มหาวิทยาลัยนอร์วิช
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
คติพจน์ | I Will Try |
---|---|
ประเภท | วิทยาลัยการทหารเอกชน |
สถาปนา | ค.ศ. 1819 |
ทุนทรัพย์ | $175,806,000[1] |
อธิการบดีมหาวิทยาลัย | Dr. Richard W. Schneider, RADM USCGR (Ret.) |
อาจารย์ | 112 |
ปริญญาตรี | 2,000+ |
บัณฑิตศึกษา | 1,000 |
ที่ตั้ง | , , |
วิทยาเขต | เขตชนบท, 1200 เอเคอร์ |
สี | Maroon & สีทอง |
มาสคอต | Cadets |
เว็บไซต์ | www |
มหาวิทยาลัยนอร์วิช (อังกฤษ: Norwich University ; NU) เป็นมหาวิทยาลัยการทหารเอกชน ก่อตั้งในปีค.ศ. 1819 ในรัฐ เวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา ที่ นอร์วิช เวอร์มอนต์ ในชื่อ สถาบันด้านอักษรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการทหารของชาวอเมริกัน เป็นวิทยาลัยการทหารเอกชนที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเก่าแก่ที่สุดในบรรดาหกวิทยาลัยการทหารของประเทศ นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรองโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ว่าเป็น "แหล่งกำเนิดของการฝึกนายทหารกำลังสำรอง" มหาวิทยาลัยการทหารนอร์วิชมีนักศึกษาที่เป็นนักเรียนนายร้อย[2] แลพมีนักศึกษาที่เป็นพลเรือนด้วย[3]
ประวัติ
[แก้]พาร์ทริชและมหาวิทยาลัยของเขา
[แก้]มหาวิทยาลัยก่อตั้งในปี ค.ศ. 1819 ที่นอร์วิช โดยผู้ให้การศึกษาวิชาทหารและอดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยทหารบกสหรัฐอเมริกาเวสต์พอยต์ ร้อยเอก อัลเดน บี.พาร์ทริช เขาเชื่อใน "ระบบการศึกษาของชาวอเมริกัน" แบบธรรมเนียมศิลปศาสตร์ หลักสูตรการสอนในวิศวกรรมโยธา และวิชาทหาร หลังจากออกจากเวสต์พอยต์ เนื่องจากรัฐสภาไม่เห็นด้วยกับระบบของเขา เขาจึงได้เดินทางกลับบ้านเกิดที่เวอร์มอนต์ เพื่อก่อตั้ง สถาบันด้านอักษรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการทหารของชาวอเมริกัน ร.อ. พาร์ทริช ได้ก่อตั้งสถาบันของเขาเพื่อต่อต้านการปฏิรูปของ Sylvanus Thayer เพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นในมุมมองของเขา ต่อภัยคุกคามที่อันตรายในระบบความมั่นคงของสาธารณรัฐที่พึ่งจะก่อตั้งใหม่: ในระดับนายทหารมืออาชีพ เขาเชื่อว่าการฝึกที่ดีของกองทหารอาสาสมัคร กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนและเป็นการพัฒนาระบบของอเมริกันในความคิดนั้น สถาบันของเขากลายเป็นแรงบัลดาลใจให้กับการก่อตั้งวิทยาลัยการทหารแห่งอื่นทั่วทั้งประเทศ รวมทั้ง สถาบันการทหารเวอร์จิเนีย (VMI) และ The Citadel (The Military College of South Carolina)
นอร์วิชในคริสต์ศตวรรษที่ 19
[แก้]ในปี ค.ศ. 1825 สถาบันย้ายไปที่ มิดเดิลทาวน์ รัฐคอนเนตทิคัต เพื่อให้การฝึกทางเรือดีขึ้น เนื่องจากการเพิ่มจำนวนขึ้นของนักเรียนนายร้อยในปี ค.ศ. 1829 รัฐคอนเนตทิคัดปฏิเสธที่จะยอมให้ ร.อ. พาร์ทริช ดำเนินการดังนั้นเขาจึงย้ายสถาบันกลับมาที่นอร์วิช (มหาวิทยาลัยที่มิดเดิลทาวน์ได้กลายมาเป็น Wesleyan University ในปี ค.ศ. 1831) ต้นปี ค.ศ. 1826 วิทยาลัยเสนอหลักสูตรแรกคือ วิศวกรรมโยธา ในสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1834 รัฐเวอร์มอนต์ได้อนุมัติกฎหมายและยอมรับชื่อสถาบัน มหาวิทยาลัยนอร์วิช ระหว่างปีการศึกษา ค.ศ. 1856 ผู้ได้รับอนุญาตคนแรกของ Theta Chi Fraternity ถูกก่อตั้งโดยนักเรียนนายร้อย เฟรเดอริก นอร์ตัน ฟรีแมน และ Arthur Chase ในช่วงเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองอเมริกัน ในปี ค.ศ. 1861 นักเรียนนายร้อยของนอร์วิช ได้รับราชการในฐานะผู้ฝึกกองกำลังท้องถิ่นประจำรัฐ ในตลอดรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือ และนักเรียนนายร้อยรุ่นปี 1862 ทั้งหมด ได้เข้าร่วมสงครามหลังจากจบการศึกษา นอร์วิชได้ส่งนายทหารกว่า 100 นาย และพลทหาร เข้าร่วมรบกับกองกำลังฝ่ายรัฐบาลในสงครามกลางเมือง รวมทั้งได้รับเหรียญกล้าหาญ Medal of Honor 4 เหรียญ ศิษย์เก่า 1 นาย เป็นผู้บัญชาการกองทัพน้อย มากกว่า 7 นาย เป็นผู้บัญชาการกองพล 21 นาย เป็นผู้บัญชาการกองพลน้อย 38 นาย เป็นผู้บังคับการกรม และศิษย์เก่าจำนวนมากรับราชการใน 131 กรมทหารที่แตกต่างกัน ในปี ค.ศ. 1898 มหาวิทยาลัยถูกตั้งให้เป็น วิทยาลัยการทหารแห่งมลรัฐเวอร์มอนต์
กองทัพไทยและมหาวิทยาลัยนอร์วิช
[แก้]กองทัพไทยได้คัดเลือกนักเรียนนายร้อย ซึ่งมีผลการศึกษาดี จากโรงเรียนนายร้อยของเหล่าทัพ เข้าศึกษาต่อ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยมหาวิทยาลัยนอร์วิชเป็นหนึ่งในสถาบันเหล่านั้น นักเรียนนายร้อยไทยท่านแรกที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอร์วิชคือ พล.อ.ชาญ บุญประเสริฐ ซึ่งรับราชการในตำแหน่งสุดท้ายเป็นเสนาธิการทหารบก
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Norwich University". U.S. News and World Report. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-12. สืบค้นเมื่อ 2010-07-21.
- ↑ "Corps of Cadets". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-16. สืบค้นเมื่อ 2010-07-21.
- ↑ "Traditional Students". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-03. สืบค้นเมื่อ 2010-07-21.