกฤษ: Mitsubishi Triton หรือ Mitsubishi L200) เป็นรถกระบะขนาดกลาง ที่ผลิตโดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดยในประเทศไทย ช่วงแรกๆ ใช้ชื่อ แอล 200 เช่น แอล 200 ไซโคลน (ในโฉมที่ 2) แอล 200 สตราด้า (ในโฉมที่ 3) และมาใช้ชื่อไทรทัน ในโฉมที่ 4 ขึ้นไป จนถึงปัจจุบัน
รุ่นแรก (L020; พ.ศ. 2521 - พ.ศ. 2529)
[แก้]รุ่นแรก (L020) | |
---|---|
![]() 1984 Mitsubishi L200 Express (facelift; Australia) | |
ภาพรวม | |
เรียกอีกชื่อ | Mitsubishi Forte Mitsubishi L200 Mitsubishi L200 Express (ออสเตรเลีย) Mitsubishi L200 Power X (ไทย) Mitsubishi Mighty Max (1982–1986) Chrysler D-50 (ออสเตรเลีย) Chrysler L200 Express (ออสเตรเลีย) Dodge D-50 (1979–1980) Dodge Ram 50 (1981–1986) Plymouth Arrow Truck (1979–1982) |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2521 - พ.ศ. 2529 |
แหล่งผลิต |
|
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | รถกระบะ 2-ประตู |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | |
ระบบเกียร์ | เกียร์ธรรมดา 4-สปีด เกียร์ธรรมดา KM132/KM145 5-สปีด |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,780 mm (109.4 in) (SWB 2WD) 2,790 mm (110 in) (SWB 4WD) 3,035 mm (119.5 in) (LWB) |
ความยาว | 4,690 mm (184.6 in) |
ความกว้าง | 1,650 mm (65.0 in) |
ความสูง | 1,560–1,645 mm (61–65 in) |

![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
รุ่นที่ 2 (K00/K10/K20/K30; พ.ศ. 2529 - พ.ศ. 2539)
[แก้]มิตซูบิชิ แอล200/แอล200 ไซโคลน | |
---|---|
ภาพรวม | |
เรียกอีกชื่อ | Dodge Ram 50 (1987–1994) Mitsubishi Colt (แอฟริกาใต้) Mitsubishi Mighty Max Mitsubishi Strada |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2529 - พ.ศ. 2539 |
แหล่งผลิต |
|
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | รถกระบะ 2-ประตู รถกระบะ 4-ประตู |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | |
ระบบเกียร์ | เกียร์ธรรมดา 5-สปีด เกียร์อัตโนมัติ 4-สปีด |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | Short Bed: 2,680 mm (105.5 in) Long Bed/Ext. Cab: 2,950 mm (116.1 in) |
ความยาว | Short Bed: 177.2 in (4,501 mm) Long Bed/Ext. Cab: 193.7 in (4,920 mm) Ext. Cab: 188.2 in (4,780 mm) |
ความกว้าง | 1,655 mm (65.2 in) Mighty Max 4WD: 65.9 in (1,674 mm) Mighty Max Sport Cab 4WD: |
ความสูง | Short Bed: 58.5 in (1,486 mm) Long Bed/Ext. Cab: 59.3 in (1,506 mm) 1991–93 Ext. Cab: 59.7 in (1,516 mm) 1987–1990 Ext. Cab: 59.6 in (1,514 mm) 1991–93 Long Bed/Ext. Cab 4WD: 64.4 in (1,636 mm) 1989–1990: 58.3 in (1,481 mm) |
น้ำหนัก | 1,220–1,635 kg (2,690–3,605 lb)[1] |

![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
รุ่นที่ 3 (K50/K60/K70; พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2549)
[แก้]มิตซูบิชิ แอล200 สตราด้า/สตราด้า | |
---|---|
Mitsubishi Strada (Japan; pre-facelift) | |
ภาพรวม | |
เรียกอีกชื่อ | Mitsubishi Colt (แอฟริกาใต้) Mitsubishi L200 Mitsubishi Storm Mitsubishi Strada (ญี่ปุ่น, ไทย) Mitsubishi Magnum (อิสราเอล) Mitsubishi Mega Magnum (ปรับโฉม)(อิสราเอล) Mitsubishi Strakar (โปรตุเกส) |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2549 |
แหล่งผลิต | ญี่ปุ่น: โอกาซากิ, จังหวัดไอจิ ไทย: แหลมฉบัง (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย) บราซิล: Catalão ฟิลิปปินส์: Cainta (MMPC) แอฟริกาใต้: East London (Mercedes-Benz South Africa) (1994-2008) |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | รถกระบะ 2-ประตู รถกระบะ 4-ประตู |
รุ่นที่คล้ายกัน | มิตซูบิชิ สตราด้า จีวากอน |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | |
ระบบเกียร์ | เกียร์ธรรมดา 5-สปีด เกียร์อัตโนมัติ 4-สปีด |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,950 mm (116.1 in) |
ความยาว | 4,935 mm (194.3 in) |
ความกว้าง | 1,695 mm (66.7 in) |
ความสูง | 1,585–1,710 mm (62.4–67.3 in) |
น้ำหนัก | 1,295–1,700 kg (2,855–3,748 lb)[2] |
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538 รถกระบะมิตซูบิชิ ภายใต้ชื่อ สตราด้า หรือ แอล 200 ก็ถูกเปลี่ยนโฉมอีกครั้ง เผยความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น กว้างขวาง โดยสารได้ถึง 5 ที่นั่ง ยกระดับด้วยเครื่องยนต์ อินเตอร์คูลเลอร์ เทอร์โบดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร และขนาด 2.8 ลิตร มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ “Easy Select 4WD” ครบครันด้วยระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์ต่างๆ ความสะดวกสบายในการใช้งานระดับเดียวกับรถซีดาน ในบางรุ่นยังติดตั้งระบบ ABS ช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรก พร้อมรักษาสมดุลและการควบคุมตัวรถ และระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ด Hybrid LSD เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยผลิตและส่งออกจากศูนย์การผลิตยานยนต์แหลมฉบัง เพื่อส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ด้วยยอดผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 1,046,000 คัน
ปรับโฉม
[แก้]รุ่นที่ 4 (KA/KB; พ.ศ. 2548 - พ.ศ. 2558)
[แก้]รุ่นที่ 4 (KA/KB) | |
---|---|
![]() Mitsubishi Triton GLX-R dual cab (pre-facelift) | |
ภาพรวม | |
เรียกอีกชื่อ | Mitsubishi L200 Mitsubishi Strada (ฟิลิปปินส์) Mitsubishi Strada Triton (อินโดนีเซีย) Mitsubishi Sportero Mitsubishi Hunter (อิสราเอล) Mitsubishi Strakar (โปรตุเกส) |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2548 - พ.ศ. 2558 พ.ศ. 2548 - พ.ศ. 2560 (บราซิล)[3] |
แหล่งผลิต | ไทย: แหลมฉบัง (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย) บราซิล: Catalão แอฟริกาใต้: East London (Mercedes-Benz South Africa) (2008-2011) |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | รถกระบะ 2-ประตู รถกระบะ 4-ประตู |
รุ่นที่คล้ายกัน | มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต (รุ่นที่ 1) |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | |
ระบบเกียร์ |
|
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริด | Bi-Fuel system (Triton CNG) |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 3,000 mm (118.1 in) |
ความยาว | 5,040 mm (198.4 in) FBB: 4,835 mm (190.4 in) Crew Cab: 5,115 mm (201.4 in) |
ความกว้าง | 1,750 mm (68.9 in) Crew Cab: 1,800 mm (70.9 in) |
ความสูง | 1,655 mm (65.2 in) Crew Cab: 1,775 mm (69.9 in) 4x4: 1,780 mm (70.1 in) |
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2548 รถกระบะมิตซูบิชิได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวกระบะ ไทรทัน (TRITON) หรือ แอล200 ขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก พร้อมส่งออกกว่า 150 ประเทศทั่วโลก เผยความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย และยังเป็นรถกระบะที่มีห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดในบรรดารถกระบะระดับเดียวกัน รวมถึงยังนำเสนอเครื่องยนต์เป็นแบบดีเซลคอมมอนเรลที่พัฒนาขึ้นใหม่ขนาด 2.5 ลิตร และ 3.2 ลิตร มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อแบบ “Easy Select 4WD” และ “Super Select 4WD” โดยรุ่นนี้มีแนวคิดที่ต้องการพัฒนาให้มีสมรรถนะเหนือกว่าระดับมาตรฐาน ทั้งด้านความแข็งแรงทนทาน การประหยัดพลังงาน และตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้งาน ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ยานยนต์ชั้นนำในระดับโลก กระแสตอบรับที่ดีมาก ส่งผลให้กระบะไทรทัน ได้มีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในรายการดาการ์แรลลี่ รวมถึงการแข่งขันระดับโลกต่างๆ อีกด้วย มีผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 1,423,000 คัน
รุ่นที่ 5 (KJ/KK/KL; พ.ศ. 2557 - พ.ศ. 2566)
[แก้]รุ่นที่ 5 (KJ/KK/KL) | |
---|---|
![]() Mitsubishi Triton GLS (Pre-facelift) | |
ภาพรวม | |
เรียกอีกชื่อ | Mitsubishi L200 Mitsubishi Strada Fiat Fullback Ram 1200 |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2557 – ปัจจุบัน พ.ศ. 2557 – 2566 (ประเทศไทย) |
แหล่งผลิต | ไทย: แหลมฉบัง (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย) บราซิล: Catalão (HPE) |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | รถกระบะ 2-ประตู รถกระบะ 4-ประตู |
รุ่นที่คล้ายกัน | มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต (รุ่นที่ 3) |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | |
ระบบเกียร์ |
|
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 3,000 mm (118.1 in) |
ความยาว | 5,210 mm (205.1 in) |
ความกว้าง | 1,820 mm (71.7 in) |
ความสูง | 1,780 mm (70.1 in) |
มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นที่ 5 ได้เปิดตัวในปี พ.ศ. 2557 โดยมีเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร Mivec (เฉพาะรุ่นยกสูง และรุ่น ขับเคลื่อน 4 ล้อ) และเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร 4D56 (เฉพาะรุ่นเตี้ย)
โดยรุ่น Double Cab จะออกวางจําหน่ายใน ปลายปี 2014 ส่วน Mega Cab และ Single Cab จะเริ่มวางจําหน่ายในต้นปี 2015
ปี 2016 ได้ทําการปรับรุ่นย่อยและอุปกรณ์ โดยจะเพิ่มฟังก์ชั่น ระบบ Super Select 4WD All (SS4-ll) ในรุ่น Double Cab 4X4 รวมถึงพวงมาลัยดีไซน์ใหม่ , มีระบบ Paddle Shift
รวมถึงยังมีรุ่นพิเศษ Double Cab Plus Limited Edition ด้วยล้ออัลลอยแบบทูโทน หน้าจอบนเพดานในผู้โดยสารตอนหลัง เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และมีสีภายนอกใหม่ สีนํ้าเงิน Impulse Blue ชึ่งเปิดตัวในงาน Motor Show 2016
ปลายปี 2016 ปรับโฉมกระจังหน้าแบบโครเมี่ยมรมดํา บันไดข้างดีไซน์ใหม่ รวมถึงมาตรวัดดีไซน์ใหม่ และยังมีรุ่น Limited Edition โดยจะมีการเพิ่มสติ้กเกอร์กราฟฟิกด้านข้างตัวรถมาให้เล็กน้อย
ปี 2017 มีรุ่นพิเศษ Limited Edition ใหม่ล่าสุด ในรุ่น Mega Cab Plus และ Double Cab Plus ส่วน Double Cab 4X4 จะมาภายหลัง โดยจะตกแต่งภายนอกในโทนสีดําเงารอบคัน มาพร้อมจอบนเพดานในผู้โดยสารตอนหลัง สําหรับรุ่น Double Cab Plus
ปลายปี 2017 เปิดตัวรุ่นพิเศษ Athlete โดยติดตั้งชุดตกแต่งภายนอกสปอร์ตรอบคัน พร้อมภายในสีดํา-ส้ม มีทั้งรุ่น Double Cab 4X4 , Double Cab Plus และ Mega Cab Plus โดยรุ่น Mega Cab Plus จะเริ่มวางจําหน่ายในต้นปี 2018
ทั้งนี้ยังได้ปรับปรุงอุปกรณ์ในรุ่น Double Cab Plus โดยมีระบบ Apple Carplay มาติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงตัดรุ่นเครื่องยนต์เบนซินให้เหลือเครื่องยนต์ดีเซลเพียงอย่างเดียว และยังมีสีภายนอกใหม่ สีดํา Diamond Black Mica
ปรับโฉม
[แก้]-
2019 Mitsubishi L200 Barbarian (facelift; UK)
-
2019 Mitsubishi L200 Warrior (facelift; UK)
-
Interior
ปลายปี 2018 เปิดตัว New Mitsubishi Triton รุ่นปรับโฉมใหม่ ถือว่าเป็นครั้งแรกในโลก โดยมีการปรับโฉมดีไซน์ภายนอกใหม่รอบคัน โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Bi-LED มาพร้อมกับ ภายในห้องโดยสารที่ได้รับการปรับปรุงเล็กน้อย และยังเพิ่มฟังก์ชั่นระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม โดยจะเปิดตัวเฉพาะรุ่น 4X4 และ Plus ส่วนรุ่น ขับเคลื่อน 2 ล้อ จะเปลื่ยนแปลงแค่กระจังหน้าที่เป็นสีดําเงา
กลางปี 2019 เปิดตัว New Mitsubishi Triton ตัวเตี้ยหน้าใหม่ ชึ่งจะเป็นการปรับโฉมภายนอกในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ทั้ง Double Cab , Mega Cab และ Single Cab
ปลายปี 2019 มีรุ่นตกแต่งพิเศษ Athlete ตกแต่งดีไซน์ภายนอกสีดําเงา และสติ้กเกอร์ตกแต่งด้านข้างลายสปอร์ต และภายในสีดํา-ส้ม ชึ่งจะมีเฉพาะรุ่น Double Cab Plus และ Double Cab 4X4
ปลายปี 2020 ได้ปรับอุปกรณ์ในรุ่น Plus และ 4X4 ทุกรุ่น ด้วยการปรับหน้าจอสัมผัสดีไซน์ใหม่ รองรับ Apple Carplay และ Android Auto รวมถึงยังตัดรุ่น Double Cab GLX , GT-Premium MT
รุ่นที่ 6 (พ.ศ. 2566 - ปัจจุบัน; LC/MV)
[แก้]รุ่นที่ 6 | |
---|---|
![]() 2023 มิตซูบิชิ ไทรทัน Double Cab 2.4 Plus Ultra (ประเทศไทย) | |
ภาพรวม | |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2566–ปัจจุบัน |
แหล่งผลิต | Thailand: แหลมฉบัง (MMTh) |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | 2-door pickup 4-door pickup |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | |
กำลัง |
|
ระบบเกียร์ |
|
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 3,130 mm (123.2 in) |
ความยาว |
|
ความกว้าง |
|
ความสูง | 1,765–1,815 mm (69.5–71.5 in) |
ล่าสุด มีการยืนยันแน่ชัดแล้วว่า Mitsubishi Motors เตรียมเปิดตัว All New Mitsubishi TRITON ครั้งแรกในโลก World Premiere ที่ประเทศไทย ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2023 นี้! การเปิดตัวของ All New Mitsubishi Triton ในครั้งนี้ คาดว่าจะประเดิมด้วยตัวถัง Double Cab 4 ประตู และตอนครึ่ง Mega Cab จากนั้น ตัวถัง Single Cab หัวเดี่ยว จึงจะตามออกมาในลำดับถัดไป
-
2023 MITSUBISHI XRT CONCEPT ซึ่งเป็นรถต้นแบบของรถกระบะ TRITON รุ่นใหม่
รุ่นปี 2025
[แก้]Mitsubishi ลุยตลาดรถช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เปิดตัว Mitsubishi Triton MY2025 ปรับครบทุกรุ่นย่อยทุกรูปแบบการใช้งานMitsubishi ลุยตลาดรถช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เปิดตัว Mitsubishi Triton MY2025 ปรับครบทุกรุ่นย่อยทุกรูปแบบการใช้งาน
เริ่มที่รุ่นท็อปสุด Mitsubishi Triton Athlete ที่งานนี้ขายรุ่นเดียวคือรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 ประตู Double Cab ด้วยภาพลักษณ์หล่อเดิม
ทั้งชุดกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถพร้อมตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงินและตัวอักษร Mitsubishi ขอบกระจังหน้าสไตล์ Dynamic Shield ไฟหน้า LED 3 ดวงพร้อมไฟ DRL LED 3 ดวงบนขอบฝากระโปรงหน้าพร้อมขอบตกแต่งสีดำเข้ม ชุดไฟตัดหมอกหน้า LED ที่ทั้งหมดอยู่ในชุดกันชนหน้าเท่ถึงใจด้วยการ์ดเสริม ล้ออัลลอยสีดำเข้ม 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 ตกแต่งด้วยคิ้วขอบล้อสีดำ ราวหลังคาสีดำ กับสปอร์ตบาร์ทูโทนสีดำ/เงิน สปอยเลอร์บนขอบกระบะท้ายพร้อมไฟท้าย LED แนวตั้งดีไซน์ใหม่รูปตัว H ที่เปิดประตูท้ายสีดำ กันชนหลังสีดำ
ภายในเพิ่มออปชันด้วยระบบฟอกอากาศ nanoeTMX สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ตลอดการเดินทาง เพิ่มความสะดวกสบายในห้องโดยสารขึ้น ทันสมัยด้วยชุดมาตรวัด LCD พร้อมจอแสดงข้อมูล MID ขนาด 7 นิ้ว แผงคอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบพร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 4 ขวด
กล่องเก็บของด้านหน้าช่องวางสมาร์ทโฟนและช่องเก็บของขนาดเล็กอื่นๆ มีความกว้างขวางที่ใช้งานได้สะดวกแผงควบคุมด้านหน้าและคอนโซลกลางยังมีช่องต่อ USB ด้านหน้าแบบ Type-C / Type-A จุดละ 1 ตำแหน่งด้านหน้าและด้านหลัง 1 จุด แท่นชาร์จไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม จอสัมผัสขนาดใหญ่ทั้งแบบ 9 นิ้วเชื่อมต่อทั้ง Android, Auto Apple Carplay ไร้สาย รองรับ FM/AM/MP3 พร้อมระบบนำทางในตัวจอและเทคโนโลยี MITSUBISHI CONNECT พร้อมลำโพงติดรถ 6 จุด
เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า และ 6 ทิศทางปรับด้วยมือวัสดุหุ้มเบาะกึ่งหนังแท้ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิ ซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์หมุนเวียนอากาศบนหลังคาตอนหลัง มือจับหลังคา 8 ตำแหน่งพวงมาลัยสามก้านแบบมัลติฟังก์ชันปรับได้ 4 ทิศทาง
เพิ่มสีสันด้วยโทนการตกแต่งสีดำ/ส้มในส่วนของชุดคอนโซลหน้าและแผงประตูวัสดุบุหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เบาะนั่งทูโทนหุ้มกึ่งหนังแท้ ส้ม/เทาเข้ม
และ ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control: ACC) ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าความเร็วตามที่กำหนด และระบบจะใช้เรดาห์ในการคำนวณเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าตามที่เหมาะสม เพิ่มฟังก์ชัน Stop&Go สามารถชะลอความเร็วของรถให้เองโดยอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง
ทางด้านรุ่น 2 ประตูยกสูง MEGA CAB PLUS ทั้งรุ่น PRO กับ ULTRA รุ่น 4 ประตูยกสูง Double Cab PLUS ทั้งรุ่น PRIME ULTRA และขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 ประตู Double Cab PRIME มีการปรับเปลี่ยนออปชันภายนอกด้วการตกแต่งด้วยชิ้นส่วนสีดำเงารอบคัน เพื่อเพิ่มความเข้ม เท่ และดุดันมากกว่าเดิม ด้วยไดนามิก ชิลด์สีดำเงา กรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา กระจกมองข้างสีดำเงา
มือเปิดประตูด้านนอกสีดำเงา มือเปิดกระบะท้ายสีดำเงา กันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ บันไดข้างสีดำ ตกแต่งสีไทเทเนียมรมดำ รุ่น Mega Cab Plus PRO เปลี่ยนเป็นไฟหน้า LED 3 ดวงพร้อมไฟ DRL LED 3 ดวงบนขอบฝากระโปรงหน้า
และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้วในรุ่น ULTRA PLUS เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนรุ่นอื่นๆได้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 265/65 R17 ในรุ่น PRIME และขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 265/70 R16 ในรุ่น PRO 2 ประตู
ภายในทุกรุ่นเหมือนเดิมยกเว้นรุ่นยกสูง PLUS ULTRA 2 ประตูกับ 4 ประตู ยกระดับความพรีเมียมไปอีกขั้น ด้วยระบบฟอกอากาศ nanoeTMX ที่ติดตั้งอยู่กับระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระ ซ้าย-ขวา มีคุณสมบัติในการสร้างอากาศบริสุทธิ์ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ให้ความสดชื่น และลดอาการอ่อนเพลียในการเดินทาง มาพร้อมเบาะที่นั่งหนังสังเคราะห์มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน (Heat Guard) ให้ความสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นให้ตั้งแต่รุ่น PRIME และ ULTRA ทุกตัวถังรถ
เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control: ACC) ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าความเร็วตามที่กำหนด และระบบจะใช้เรดาห์ในการคำนวณเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าตามที่เหมาะสม และฟังก์ชัน Stop&Go สามารถชะลอความเร็วของรถให้เองโดยอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง เพิ่มเติมจากเทคโนโลยีความปลอดภัย Diamond Sense ในรุ่น 4 ประตู Double Cab ยกสูง PLUS ULTRA และเพิ่มระบบล็อกความเร็ว Cruise Control ในรุ่น Mega Cab Plus ULTRA รุ่น Double Cab Plus PRIME และรุ่น Double Cab 4WD PRIME
ทางด้านรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อมาตรฐานทั้ง 2 ประตู MEGA CAB ACTIVE และ 4 ประตู Double Cab PRO โดยเฉพาะรุ่น 4 ประตู ดับเบิลแค็บ PRO มาในลุคใหม่ เข้มเต็มขั้นยิ่งกว่าเดิม ด้วยไฟหน้า และไฟเดย์ไทม์ LED แบบใหม่ พร้อมเสริมความเข้ม ด้วยชิ้นส่วนตกแต่งสีดำเงา ไดนามิก ชิลด์สีดำเงา และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา กระจกมองข้างสีดำเงา มือเปิดประตูด้านนอกสีดำเงา มือเปิดกระบะท้ายสีดำเงา และกันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำ พร้อมกระทะล้อขนาด ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 215/70R15
พร้อมออปชันครบครันทั้งชุดมาตรวัดพร้อมจอแสดงข้อมูล MID 3.5 นิ้ว แผงคอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบพร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 4 ขวด แผงควบคุมด้านหน้าและคอนโซลกลางยังมีช่องต่อ USB ด้านหน้าแบบ Type-C / Type-A จุดละ 1 ตำแหน่งด้านหน้า
จอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว รองรับ FM/AM/MP3 รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ลำโพงติดรถ 2 และ 4 จุด วัสดุหุ้มเบาะมาแบบไวนิลหนังเทียมและผ้ากำมะหยี่ เครื่องปรับอากาศธรรมดาแบบ Full Mode Control 5 ตำแหน่ง มือจับหลังคา 2 และ 3 ตำแหน่ง พวงมาลัยสามก้านแบบมัลติฟังก์ชันปรับได้ 4 ทิศทาง
โดย Mitsubishi Triton MY2025 มีราคาจำหน่ายดังนี้
- 4 ประตู Double Cab Athlete AT ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,299,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 1,000 บาท)
- 4 ประตู Double Cab Prime ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,039,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 23,000 บาท)
- 4 ประตู Double Cab PLUS ULTRA AT 1,059,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 32,000 บาท)
- 4 ประตู Double Cab PLUS PRIME AT 959,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 21,000 บาท)
- 4 ประตู Double Cab PLUS PRIME 914,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 21,000 บาท)
- 4 ประตู Double Cab PRO 722,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
- 2 ประตู Mega Cab PLUS ULTRA AT 959,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 13,000 บาท)
- 2 ประตู Mega Cab PLUS PRO 749,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 9,000 บาท)
- 2 ประตู Mega Cab ACTIVE 622,000 บาท (ราคาเดิม)
- 2 ประตู Single Cab PRO AT ขับเคลื่อน 4 ล้อ 759,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
- 2 ประตู Single Cab PRO ขับเคลื่อน 4 ล้อ 709,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 10,000 บาท)
- 2 ประตู Single Cab PRO 184 แรงม้า 609,000 บาท (ราคาเดิม)
- 2 ประตู ACTIVE Cab & chassis 569,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 4,000 บาท)
(ยกเลิกทำตลาดทั้งรุ่น Double Cab Athlete 2WD AT, Double Cab ULTRA AT 4WD, Double Cab PLUS ULTRA MT, Double Cab PLUS PRO MT, Mega Cab PLUS ULTRA MT, Mega Cab PLUS Prime MT, Mega Cab PRO MT และ Single Cab ACTIVE MT)
แหล่งอ้างอิง
[แก้]- ↑ Mitsubishi Motors: Commercial Vehicle Range (brochure), Cirencester, Glos., UK: The Colt Car Company, 1989, pp. 12–13
- ↑ "L200 – Specifications". Bahrain: Mitsubishi Motors. 2003. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 August 2012. สืบค้นเมื่อ 14 August 2016.
- ↑ "Facts & Figures 2019" (PDF). Mitsubishi Motors (pdf).
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)