ข้ามไปเนื้อหา

มหากรุณาธารณี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปางสหัสภุชสหัสเนตร ที่พุทธอุทยานฝอกวงซาน เมืองเกาซ่ง, ไต้หวัน

มหากรุณาธารณี (สันสกฤต: महा करुणा धारनी, จีน: 大悲咒, แปลว่า "ธารณีว่าด้วยความกรุณาอันยิ่งใหญ่") หรือ นิลกัณฐธารณี (สันสกฤต: नीलकण्ठ धारनी, "ธารณีว่าด้วยพระผู้มีพระศอสีนิล") เป็นบทสวดสำคัญในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน โดยเป็นธารณีประจำองค์พระอวโลกิเตศวร ปางพันหัตถ์พันเนตร มีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานภาษาสันสกฤตของอินเดีย พระภควธรรมเถระ ชาวอินเดียได้นำเข้าไปแปลเป็นภาษาจีนในสมัยราชวงศ์ถัง และมีฉบับแปลเป็นภาษาทิเบตเช่นกัน

มหากรุณาธารณีถือเป็นมนตร์ที่เกิดขึ้นจากความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ของพระอวโลกิเตศวร ที่มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายที่กำลังประสบทุกข์ในโลก คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนากล่าวถึงธารณีนี้ภายใต้ชื่อที่แตกต่างกัน เช่น มหาไวปุลยสัมปุรณธารณี, อกิญจนมหากรุณาธารณี, อายุวัฒนธารณี, วิกรมอุตตรภูมิธารณี และมโนมัยอิศวรธารณี เป็นต้น อักษรแต่ละตัวและแต่ละประโยคในบทสวดนี้ ล้วนแสดงถึงอรรถธรรมที่นำพาผู้ปฏิบัติเข้าถึงสัมมาสัมโพธิญาณ

ในพระไตรปิฎกภาษาจีน ธารณีนี้มีชื่อเรียกแตกต่างกันหลายชื่อเช่นเดียวกัน และได้รับการยกย่องว่าเป็นมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่อัญเชิญความเมตตากรุณาอันไร้ขอบเขตของพระอวโลกิเตศวร อักษรและประโยคในบทธารณีนี้ถูกตีความว่าแฝงไว้ด้วยความหมายเชิงธรรมะที่ลึกซึ้ง ซึ่งนำไปสู่การตรัสรู้ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า[1]

ประวัติ

[แก้]

ในประเทศไทย ธารณีฉบับนี้ได้รับการแปลโดย หลวงจีนคณาจีนพรต (เย็นบุญ) เจ้าอาวาสวัดทิพยวารีวิหาร แขวงบ้านหม้อ เขตพระนคร กรุงเทพ จากคัมภีร์สันสกฤตของมหายาน คือคัมภีร์ สหัสภุชสหัสเนตรอวโลกิเตศวรโพธิสัตวไวปุลยสัมปุรณอกิญจนมหากรุณาจิตธารณีสูตรมหากรุณามนตระ ที่พระภควธรรม ชาวอินเดีย นำไปแปลเป็นภาษาจีนในสมัยราชวงศ์ถัง โดยกล่าวถึงบทสวดธารณีแห่งพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ซึ่งเรียกว่า มหากรุณาหฤทัยธารณี ที่ให้คุณอันยิ่งใหญ่แก่ผู้สวดมนต์

เนื้อหาของคัมภีร์บรรยายถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่พระศากยมุนีพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ โปตาลกะบรรพต ในเวลานั้น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้ทูลขอพุทธานุญาตเพื่อแสดงธารณีมนตร์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้น เพื่อเป็นที่พึ่งแก่สรรพสัตว์ บทธารณีนี้มีต้นกำเนิดย้อนกลับไปในยุคของพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระสหัสประภาศานติสถิตยตถาคต ซึ่งพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นได้ตรัสบทธารณีนี้แก่พระอวโลกิเตศวร และตรัสว่า "สาธุ บุรุษ เมื่อเธอได้รับหฤทัยธารณีนี้ จงใช้เพื่อนำความสุขสงบมาสู่สัตว์ทั้งหลายในยุคกัลป์แห่งอนาคตกาลโดยทั่วถึง"

ในคัมภีร์ได้กล่าวว่า เมื่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้ฟังมนตร์นี้แล้ว พระองค์ก็ได้บรรลุถึงภูมิที่ 8 แห่งพระโพธิสัตว์ และตั้งปณิธานว่า "ในอนาคตกาล หากข้าพเจ้าสามารถยังประโยชน์สุขให้แก่สรรพสัตว์ได้ ขอให้ข้าพเจ้ามีพันเนตรพันหัตถ์ในบัดดล" หลังจากที่พระองค์ตั้งปณิธานเสร็จสิ้น ก็ปรากฏว่าพระองค์ได้มีพันหัตถ์พันเนตรขึ้นมาทันที และทันใดนั้น พื้นดินทั่วทั้งทศทิศก็สั่นไหว พระพุทธเจ้าทั้งปวงในทศทิศก็เปล่งแสงโอภาสเรืองรองมายังพระวรกายของพระโพธิสัตว์ และแสงเหล่านั้นได้แผ่กระจายไปยังโลกธาตุทั้งปวงอย่างไร้ขอบเขต

พระพุทธเจ้าทรงตรัสแก่พระอานนท์ว่า เนื่องจากปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์ หากมนุษย์หรือเทวดาสวดธารณีมนตร์นี้คืนละ 7 จบ จะสามารถลบล้างบาปกรรมมหันต์ที่สะสมมานับร้อยพันหมื่นล้านกัลป์ได้ และหากผู้ใดสวดคาถามหากรุณาธารณีนี้เมื่อใกล้สิ้นชีวิต พระพุทธเจ้าทั้งสิบทิศจะยื่นพระหัตถ์มารับดวงจิตของผู้นั้นไปเกิดในพุทธเกษตรทุกแห่ง[2]

บทและคำแปล

[แก้]

नमो रत्नत्रयाय नमो आर्य अवलोकितेश्वराय बोधिसत्त्वाय महासत्त्वाय महाकारुणिकाय। ॐ सर्वरभये सुधनदस्य। नमस्कृत्वा इमम् आर्यावलोकितेश्वर रंधव नमो नरकिन्दि ह्रीः। महावधसम सर्व अथदु शुभुं अजेयं सर्व सत्त्य नम वस्त्य नमो वाक मार्ग दातुह् तद्यथा ऊँ अवलोकि लोचते करते ए ह्रीः महाबोधिसत्त्व। सर्व सर्व मल मल महिम हृदयम् कुरु कुरु कर्मं धुरु धुरु विजगते महाविजयते धर धर धिरिनिश्वराय चल चल मम विमल मुक्तेले एहि एहि शिन शिन आरषं प्रचलि विष विश प्राशय। हुरु हुरु मार हुलु हुलु ह्रिह् सर सर शिरि शिरि सुरुसुरु बोधिय बोधिय बोधय बोधय मैत्रिया। नारकिन्दि धर्षिनिन भयमान स्वाहा सिद्धाय स्वाहा। महासिद्धाय स्वाहा सिद्धायोगेश्वराय स्वाहा। नरकिन्दि स्वाहा। मारणर स्वाहा। सिरा संह मुखाय स्वाहा सर्व महा आसिद्धाय स्वाहा चक्र आसिद्धाय स्वाहा। पद्म हस्त्राय स्वाहा। नरकिन्दि वगलय स्वाहा मवरि शन्खराय स्वाहा। नमः रत्नत्रयाय नमो आर्यावलोकितेश्वराय स्वाहा। ॐ सिध्यन्तु मन्त्र पदाय स्वाहा।[2]

คำอ่าน
[แก้]

นโม รตฺนตฺรยาย นม อารฺยาวโลกิเตศฺวราย โพธิสตฺตฺวาย มหาสตฺตฺวาย มหาการุณิกาย สรฺวพนฺธนจฺเฉทนกราย สรฺวภวสมุทฺรโศษณกราย สรฺววฺยาธิปฺรศมนกราย สรฺเวตฺยุปทฺรววินาศนกราย สรฺวภเยษุตฺราณราย ตสฺไม นมสฺกฤตฺวา อิมํ อารฺยาวโลกิเตศฺวรภาษิตํ นีลกณฺฐนาม หฤทยํ วรฺตยิษฺยามิ สรฺวารฺถ สาธกํ ศุภมฺ อเชยํ สรฺวภูตานํา ภวมารฺควิโศธกมฺ ตทฺยถา โอํ อาโลก เอ อาโลกมติ โลกาติกฺรานฺต เอหิ หเร อารฺยาวโลกิเตศฺวร มหาโพธิสตฺตฺว เห โพธิสตฺตฺว เห มหาโพธิสตฺตฺว เห วีรฺยโพธิสตฺตฺว เห มหาการุณิก สฺมร หฤทยมฺ เอหฺเยหิ หเร อารฺยาวโลกิเตศฺวร มเหศฺวร ปรมารฺถจิตฺต มหาการุณิก กุรุ กุรุ กรฺม สาธย สาธย วิทฺยามฺ เทหิ เทหิ ตฺวรํ กามํคม วิหํคม วิคม สิทฺธโยเคศฺวร ธุรุ ธุรุ วิยนฺต เอ มหาวิยนฺต เอ ธรธร ธเรนฺเทฺรศฺวร จลจล วิมลามล อารฺยาวโลกิเตศฺวร ชิน กฤษฺณชฏามกุฏา’วรม ปฺรรม วิรม มหาสิทฺธวิทฺยาธร พลพล มหาพล มลฺลมลฺล มหามลฺล จล จล มหาจล กฤษฺณวรฺณ ทีรฺฆ กฤษฺณปกฺษ นิรฺฆาตน เห ปทฺม หสฺต จร จร นิศาจเรศฺวร กฤษฺณสรฺปกฤต ยชฺโญปวีต เอหฺเยหิ มหาวราหมุข ตฺริปุรทหเนศฺวร นารายณพโลปพลเวศธร เห นีลกณฺฐ เห มหากาล หลาหล วิษ นิรฺชิต โลกสฺย ราควิษวินาศน ทฺเวษวิษวินาศน โมหวิษวินาศน หุลุหุลุ มลฺล หุลุ หเร มหาปทฺมนาภ สร สร สิริ สิริ สุรุ สุรุ มุรุมุรุ พุธฺย พุธฺย โพธย โพธย ไมตฺริย นีลกณฺฐ เอหฺเยหิ วามสฺถิตสิํห มุข หส หส มุญฺจ มุญฺจ มหาฏฺฏหาสมฺ เอหฺเยหิ โภ มหาสิทฺธโยเคศฺวร ภณ ภณ วาจมฺ สาธย สาธย วิทฺยามฺ สฺมร สฺมร ตํ ภควนฺตํ โลกิตวิโลกิตํ โลเกศฺวรํ ตถาคตมฺ ททาหิ เม ทรฺศนกามสฺย ทรฺศนมฺ  ปฺรหฺลาทย มนะ สฺวาหา สิทฺธาย สฺวาหา มหาสิทฺธาย สฺวาหา สิทฺธโยเคศฺวราย สฺวาหา นีลกณฺฐาย สฺวาหา วราหมุขาย สฺวาหา มหานรสิํหมุขาย สฺวาหา สิทฺธ วิทฺยาธราย สฺวาหา ปทฺมหสฺตาย สฺวาหา กฤษฺณสรฺปกฤตยชฺโญปวีตาย สฺวาหา มหาลกุฏ ธราย สฺวาหาจกฺรายุธาย สฺวาหา ศํขศพฺท นิโพธนาย สฺวาหา  วามสฺกนฺธเทศสฺถิต กฤษฺณาชินาย สฺวาหา วฺยาฆฺรจรฺม นิวสนาย สฺวาหา โลเกศฺวราย สฺวาหา สรฺวสิทฺเธศฺวราย สฺวาหา นโม ภควเต อารฺยาวโลกิเตศฺวราย โพธิสตฺตฺวาย มหาสตฺตฺวาย มหาการุณิกาย สิธฺยนฺตุ เม มนฺตฺรปทานิ สฺวาหา๚[2]

南無喝囉怛那哆囉夜耶 南無阿唎耶 婆盧羯帝爍缽囉耶 菩提薩埵婆耶 摩訶薩埵婆耶 摩訶迦盧尼迦耶 唵 薩皤囉罰曳 數怛那怛寫 南無悉吉慄埵伊蒙阿唎耶 婆盧吉帝室佛囉愣馱婆 南無那囉謹墀 醯利摩訶皤哆沙咩 薩婆阿他豆輸朋 阿逝孕 薩婆薩哆那摩婆薩哆那摩婆伽 摩罰特豆 怛姪他 唵阿婆盧醯 盧迦帝 迦羅帝 夷醯唎 摩訶菩提薩埵 薩婆薩婆 摩囉摩囉 摩醯摩醯唎馱孕 俱盧俱盧羯蒙 度盧度盧罰闍耶帝 摩訶罰闍耶帝 陀囉陀囉 地唎尼 室佛囉耶 遮囉遮囉 摩麼罰摩囉 穆帝隸 伊醯伊醯 室那室那 阿囉參佛囉舍利 罰沙罰參 佛囉舍耶 呼嚧呼嚧摩囉 呼嚧呼嚧醯利 娑囉娑囉 悉唎悉唎 蘇嚧蘇嚧 菩提夜菩提夜 菩馱夜菩馱夜 彌帝唎夜 那囉謹墀 地利瑟尼那 波夜摩那 娑婆訶 悉陀夜 娑婆訶 摩訶悉陀夜 娑婆訶 悉陀喻藝 室皤囉耶 娑婆訶 那囉謹墀 娑婆訶 摩囉那囉 娑婆訶 悉囉僧阿穆佉耶 娑婆訶 娑婆摩訶阿悉陀夜 娑婆訶 者吉囉阿悉陀夜 娑婆訶 波陀摩羯悉陀夜 娑婆訶 那囉謹墀皤伽囉耶 娑婆訶 摩婆利勝羯囉夜 娑婆訶 南無喝囉怛那哆囉夜耶 南無阿唎耶 婆嚧吉帝 爍皤囉夜 娑婆訶 唵悉殿都漫多囉跋陀耶娑婆訶[2]

南无喝囉怛那哆囉夜耶 南无阿唎耶 婆卢羯帝烁钵啰耶 菩提萨埵婆耶 摩诃萨埵婆耶 摩诃迦卢尼迦耶 唵 萨皤囉罚曳 数怛那怛写 南无悉吉栗埵伊蒙阿唎耶 婆卢吉帝室佛啰愣驮婆 南无那囉谨墀 醯利摩诃皤哆沙咩 萨婆阿他豆输朋 阿逝孕 萨婆萨哆那摩婆萨哆那摩婆伽 摩罚特豆 怛姪他 唵阿婆卢醯 卢迦帝 迦罗帝 夷醯唎 摩诃菩提萨埵 萨婆萨婆 摩啰摩啰 摩醯摩醯唎驮孕 俱卢俱卢羯蒙 度卢度卢罚闍耶帝 摩诃罚闍耶帝 陀啰陀啰 地唎尼 室佛啰耶 遮啰遮啰 摩么罚摩啰 穆帝隶 伊醯伊醯 室那室那 阿啰参佛啰舍利 罚沙罚参 佛啰舍耶 呼嚧呼嚧摩啰 呼嚧呼嚧醯利 娑囉娑囉 悉唎悉唎 苏嚧苏嚧 菩提夜菩提夜 菩驮夜菩驮夜 弥帝唎夜 那囉谨墀 地利瑟尼那 波夜摩那 娑婆诃 悉陀夜 娑婆诃 摩诃悉陀夜 娑婆诃 悉陀喻艺 室皤囉耶 娑婆诃 那囉谨墀 娑婆诃 摩啰那囉 娑婆诃 悉啰僧阿穆佉耶 娑婆诃 娑婆摩诃阿悉陀夜 娑婆诃 者吉啰阿悉陀夜 娑婆诃 波陀摩羯悉陀夜 娑婆诃 那囉谨墀皤伽囉耶 娑婆诃 摩婆利胜羯啰夜 娑婆诃 南无喝囉怛那哆囉夜耶 南无阿唎耶 婆嚧吉帝 烁皤囉夜 娑婆诃 唵悉殿都漫多啰跋陀耶娑婆诃[2]

Nāmo hēlàdánà duōlàyèyé. Nāmo alīyé. Pólújiédì. Shuòbōlàyé. Pútísàduǒpóyé. Móhāsàduǒpóyé. Móhājiālúníjiāyé. Ǎn. Sàbólàfáyì. Shùdană dáxiĕ. Nāmo xījílí duǒyīmēng alīyé. Pólújiédì shìfólà. Léngtuópó. Nāmo nălàjĭnchí. Xīlīmóhā bóduōshāmiē. Sàpó atādòu shūpéng. Āshìyùn. Sàpósàduō nămó pósàduō nămó pójiā. Mófá tèdòu. Dázhítā. Ǎn apólúxī. Lújiādì. Jiāluódì. Yíxīlī. Móhā pútísàduǒ. Sàpó sàpó. Mólà mólà. Móxī móxī lītuóyùn. Jùlú jùlú jiéméng. Dùlú dùlú fáshéyédì. Móhā fáshéyédì. Tuólà tuólà. Dìlīní. Shìfólàyē. Zhēlà zhēlà. Mómó fámólà. Mùdìlì. Yīxī yīxī. Shìnă shìnă. Ālàshēn fólàshělì. Fáshā fáshēn. Fólàshěyé. Hūlú hūlú mólà. Hūlú hūlú xīlī. Suōlà suōlà. Xīlī xīlī. Sūlú sūlú. Pútíyè pútíyè. Pútuóyè pútuóyè. Mídìlīyè. Nălàjĭnchí. Dìlī sènínà. Pōyèmónà. Suōpóhā. Xītuóyè. Suōpóhā. Móhā xītuóyè. Suōpóhā. Xītuóyùyì. Shìbólàyè. Suōpóhā. Nălàjĭnchí. Suōpóhā. Mólà nălà. Suōpóhā. Xīlàsēng amùqūyé. Suōpóhā. Suōpó móhā axītuóyé. Suōpóhā. Zhějílà axītuóyè. Suōpóhā. Bōtuómó jiéxītuóyè. Suōpóhā. Nălàjĭnchí bóqiélàyé. Suōpóhā. Mópólì shèngjiélàyè. Suōpóhā. Nāmo hēlàdánà duōlàyèyé. Nāmo alīyé. Pólújídì. Shuōbólàyè. Suōpóhā. Ǎn xīdiàndū. Mànduōlà. Bátuóyé. Suōpóhā.[2]

ฉบับสั้น
[แก้]

༄༅།།ན་མོ་རཏྣ་ཏྲ་ཡཱ་ཡ།ན་མ ཨཱརྱ་ཛྙཱ་ན་སཱ་ག་ར། ཝཻ་རོ་ཙ་ན། ལྕུ་ཧ་རཱ་ཛཱ་ཡ། ཏཐཱ་ག་ཏ་ཡ།ཨརྷ་ཏེ་སམྱ་ཀྶཾ་བུདྡྷ་ཡ། ན་མཿ་སརྦ་ཏ་ཐཱ་ག་ཏེ་བྷྱཿ༔ ཨརྷ་ཏེ་བྷྱཿ༔ སམྱ་ཀྶཾ་བུདྡྷེ་བྷྱ༔ ན་མ ཨཱརྱ་ཨ་ཝ་ལོ་ཀི་ཏེ་ཤྭ་རཱ་ཡ། བོ་དྷི་སཏྭཱ་ཡ།མ་ཧཱ་སཏྭཱ་ཡ།མ་ཧཱ་ཀཱ་རུ་ཎི་ཀཱ་ཡ།ཏ་དྱ་ཐཱ།ཨོཾ་དྷ་ར་དྷ་ར། དྷི་རི་དྷི་རི།དྷུ་རུ་དྷུ་རུ།ཨི་ཊྚེ་ཝི་ཊྚེ། ཙ་ལེ་ཙ་ལེ།པྲ་ཙ་ལེ་པྲ་ཙ་ལེ།ཀུ་སུ་མེ ཀུ་སུ་མ་ཝ་རེ།ཨི་ལི་མི་ལི། ཙི་ཊི་ཛཱ་ལ་མ་པ་ན་ཡ་སྭཱ་ཧཱ།།[2]

ฉบับยาว
[แก้]

༄༅།། ན་མོ་རཏྣ་ཏྲ་ཡ༷་ཡ། ན་མ་ཨཱ་རྻ། ཨ་བ་ལོ་ཀི་ཏེ་ཤྭ་ར་ཡ། བོ་དྷི་སཏྭ་ཡ། མ་ཧཱ་སཏྭ༌ཡ། མ༌ཧཱ༌ཀཱ༌རུ༌ཎི༌ཀཱ༌ཡ། ཨོཾ༌ས༌བ་ལ་བ་ཏི། ཤུ་དྷ་ན་ཏ་སྱ། ན་མོ་སྐ་ཏྭ་ནི་མཾ་ཨཱ་རུ། ཨ་བ་ལོ་ཀི་ཏེ་ཤ་ར་ལཾ་ཏ་བྷ། ན་མོ་ཎཱི་ལ་ཀནྡྷ། ཤྲི་མ་ཧཱ་པ་ཏ་ཤ་མི། སརྦ་ཏྭ་ཏ་ཤུ་བྷ། ཨ་ཤི་ཡུཾ། སརྦ་སཏྭ་ན་མོ་པ་སཏྭ་ན་མ་བྷ་བ། མ་བྷ་ཏེ་ཏུ། ཏདྱཐྭ། ཨོཾ་ཨཱ་བ་ལོ་ཀ། ལོ་ཀ་ཏེ། ཀ་ལ་ཏི། ཨི་ཤི་རི། མ་ཧཱ་བོ་དྷི་ས་ཏྭ། ས་བྷོ་ས་བྷོ། མ་ར་མ་ར། མ་ཤི་མ་ཤི་རི་དྷ་ཡུ། གུ་རུ་གུ་རུ་ག་མཾ། དུ་རུ་དུ་རུ་བྷ་ཤི་ཡ་ཏི། མ་ཧཱ་བྷ་ཤི་ཡ་ཏི། དྷ་ར་དྷ་ར། དྷི་རི་ཎི། ཤྭ་ར་ཡ། ཛ་ལ་ཛ་ལ་མ་མ་བྷ་མ་ར། མུ་ངྷི་ལི། ཨེ་ཧྱ་ཧི། ཤི་ན་ཤི་ན། ཨ་ལ་ཤྀ་བྷ་ལ་ཤ་རི། བྷ་ཤ་བྷ་ཤྀ། པར་ཤ་ཡ། ཧུ་ལུ་ཧུ་ལུ་མ་ར། ཧུ་ལུ་ཧུ་ལུ་ཤྲི། ས་ར་ས་ར། སི་རི་སི་རི། སུ་རུ་སུ་རུ། བུད་དྷྱ་བུད་དྷྱ། པོ་དྷ་ཡ་པོ་དྷ་ཡ། མཻ་ཏྲི་ཡེ། ནཱི་ལ་ཀརྞ། ཏྲི་ཤ་ར༌ཎ༌། བྷ༌ཡ༌མ༌ཎ༌སྭཱ༌ཧཱ། སི༌ཏ༌ཡ༌། སྭཱ་ཧཱ། མ་ཧཱ་སི་ཏ༌། སྭཱ་ཧཱ། སི་ཏ་ཡ་ཡེ། ཤ་ར་ཡ། སྭཱ་ཧཱ། ཎཱི་ལ་ཀརྞཱི། སྭཱ་ཧཱ། མ་ར་ཎི༌ལ། སྭཱ་ཧཱ། ཤཱི་སིཾ་ཧ་མུ༌ཁ༌ཡ། སྭཱ་ཧཱ། སརྦ་མ་ཧཱ་ཨ་སྟ་ཡ།སྭཱ་ཧཱ། ཙ་ཀྲ་ཨསྟ་ཡ།སྭཱ་ཧཱ། པདྨ་ཀེ་ཤ་ཡ།སྭཱ་ཧཱ། ཎཱི་ལ་ཀཧྞ་པརྞྞ་ལ་ཡ། སྭཱ་ཧཱ། མོ་བྷོ་ལི་ཤངྒ་ར་ཡ།སྭཱ་ཧཱ། ན་མོ་རཏྣ་ཏྲ་ཡཱ་ཡ། ན་མཿཨཱ་རུ། ཨ་བ་ལོ་ཀི་ཏེ་ཤྭ་ར་ཡ། སྭཱ་ཧཱ། ཨོཾ་སི་ཏྲིནྟུ། མནྟཱ། པ་ཏ་ཡེ་སྭཱ་ཧཱ༔༎[2]

อานิสงส์ของการสวดธารณี

[แก้]

ในพระสูตรกล่าวว่า ผู้ที่ตั้งใจสวดมหากรุณามนตร์นี้ด้วยจิตศรัทธาตั้งมั่น จะประกอบด้วยอานิสงส์เป็นกุศล 15 ประการ คือ

  1. ที่ที่เกิดจะพบแต่กุศล 5 ประการ
  2. ได้เกิดในประเทศกุศล
  3. พบแต่ยามดี
  4. พบแต่มิตรดี
  5. ร่างกายประกอบด้วยอินทรีย์พร้อมมูล
  6. จิตเป็นธรรมโดยสมบูรณ์
  7. ไม่ผิดศีล
  8. ญาติบริวารมีความกตัญญู ปรองดองกัน มีสามัคคีกัน
  9. ทรัพย์สมบัติ โภคทรัพย์มีความสมบูรณ์ครบถ้วน
  10. มีผู้เคารพและให้ความช่วยเหลือเสมอ
  11. ทรัพย์สินที่มีอยู่ไม่มีใครมาปล้นชิง
  12. คิดปรารถนาสิ่งใดจะได้สมความปรารถนา
  13. ทวยเทพ นาค ให้ความปกปักรักษาอยู่ทุกเมื่อ
  14. เกิดในที่ที่ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า
  15. สามารถเข้าถึงอรรถแห่งพระธรรมที่ได้สดับ

นอกจากนี้ ยังมีอานิสงส์ทำให้ไม่ต้องมรณะด้วยเหตุ 15 ประการ คือ

  1. ไม่ต้องมรณะด้วยความอดอยากข้นแค้น
  2. ไม่ต้องมรณะด้วยการใส่ขื่อคา กักขัง และเฆี่ยนโบย
  3. ไม่ต้องมรณะด้วยศัตรูจองเวร
  4. ไม่ต้องมรณะด้วยการศึกสงคราม
  5. ไม่ต้องมรณะด้วยสัตว์ขบกิน
  6. ไม่ต้องมรณะด้วยงูพิษ แมลงป่อง
  7. ไม่ต้องมรณะด้วยการจมน้ำ ไฟไหม้
  8. ไม่ต้องมรณะด้วยยาพิษ
  9. ไม่ต้องมรณะด้วยแมลงร้ายขบกัด
  10. ไม่มรณะด้วยจิตใจว้าวุ่น เป็นบ้า
  11. ไม่มรณะด้วยตกจากภูเขา ต้นไม้ และหน้าผาสูง
  12. ไม่ต้องมรณะด้วยการสาปแช่งภูตผีปีศาจ
  13. ไม่ต้องมรณะเพราะเทพร้ายและผีสาง
  14. ไม่ต้องมรณะด้วยโรคร้ายเรื้อรัง
  15. ไม่ต้องมรณะด้วยความไม่ประมาณตนจนเกินฐานะ

บทสวดนี้เป็นที่นับถือและสวดบูชาพระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) กันอยู่ทั่วไปในหมู่พุทธศาสนิกชน ตั้งแต่อินเดียเหนือ เนปาล ทิเบต ไปจนถึงจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี มหากรุณาธารณีนี้เป็นบทสวดของพระอวโลกิเตศวร ปางพันหัตถ์พันเนตร ในคัมภีร์ระบุว่า ผู้ที่เลื่อมใสถวายสักการะต่อพระอวโลกิเตศวรอยู่เป็นเนืองนิตย์ ตั้งใจสวดสรรเสริญพระนาม ย่อมจะถึงพร้อมในกุศลทั้งปวง สามารถยังวิบากกรรมอันมิมีประมาณให้สิ้นสูญ ครั้นเมื่อวายชนม์จะไปอุบัติ ณ สุขาวดีโลกธาตุแห่งองค์พระอมิตาภพุทธเจ้า[3]

ดูเพิ่ม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]


  1. https://sites.google.com/view/th-chtripitaka/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%99/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 2.7 "มหากรุณาธารณีสูตร". sites.google.com.
  3. https://84awatarn.wordpress.com/อานิสงค์/